(ต่อ1) สรุปผลการประชุมคณะรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคม ประจำวันที่ 19 พฤษภาคม 2546

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

3. แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย (พ.ศ. 2546 - 2550) คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย (พ.ศ. 2546 - 2550) ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ประเทศไทยภายใต้บริบทของการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบจากต่างประเทศ เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ทำให้เกิดความจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาระบบราชการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง การสร้างความเป็นเลิศของระบบราชการไทยให้รองรับกับกระแสการเปลี่ยนแปลงนั้น จำเป็นที่จะต้องยึดหลักประการสำคัญ คือ การบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน โดยต้องใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) จึงได้กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ของการพัฒนาระบบราชการในช่วงระยะปี พ.ศ. 2546 - พ.ศ. 2550 ว่า "พัฒนาระบบราชการไทยให้มีความเป็นเลิศ สามารถรองรับกับการพัฒนาประเทศในยุคโลกาภิวัฒน์ โดยยึดหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีและประโยชน์สุขของประชาชน" 1. เป้าประสงค์หลักของการพัฒนาระบบราชการไทย 4 ประการ 1.1 พัฒนาคุณภาพการให้บริการประชาชนที่ดีขึ้น 1.2 ปรับบทบาท ภารกิจ และขนาดให้มีความเหมาะสม 1.3 ยกระดับขีดความสามารถและมาตรฐานการทำงานให้อยู่ในระดับสูงเทียบเท่าเกณฑ์สากล 1.4 ตอบสนองต่อการบริหารปกครองในระบอบประชาธิปไตย 2. ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย ภายใต้วัตถุประสงค์และเป้าหมายหลักดังกล่าว เพื่อให้การดำเนินงานพัฒนาระบบราชการไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควรกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาที่สนับสนุนและเชื่อมโยงกัน ประกอบด้วย 7 ยุทธศาสตร์ที่สำคัญดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 : การปรับเปลี่ยนกระบวนการและวิธีการทำงาน ประกอบด้วย 9 มาตรการ คือ 1) วางเงื่อนไขให้ส่วนราชการต่าง ๆ นำระบบการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์มาประยุกต์ใช้อย่างจริงจัง 2) ให้แต่ละส่วนราชการกำหนดเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับคุณภาพมาตรฐานในการให้บริการและการพัฒนาองค์การ 3) ปรับเปลี่ยนระบบการควบคุมภายในของส่วนราชการให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยเฉพาะการควบคุมก่อนดำเนินงาน 4) ปรับปรุงระบบการประเมินผลการดำเนินงาน โดยจัดให้มีการเจรจาและทำข้อตกลงว่าด้วยผลงานประจำปี ให้สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์และแผนดำเนินงานรายปีกับหัวหน้าส่วนราชการไว้เป็นการล่วงหน้า รวมทั้งให้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามข้อตกลงดังกล่าวทุกสิ้นปี และถือเป็นเงื่อนไขส่วนหนึ่งของการให้เงินรางวัลประจำปีแก่ส่วนราชการ 5) ให้มีการทบทวนแผนยุทธศาสตร์และแผนดำเนินงาน/โครงการต่าง ๆ อย่างเป็นระบบและสม่ำเสมอ 6) การกำหนดวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และตัวชี้วัด ของแผนยุทธศาสตร์และแผนดำเนินงาน การจัดทำข้อตกลงว่าด้วยผลงาน รวมถึงการทบทวน ติดตามและประเมินผลนั้น ให้มีกระบวนการปรึกษาหารือ การสำรวจและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และ/หรือการเปิดให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมโดยตรง 7) การปรับปรุงขั้นตอนและแนวทางการให้บริการประชาชนนั้น ให้แต่ละส่วนราชการเสนอแผนในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบปฏิบัติของทางราชการที่ล้าสมัย ไม่มีความจำเป็น หรืออาจเป็นอุปสรรคต่อการให้บริการประชาชน 8) วางกติกาเพื่อให้มีการแข่งขันขึ้น โดยพยายามลดการผูกขาดของหน่วยงานราชการในการเป็นผู้ให้บริการสาธารณะเองลง และเปิดโอกาสให้ภาคเอกชน หรือองค์กรพัฒนาไม่แสวงหากำไรและองค์กรประชาสังคม สามารถคัดค้านและเข้ามาดำเนินการแข่งขันได้ (Contestability) 9) ให้มีการจัดทำแนวทางและคู่มือการบริหารราชการที่ดี เพื่อใช้ประกอบในการชี้แจงทำความเข้าใจเผยแพร่และฝึกอบรม และให้คำปรึกษาแนะนำแก่ส่วนราชการต่าง ๆ รวมถึงการใช้ประโยชน์ในฐานะเป็นเครื่องมือในการประเมินตนเอง (Self - assessment) ของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ยุทธศาสตร์ 2 : การปรับปรุงโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดิน ประกอบด้วย 4 มาตรการ คือ 1) มุ่งเน้นการจัดระเบียบโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดินในเชิงบูรณาการ โดยให้มีลักษณะแบบเมตริกซ์ ครอบคลุมทั้งในส่วนของการวางยุทธศาสตร์และการนำยุทธศาสตร์ไปปฎิบัติ 2) ให้มีการทบทวนการจัดโครงสร้างองค์การของกระทรวง ทบวง กรม ต่าง ๆ ให้มีความเหมาะสมมากขึ้น เพื่อรองรับกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป และยุทธศาสตร์การปฏิบัติงาน รวมถึงพยายามปรับรูปแบบการทำงานให้มีความยืดหยุ่นคล่องตัว 3) ทบทวนปรับปรุงโครงสร้าง และพัฒนาระบบและรูปแบบการบริหารราชการส่วนภูมิภาค เพื่อให้จังหวัดเป็นองค์การที่มีสมรรถนะสูง สามารถนำวาระแห่งชาติและนโยบายของรัฐบาลไปปฏิบัติให้เกิดสัมฤทธิ์ผล แก้ไขปัญหาและพัฒนาในระดับพื้นที่อย่างมีบูรณาการควบคู่ไปพร้อมกับการพัฒนาระบบการบริหารจัดการอำเภอ เพื่อให้เป็นจุดรวม (Outlet) ให้บริการแก่ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ 4) ทบทวนระบบการบริหารบุคคลในราชการบริหารส่วนภูมิภาค เพื่อให้สอดคล้องกับความหลากหลายในการจัดรูปแบบใหม่ของภูมิภาค และหลักการบริหารจัดการระดับจังหวัดแนวใหม่ รวมตลอดถึงสร้างความสำนึกให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับพื้นที่มีมโนธรรม สุจริต มีจิตใจพร้อมบริการประชาชน (Citizen - focused) และสามารถทำงานในสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมองค์การใหม่ ยุทธศาสตร์ 3 : การรื้อปรับระบบการเงินและการงบประมาณ ประกอบด้วย 8 มาตรการ คือ 1) ปรับปรุงกระบวนการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินใหม่ 2) ปรับเปลี่ยนระบบการงบประมาณให้สอดรับกับการบริหารราชการแผ่นดินแนวใหม่ 3) ให้มีการวางยุทธศาสตร์/แผนงานการพัฒนาเขตพื้นที่หรืออนุภูมิภาคในเชิงบูรณาการ และดำเนินการจัดสรรทรัพยากรในลักษณะแบบอิงพื้นที่ โดยให้มีการวางหลักเกณฑ์การจัดสรรที่ชัดเจน 4) เปิดโอกาสให้แต่ละส่วนราชการทำความตกลงเป็นการล่วงหน้าเพื่อสามารถเก็บเงินเหลือจ่ายไว้ใช้ประโยชน์ในการพัฒนาองค์การหรือฝึกอบรมข้าราชการได้ โดยเริ่มต้นในบางแผนงาน/โครงการ หรือกิจกรรม ที่มีความชัดเจนและสามารถวัดผลงานได้อย่างเป็นรูปธรรมก่อน 5) พิจารณาความเป็นไปได้ในการตรวจสอบและแปลงสินทรัพย์ของส่วนราชการที่มีอยู่ให้เป็นทุนโดยอาจให้มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย (Capital Charge) ในรูปแบบต่าง ๆ 6) ให้แต่ละส่วนราชการจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินรายเดือนหรือรายไตรมาสของแผนงาน/โครงการต่าง ๆ รวมถึงการจัดทำงบดุลและรายงานทางการเงินให้เป็นไปอย่างถูกต้องและทันการณ์ เพื่อประโยชน์ในการโอนเงินผ่านทางระบบอิเล็กโทรนิกส์เพื่อลดระยะเวลาและขั้นตอนการจัดทำรายละเอียดของการทำฎีกาเบิก - จ่าย และการควบคุมทางการเงิน 7) เร่งปรับปรุงระบบบัญชีของส่วนราชการให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานสากล โดยให้สามารถคำนวณต้นทุนในการจัดบริการสาธารณะได้ 8) วางระเบียบเพื่อเปิดโอกาสให้แต่ละส่วนราชการสามารถดำเนินกิจกรรมบางอย่าง เพื่อหารายได้ของตนเองไว้ใช้ประโยชน์ในการพัฒนาองค์การและเสริมแรงจูงใจให้แก่บุคลากรในรูปของสวัสดิการ ยุทธศาสตร์ 4 : การสร้างระบบบริหารงานบุคคลและค่าตอบแทนใหม่ ประกอบด้วย 7 มาตรการ คือ 1) เร่งสรรหาบุคลากรผู้มีความสามารถสูงหรือระดับหัวกะทิ เข้าสู่ระบบราชการ 2) พิจารณาความเป็นไปได้ของการนำระบบการเลือกสรรระบบเปิดที่เน้นหลักสมรรถนะการบริหารจัดการมาใช้กับผู้บริหารระดับสูงทุกตำแหน่ง 3) ทบทวนและปรับเปลี่ยนระบบการจำแนกตำแหน่ง และค่าตอบแทนให้มีความเหมาะสมกับสภาพการณ์ การแข่งขัน ความขาดแคลน และการบริหารราชการแนวใหม่ 4) เพิ่มผลิตภาพของข้าราชการ โดยให้มีการจัดทำเป้าหมายการทำงาน ขีดความสามารถ และการประเมินผลสัมฤทธิ์ของแต่ละบุคคลอย่างเป็นระบบมากขึ้น รวมถึงการเชื่อมโยงให้เข้ากับการสร้างแรงจูงใจ 5) ให้แต่ละส่วนราชการจัดทำแผนพัฒนาบุคลากรเชิงยุทธศาสตร์ โดยยึดวิสัยทัศน์ ภารกิจ และวัตถุประสงค์ขององค์การ และขีดความสามารถที่จำเป็น (Competency - based Approach) 6) ปรับปรุงขีดสมรรถนะของศูนย์พัฒนาและโอนถ่ายบุคลากรภาครัฐ รวมทั้งจัดให้มีตำแหน่งทดแทนหรือสำรองราชการขึ้นในระบบข้าราชการพลเรือนเพื่อประโยชน์ในการหมุนเวียน โอนย้ายและพัฒนาข้าราชการ 7) พัฒนากลไกและกระบวนการในการรักษาและปกป้องระบบคุณธรรมในวงราชการ รวมถึงการปรับปรุงระบบวินัย อุทธรณ์และร้องทุกข์ให้มีความเหมาะสม ยุทธศาสตร์ 5 : การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ วัฒนธรรม และค่านิยม ประกอบด้วย 4 มาตรการ คือ 1) สร้างรูปแบบการเรียนรู้ด้วยตนเองของกลุ่มเป้าหมาย (Empowerment) ที่เป็นผู้บริหารระดับสูงในลักษณะของการเรียนรู้จากประสบการณ์ปฏิบัติจริง ๆ (Action Learning) ด้วยวิธีการสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกัน การสร้างความรู้สึกผูกพันต่อพันธกิจที่จะนำไปสู่ระบบอนาคตที่พึงปรารถนาร่วมกัน การเรียนรู้การทำงานเป็นทีม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนรู้วิธีคิดอย่างเป็นระบบ 2) เสนอแนะการจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการสร้างกระบวนการเรียนรู้ของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการสนับสนุนทางด้านทรัพยากรของรัฐ การผลักดันในเชิงกฎระเบียบต่าง ๆ รวมทั้งการเชื่อมโยงกับเครือข่ายการเรียนรู้ต่าง ๆ 3) ให้แต่ละส่วนราชการจัดทำคำแถลงค่านิยมสร้างสรรค์ (Value Statement) ประกาศมาตรฐานทางคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อลดปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ รวมถึงการรณรงค์และวัดผลระดับของการยอมรับและปฏิบัติตามค่านิยม มาตรฐานทางคุณธรรมและจริยธรรม อย่างจริงจัง 4) สร้างการมีส่วนร่วมในการแสวงหากระบวนทัศน์ วัฒนธรรม และค่านิยมใหม่ ที่เอื้อต่อการพัฒนาระบบราชการ รวมทั้งระดมการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการจัดทำ และดำเนินยุทธศาสตร์ในการส่งเสริม และเผยแพร่กระบวนทัศน์ใหม่ ให้เป็นวาระแห่งชาติ ยุทธศาสตร์ 6 : การเสริมสร้างระบบราชการให้ทันสมัย ประกอบด้วย 4 มาตรการ คือ 1) สนับสนุนให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจพัฒนาตนเองให้เป็นองค์การสมัยใหม่ ที่สามารถประยุกต์ใช้ประโยชน์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสมัยใหม่ในการบริหารงาน การบริการ การเตือนภัยสาธารณะ และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน 2) ประสาน ส่งเสริม และสนับสนุนให้มีการบริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว โปร่งใสและซื่อสัตย์ ต่อผู้ใช้บริการ และเป็นศูนย์บริการออนไลน์อิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐเพื่อให้ประชาชนได้ขอใช้บริการของรัฐได้ทุกเวลา 3) ควบคู่ไปกับการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ จำเป็นต้องส่งเสริมและกำหนดมาตรฐานการให้บริการของรัฐในระดับสำนักงาน ที่มีประสิทธิภาพ ถูกต้อง และรวดเร็ว ในรูปแบบของศูนย์บริการอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจรที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เช่นเดียวกับการใช้บริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ทางอินเทอร์เน็ต 4) ให้มีการศึกษาวิจัยและเสนอแนะให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย และอนุบัญญัติที่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการให้บริการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ยุทธศาสตร์ 7 : การเปิดระบบราชการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ประกอบด้วย 6 มาตรการ คือ 1) กำหนดเงื่อนไขและแนวทางเพื่อส่งเสริมให้หน่วยงานราชการได้ตระหนักถึงภาระหน้าที่ในการปฏิบัติราชการตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรม 2) วางหลักเกณฑ์ให้แต่ละส่วนราชการจัดให้มีระบบการปรึกษาหารือกับประชาชน การสำรวจความต้องการของประชาชน และ/หรือการจัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างสม่ำเสมอ 3) ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาภาคประชาชน (Citizen Advisory Board) โดยเฉพาะในระดับปฏิบัติการ (กรม/จังหวัด/อำเภอ) 4) ให้แต่ละส่วนราชการจัดให้มีอาสาสมัครภาคประชาชนเข้ามาร่วมทำงานกับข้าราชการ 5) ให้ทุกส่วนราชการนำเสนอข้อมูลสารสนเทศที่มีความจำเป็นต่อการแสดงภาระรับผิดชอบ ความโปร่งใส และเปิดเผยเกี่ยวกับการปฏิบัติงาน ลงในเว็ปไซต์เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศดังกล่าวได้โดยง่าย 6) กำหนดให้ความสำเร็จในการดำเนินกิจกรรมในการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในระบบราชการเป็นตัวชี้วัดหนึ่งในการบริหารที่ดีของส่วนราชการ 3. การนำยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ ประกอบด้วย 3.1 เงื่อนไขความสำเร็จ อาศัยปัจจัย ดังนี้ 1) ภาวะผู้นำและความเป็นเจ้าของในการบริหาร การเปลี่ยนแปลง 2) การแก้ไขกฎหมายอันเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาระบบราชการ 3) การเชื่อมโยงและบูรณาการสรรพกำลังของทุกภาคส่วนในการพัฒนาระบบราชการ 4) การจัดสรรงบประมาณเพื่อการพัฒนาระบบราชการให้แก่ส่วนราชการต่าง ๆ 3.2 เครื่องมือในการนำยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ 1) การตราและบังคับใช้พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารราชการที่ดี ตามมาตรา 3/1 วรรคท้ายแห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 เพื่อเป็นแนวปฏิบัติแก่หน่วยงานต่าง ๆ 2) การใช้วิธีสร้างแรงจูงใจในรูปของตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงิน เพื่อกระตุ้นให้หน่วยงานปรับปรุงประสิทธิภาพ ประสิทธิผลการทำงาน 3) การสร้างกระแสแรงกดดันจากบุคคลภายนอก โดยเฉพาะสื่อมวลชน นักวิชาการ ธุรกิจเอกชนองค์กรประชาสังคมและประชาชน เพื่อเร่งรัดให้หน่วยงานปรับปรุงการทำงานอย่างจริงจังและต่อเนื่อง 4) การติดตามและประเมินผล โดยจัดทำรายงานประจำปีเสนอคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา สำหรับภาคผนวก เป้าหมายการทำงานตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย (พ.ศ. 2546 - 2550) ในช่วงปี 2546 - 2547 (สำหรับปี 2548 - 2550 จะกำหนดเมื่อมีการทบทวนและประเมินผลระยะครึ่งแผนเสร็จแล้ว 4. การลดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชน คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ การลดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการ เพื่อประชาชน ดังนี้ 1. การลดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชนเป็นมาตรการที่สอดคล้องกับมาตรา 3/1แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย (พ.ศ. 2546 - พ.ศ. 2550) และนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการปรับปรุงการปฏิบัติงานเพื่อให้การบริการของรัฐมีความสะดวก รวดเร็ว และตอบสนองความต้องการของประชาชนหลังจากที่ได้มีการปรับปรุงโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม แล้ว 2. เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่ดี เห็นควรให้ทุกส่วนราชการพิจารณาและดำเนินการลดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชนลง 30 - 50% จากที่กำหนดไว้ในปัจจุบัน และให้มีผลในทางปฏิบัติก่อนเดือนตุลาคม 2546 3. ให้ส่วนราชการร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. เลือกกระบวนงานหลัก 3 - 5 กระบวนงาน ซึ่งเป็นงานที่ประชาชนใช้บริการมากมีผลกระทบกับประชาชนและเป็นงานที่ประชาชนร้องเรียนมาก เพื่อให้ส่วนราชการดำเนินการลดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชน ตามข้อ 2 4. ส่วนราชการที่มีงานบริการประชาชนแต่ยังไม่มีการกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการมาก่อน ให้กำหนดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการ รวมทั้งต้องดำเนินการตามมาตรการนี้ด้วย 5. ในกรณีการให้บริการประชาชนที่มีความเชื่อมโยงกันหลายส่วนราชการให้สำนักงาน ก.พ.ร. ประสานงานกับส่วนราชการดังกล่าวเพื่อร่วมกันปรับปรุงการลดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชน รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชน ในรูปของศูนย์บริการร่วมด้วย 6. ส่วนราชการใดที่เห็นว่าได้ปรับปรุงขั้นตอนและระยะเวลาไว้ดีแล้ว หรือไม่อาจลดขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการตามมาตรการนี้ได้ ให้ชี้แจงแสดงเหตุผลและพิสูจน์ให้เห็น โดยชัดแจ้งว่า ขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการ ที่กำหนดไว้เดิมเหมาะสมแล้ว ทั้งนี้ให้มีการรับฟังความคิดเห็น ของผู้รับบริการด้วย 7. เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่ดีอย่างทั่วถึง ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีมีมติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง มหาดไทย เร่งรัดการปฏิบัติงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นไปตามมาตรการนี้ด้วย 8. นอกเหนือจากการลดขั้นตอนและระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ให้แต่ละส่วนราชการพยายามยกระดับคุณภาพ การให้บริการประชาชน โดยเฉพาะการปรับปรุงระบบการอำนวยความสะดวก และฝึกอบรม และพัฒนาข้าราชการให้มุ่งเน้น ในการให้บริการประชาชน 5. มติคณะกรรมการบริหารการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ครั้งที่ กทภ. 2/2546 (4 เมษายน 2546) คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่คณะกรรมการบริหารการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (กทภ.) ได้มีการประชุม ครั้งที่ กทภ. 2/2546 เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2546 ตามรายงานของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และมีมติเห็นชอบในเรื่องด่วนที่สำคัญ รวม 8 เรื่อง ดังนี้ 1. โครงการลงทุนระบบสารสนเทศท่าอากาศยาน (AIMS) 1.1 เห็นชอบให้บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด (บทม.) ดำเนินโครงการลงทุนระบบสารสนเทศท่าอากาศยาน (AIMS) ในวงเงิน 2,780 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยใช้เงินลงทุนจากส่วนของผู้ถือหุ้น 1.2 ให้การจัดหาระบบสารสนเทศท่าอากาศยานดังกล่าวดำเนินการโดยให้ผู้เสนอระบบเป็นผู้ออกแบบติดตั้งระบบพร้อมอุปกรณ์ และทดสอบระบบ ตลอดจนปฏิบัติการภายหลังที่ได้ติดตั้งและพัฒนาระบบเรียบร้อยแล้วต่อเนื่องไปอีกเป็นเวลา 1 ปี 2. โครงการลงทุนระบบสารสนเทศ ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ เห็นชอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการโครงการระบบสารสนเทศ ด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และมอบหมายให้ บทม. เป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการจัดหาระบบ โดยใช้เงินลงทุนของ บทม. จากส่วนของผู้ถือหุ้นในวงเงิน 175 ล้านบาท 3. การจัดหาระบบสารสนเทศและระบบเอกซเรย์ในเขตปลอดอากรที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เห็นชอบให้บทม. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบการจัดหาระบบสารสนเทศ และระบบเอกซเรย์ในเขตปลอดอากรที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิภายในวงเงินรวม 793 ล้านบาท โดยใช้เงินลงทุนจากส่วนทุนของ บทม. 4. การขอดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 เห็นชอบในหลักการให้แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 เพื่อให้การดำเนินงานในเขตปลอดอากรในทางปฏิบัติมีความคล่องตัว และบรรลุผลตามวัตถุประสงค์ของการมีเขตปลอดอากร โดยมอบให้รองประธานกรรมการบริหารการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานในการประชุมหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อยกร่างกฎหมาย ซึ่งสมควรได้รับการแก้ไขเพิ่มเติมที่เกี่ยวเนื่องกับเขตปลอดอากร แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยตรงต่อไป 5. โครงการลงทุนของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เห็นชอบโครงการลงทุนของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทั้ง 7 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมพาณิชย์สินค้าและไปรษณียภัณฑ์ กิจกรรมครัวการบิน กิจกรรมบริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้นดิน กิจกรรมศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน กิจกรรมศูนย์ปฏิบัติการ กิจกรรมบริการลูกค้า และกิจกรรมที่เป็นส่วนกลาง ในวงเงินทั้งสิ้น 13,735.51 ล้านบาทโดยใช้เงินรายได้ของบริษัทในการลงทุน มีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี 2546 -2548 6. โครงการลงทุนโรงแรมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 6.1 เห็นชอบให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ดำเนินโครงการโรงแรมท่าอากาศยานที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยจัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมาดำเนินการร่วมกับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วนทุนร้อยละ 60 30 และ 10 ตามลำดับ มีวงเงินลงทุน ระหว่างปี 2546 - 2552 จำนวน 2,728.54 ล้านบาท 6.2 เห็นชอบงบประมาณลงทุนประจำปี 2546 ของ ทอท. จำนวน 31.78 ล้านบาท เพื่อจ่ายเป็นค่าหุ้นสำหรับจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในโครงการโรงแรมท่าอากาศยาน 6.3 เห็นชอบให้บริษัทร่วมทุนที่จะจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินโครงการโรงแรมท่าอากาศยาน และจะมีสถานภาพเป็นรัฐวิสาหกิจ ดำเนินการยกร่างระเบียบต่าง ๆ เป็นการเฉพาะของบริษัทร่วมทุน เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินโครงการโรงแรมท่าอากาศยานเป็นไปโดยมีประสิทธิภาพและเป็น การวางระบบโครงสร้างการบริหารและการเงิน สำหรับเตรียมนำบริษัทร่วมทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป 7. โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 7.1 เห็นชอบให้ บทม. ดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในวงเงิน524.406 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยใช้เงินลงทุนจากส่วนของผู้ถือหุ้น 7.2 ให้ บทม. ดำเนินการตามความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ห้องศูนย์สารนิเทศ และของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรื่อง ห้องพักเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่ บทม. จะต้องจัดเตรียมไว้ภายในอาคารสำนักงานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต่อไป 8. การใช้ประโยชน์ท่าอากาศยานกรุงเทพ (ดอนเมือง) ในระยะต่อไป เห็นควรให้มีการวางแผนศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจและวิศวกรรมของการใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปรียบเทียบกับการใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิร่วมกับท่าอากาศยานกรุงเทพ โดยใช้บริษัทที่ปรึกษาซึ่งมีความเชี่ยวชาญในระดับสากลมาทำการศึกษา โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมของชาติเป็นหลัก (ยังมีต่อ) -รก-

ข่าวระบบราชการไทย+กระทรวงคมนาคมวันนี้

SCBX จับมือสำนักงาน ก.พ.ร. นำ "Typhoon" Thai LLM พัฒนาระบบ AI Chatbot นำร่องโครงการรางวัลเลิศรัฐ มุ่งขยายผลสู่บริการภาครัฐอื่นๆ ในอนาคต

กลุ่มเอสซีบีเอกซ์ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) ประกาศความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ในการนำเทคโนโลยี AI คนไทย มาพัฒนาระบบให้บริการข้อมูลแก่ข้าราชการทั่วประเทศ ผ่านการนำ Thai Large Language Model (LLM) "Typhoon" ที่พัฒนาโดยกลุ่มเอสซีบีเอกซ์ มาต่อยอดเป็นระบบ Chatbot อัจฉริยะ โดยเริ่มจากโครงการรางวัลเลิศรัฐเป็นโครงการนำร่อง ความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ถือเป็นการผสานศักยภาพระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐ ในการนำนวัตกรรม AI สัญชาติไทยมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์กับระบบราชการไทย โดย "Typhoon"

LINE จับมือ ก.พ.ร. ร่วมให้ความรู้บุคลากรภ... LINE จับมือ ก.พ.ร. ร่วมให้ความรู้บุคลากรภาครัฐต่อเนื่อง เสริมความรู้ใหม่ — LINE จับมือ ก.พ.ร. ร่วมให้ความรู้บุคลากรภาครัฐต่อเนื่อง เสริมความรู้ใหม่ ใช้ดิจ...

สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ขอรับการตรวจ... สป.สธ. รับการตรวจประเมินรางวัลเลิศรัฐ ระดับดีเด่น จาก ก.พ.ร. — สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ขอรับการตรวจประเมินรางวัลเลิศรัฐ สาขาคุณภาพการบริหารจัดการภาคร...

รางวัลแห่งความภาคภูมิใจภาครัฐประจำปี 2559

จากการมุ่งสนับสนุนให้ส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เพื่อให้ร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาระบบราชการไทย มุ่งสู่การบริหารราชการภายใต้หลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยเป้าหมายคือ...

นิด้าโพล เผยผลสำรวจ“มุมมองของประชาชนต่อระบบราชการและการปฏิรูประบบราชการไทย”

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “มุมมองของประชาชนต่อระบบราชการและการปฏิรูประบบราชการไทย” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 9 – 10 ตุลาคม 2557...

จากแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย ที่... กรมป่าไม้ ตามรอยพระยุคลบาท ปลูกฝังหลักธรรมให้หัวหน้าป่าไม้ — จากแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย ที่มุ่งเน้นให้หน่วยงานภาครัฐมีความรู้ความเข้าใจกำกับดูแ...

กระทรวงพลังงานร่วมมือ ก.พ.ร. รณรงค์สร้างจิตสำนึกร่วมต้านทุจริตเพื่อให้เกิดธรรมาภิบาล

กระทรวงพลังงาน ร่วมกิจกรรมรณรงค์สร้างจิตสำนึกร่วมต้านทุจริตเพื่อให้เกิดธรรมาภิบาล ของสำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อร่วมเป็นพลังหยุดยั้งคอร์รัปชั่น ลดการทุจริต และสร้างความโปร่งใสให้เกิดขึ้นในระบบราชการไทย วันนี้ (11 ก.ย.57)...

ปฏิทินข่าวหน่วยงานราชการประจำวันนี้(29 พฤษภาคม 2556)

วันพุธที่ 29 พฤษภาคม 2556 08.30 น. ศูนย์วิจัยและพัฒนาลำไยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จัด โครงการเสาวนาวิชาการ เรื่อง “รวมพลคนลำไย กับงาน วิจัยลำไยในมหาวิทยาลัยแม่โจ้” ณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 09.00 น. สำนักงาน ก.พ.ร. จัดแถลงข่าวแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา...

ปฏิทินข่าวหน่วยงานราชการประจำวันพรุ่งนี้(29 พฤษภาคม 2556)

วันพุธที่ 29 พฤษภาคม 2556 08.30 น. ศูนย์วิจัยและพัฒนาลำไยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จัด โครงการเสาวนาวิชาการ เรื่อง “รวมพลคนลำไย กับงาน วิจัยลำไยในมหาวิทยาลัยแม่โจ้” ณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 09.00 น. สำนักงาน ก.พ.ร. จัดแถลงข่าวแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา...