กรมราชทัณฑ์นำเทคโนไฮเทคดูแลแก้ไขผู้ต้องขัง

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--12 พ.ค.--กระทรวงยุติธรรม กระทรวงยุติธรรมเสนอแนวคิดนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในงานราชทัณฑ์ให้สอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป วางเป้าหมาย 5 ปี ข้างหน้าสามารถตอบสนอง ความต้องการของผู้ต้องขังทั้งรายบุคคลและรายกลุ่มสู่การบำบัดแก้ไขพฤตินิสัยอย่างสัมฤทธิผลในวันนี้ ( 9 พฤษภาคม 2546) นายมานิตย์ สุธาพร รองปลัดกระทรวงยุติธรรม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาพฤตินิสัยเป็นประธานในพิธีเปิดการเสวนาทางวิชการเรื่อง “นวัตกรรมและการนำเทคโนโลยีมาใช้ในงานราชทัณฑ์” ณ ห้องทิพวรรณ 1 โรงแรมริชมอนด์ จังหวัดนนทบุรี โดยมีนักวิชาการ บุคลากรในกระบวนการยุติธรรม องค์กรภาคเอกชน ข้าราชการกรมราชทัณฑ์ สื่อมวลชนและประชาชนประมาณ 150 คน ร่วมการเสวนา รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การเสวนาทางวิชาการเชิงวิพากษ์ในครั้งนี้เป็นเรื่องที่สืบเนื่องจากการประชุมงานยุติธรรมระดับชาติ ครั้งที่ 1 เรื่องการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิด ( 1 st National Symposium of Justice Administration : Treatment of Offenders ) ที่กระทรวงยุติธรรมจะจัดขึ้นในวันที่ 2 - 3 มิถุนายน 2546 ณ โรงแรมแชงการีลา กรุงเทพฯโดยหน่วยงานต่าง ๆ ของกระทรวงยุติธรรมจะนำเสนอข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบงานยุติธรรมร่วมกัน “กรมราชทัณฑ์มีภารกิจในการปรับปรุง แก้ไข ปรับเปลี่ยนพฤตินิสัยของผู้กระทำผิดนอกเหนือไปจากการควบคุมตัว แต่ปัจจุบันผู้ต้องขังมีจำนวนเพิ่มขึ้นในขณะที่อัตรากำลังและงบประมาณมีจำกัดจึงทำให้ผู้ต้องขังในเรือนจำมีจำนวนมากกว่าผู้คุม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหานวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในงานราชทัณฑ์ เช่น การตัดสัญญาณโทรศัพท์เพื่อป้องกันการลักลอบใช้โทรศัพท์มือถือบงการค้ายาเสพติดของผู้ต้องขังในเรือนจำ การปล่อยตัวนักโทษแบบมีเงื่อนไขด้วยการให้สวมกำไลฝังไมโครชิพเพื่อติดตามความเคลื่อนไหว ซึ่งจะต้องพิจารณาถึงข้อกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนประกอบด้วย ทั้งนี้หวังว่าการระดมความคิดเห็นในวันนี้จะนำมาสู่แนวทางใหม่ ๆ ที่มาใช้ในงานราชทัณฑ์เพื่อเสนอต่อที่ประชุมงานยุติธรรมระดับชาติฯ ต่อไป” นายนัทธี จิตสว่าง รองฺอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายวิชาการ ได้นำเสนอกรอบแนวคิดเรื่อง “นวัตกรรมและการนำเทคโนโลยีมาใช้ในงานราชทัณฑ์” โดยมีใจความสำคัญสรุปได้ว่า การนำนวัตกรรมมาใช้ในงานราชทัณฑ์นั้น กรมราชทัณฑ์จะต้องไม่ทิ้งจุดแข็งและเอกลักษณ์ขององค์กรที่มีอยู่เดิม ซึ่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้พบว่าจากสถิติในรอบ 7 ปีมานี้ จำนวนผู้ต้องขังมีจำนวนที่ลดลงจาก 2.5 แสนคน เหลือ 2.3 แสนคน เนื่องจากการนำมาตรการใหม่ ๆ มาใช้มากขึ้น เช่น โรงเรียนวิวัฒน์พลเมือง โรงเรียนเกษตรโยธิน “ที่ผ่านมาผู้คุมหนึ่งคนต้องรับผิดชอบผู้ต้องขังเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เกิดการพึ่งพาอาศัยกัน ซึ่งทำให้เกิดปัญหาการลักลอบนำสิ่งที่กฎระเบียบของเรือนจำ กรมราชทัณฑ์จึงมีโครงการเรือนจำไฮเทค ไว้เป็นสถานที่ควบคุมผู้ต้องขังรายสำคัญที่ใช้ระบบควบคุมผู้ต้องขังผ่านเทคโนโลยีอันทันสมัย ที่จะเริ่มในจังหวัดราชบุรีและพิษณุโลก ส่วนผู้ต้องขังรายย่อยนั้นจะเน้นการบำบัดแก้ไขฟื้นฟูอย่างเต็มที่โดยดึงบุคคลภายนอกเข้ามาร่วมมือเพื่อแก้ไขผู้ต้องขังด้วยโปรแกรม การบำบัดแก้ไขฟื้นฟูต่าง ๆ โดยในอีก 4 – 5 ปี ต่อจากนี้กรมราชทัณฑ์จะนำหลักการตลาดมาใช้ ในลักษณะ One to One Marketing กล่าวคือ การคำนึงถึงความต้องการของผู้ต้องขังเป็นรายบุคคลและรายกลุ่มว่ามีปัญหาอะไรและต้องการความช่วยเหลืออย่างไรบ้าง นอกจากนี้ยังมีขั้นตอนการติดตามช่วยเหลือหลังพ้นโทษออกจากเรือนจำ ซึ่งบุคคลเหล่านี้ต้องได้รับการดูแลเพราะเมื่ออกไปสู่สังคมภายนอกอาจทำให้เขาไม่สามารถทนทานต่อสิ่งเร้าจนเป็นสาเหตุของการกลับไปกระทำผิดซ้ำ จึงต้องอาศัยองค์กรเอกชนเข้ามาช่วยดูแล สงเคราะห์เพื่อให้เขายอมรับคุณค่าของตัวเองและพร้อมปรับปรุงตัวเองต่อไป จากนั้นเป็นการวิพากษ์กรอบแนวคิดโดยผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วยพ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ ช่วยราชการกระทรวงยุติธรรม นายกุลพล พลวัน อธิบดีอัยการ ฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย ศาสตราจารย์พิเศษวิชา มหาคุณ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม รศ.อัจฉราพรรณ จรัสวัฒน์ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยมีนายบุญเลิศ ช้างใหญ่ เป็นผู้ดำเนินการวิพากษ์ และเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมเสวนาแสดงความคิดเห็น--จบ-- -พห-

ข่าวกระทรวงยุติธรรม+โรงแรมริชมอนด์วันนี้

กทม. เดินหน้าควบคุมห้ามขาย "ใบกระท่อม" ใกล้โรงเรียน-ทางสาธารณะ เร่งประสาน ป.ป.ส.-ตำรวจ บังคับใช้กฎหมาย

นางดวงพร ปิณจีเสคิกุล ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวถึงการขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า สนอ. ได้แจ้งประกาศกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง "กำหนดสถานที่ วิธีการ หรือลักษณะต้องห้ามในการขายใบกระท่อม พ.ศ. 2568" ให้สำนักงานเขตทั้ง 50 เขตทราบ พร้อมเตรียมความพร้อมสนับสนุนความร่วมมือกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกรุงเทพมหานคร (สำนักงาน ป.ป.ส. กทม.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล และสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ในพื้นที่ เพื่อบังคับ

ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ โดย นายสม... เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ สนับสนุนพื้นที่ กรมคุมประพฤติ จัดประกวด Street Food สร้างอาชีพ Season 4 — ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ โดย นายสมพล ตรีภพนารถ (ที่ ...

นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ปต... OR คว้ารางวัล "องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน" ระดับดีเด่น ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 — นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหา...

เมื่อเร็วๆ นี้ ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย (ซ้าย)... DMT คว้ารางวัล "องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ระดับดีเด่น ประจำปี 2568" — เมื่อเร็วๆ นี้ ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย (ซ้าย) กก.ผจก. บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง หรือ DMT...

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKP... KKP คว้ารางวัล "องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน" ระดับดีเด่น ปี 2568 — ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKP) ได้รับรางวัล "องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน"...

นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บร... "สยามแก๊ส" คว้า Human Rights Awards 3 ปีซ้อน ยืนหนึ่งองค์กรธุรกิจต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน — นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโ...