บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด(มหาชน)จะเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มคุณค่าหุ้นระยะยาวหรือMV-LTF ระหว่างวันที่ 11-29 ตุลาคมนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--14 ต.ค.-- บลจ.เอ็มเอฟซี

นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มคุณค่าหุ้นระยะยาวหรือ MV-LTF ระหว่างวันที่ 11-29 ตุลาคมนี้ ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนทั้งเก่าและใหม่ โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มกลุ่มกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัท เพราะจะได้รับสิทธิประโยชน์ 2 ทางคือ ค่าซื้อหน่วยลงทุนสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15% ของรายได้แต่ไม่เกิน 3 แสนบาท และกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน นายพิชิตกล่าวว่า กองทุนเปิด MV-LTF มูลค่าโครงการรวม 5 พันล้านบาทในระยะเวลา 5 ปี โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นมีปัจจัยพื้นฐานดีหรือมีราคาหลักทรัพย์ที่ต่ำเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน และยังสามารถลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง คาดว่าจะมีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่มีศักยภาพสามารถเข้าไปลงทุนได้ในช่วงแรกประมาณ 20-30 หลักทรัพย์ “ภาพรวมของกองทุน LTF จะเหมือนกับกองทุนเพื่อการเกษียณอายุ(RMF) โดยปีแรกที่บลจ.ทั้งระบบออก RMF สามารถระดมเงินได้ 2,800 ล้านบาท และปีที่ 2 เพิ่มเป็น 7,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 4 พันล้านบาท ดังนั้นLTF ทั้งระบบน่าจะระดมเงินได้ 3-4 พันล้านบาทในปีแรกและเมื่อรวมกับเงินที่ตลาดหลักทรัพย์จะสมทบไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อราย คาดว่าเงินที่จะเข้ามาในส่วนของกองทุน LTF ปีนี้น่าจะประมาณ 4-5 พันล้านบาทและปีที่ 2 น่าจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว”นายพิชิตกล่าว นายพิชิตกล่าวถึงผลการดำเนินงานว่า ใน 6 เดือนแรกของปี บริษัทมีรายได้จากค่าธรรมเนียม 260 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 110 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้จากค่าธรรมเนียม 126 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 32 ล้านบาท คาดว่าปีนี้กำไรสุทธิน่าจะเพิ่มขึ้น 20-30% จากกำไรสุทธิ 147 ล้านบาทในปี 2546 โดย ณ สิ้นเดือนกันยายนมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 173,180 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2546 ที่มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 158,451 ล้านบาท ขณะที่ทั้งระบบมูลค่าสินทรัพย์สุทธิจะลดลง 53,434 ล้านบาท เนื่องจากมีการไถ่ถอนตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน(สลิป) นายพิชิตกล่าวต่อว่า บริษัทมีแผนที่จะเสนอขายกองทุนอีก 4 กองทุน โดยเป็นกองทุนตราสารหนี้ 1 กองทุน และกองทุนคุ้มครองเงินต้นอีก 1 กองทุน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด ส่วนที่เหลืออีก 2 กองทุนจะเป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจทั่วโลก เพราะยังมีวงเงินที่เหลืออีกไม่เกิน 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากที่ออกไปแล้ว 2 กองทุนวงเงินรวม 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในช่วงที่เสนอขายไปนั้นสามารถขายได้เพียง 1 พันล้านบาท จากวงเงินทั้งหมด 3 พันล้านบาท เพราะผู้ลงทุนยังกังวลในเรื่องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่ในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมาสามารถให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 1.5% ซึ่งถือว่าน่าสนใจสำหรับตราสารหนี้ แต่กองทุนที่จะออกเพิ่มต้องมีลักษณะพิเศษเพิ่มขึ้น เพื่อดึงดูดความสนใจ นายพิชิตกล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในอนาคตว่า จะพยายามมุ่งหารายได้ที่หลากหลายมากขึ้น จากปัจจุบันที่สัดส่วนรายได้หลักมาจากค่าธรรมเนียมในบริหารจัดการกองทุนในประเทศประมาณ 60% และมีรายได้จากงานของภาครัฐบาลประมาณ 30% และที่เหลือจะเป็นรายได้จากต่างประเทศ ซึ่งในอนาคตมีเป้าหมายที่จะมีสัดส่วนรายได้จาก 3 ส่วนดังกล่าวในอัตราที่ใกล้เคียงกันหรือประมาณ 30% ทั้งนี้ในส่วนของงานภาครัฐบาลนั้น บริษัทได้รับการแต่งตั้งจากคณะรัฐมนตรีให้ร่วมกับคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งองค์กรเพื่อการระดมทุนและบริหารจัดการในการพัฒนาเครือข่ายระบบขนส่งมวลชนที่มีมูลค่าประมาณ 4 แสนล้านบาท โดยในเบื้องต้นจะทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษาในการหาช่องทางการระดมทุนเพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทจะให้คำปรึกษาฟรี แต่ภาครัฐบาลจะจัดงบประมาณให้ดำเนินงานประมาณ 30 ล้านบาท มีอายุโครงการ 10 เดือนนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นายพิชิตกล่าวต่อว่า แม้การเป็นที่ปรึกษาดังกล่าวจะไม่ได้รับค่าธรรมเนียมในการเป็นที่ปรึกษา แต่จะได้รับประโยชน์ในอนาคต เนื่องจากการที่จะระดมทุนเพื่อโครงการดังกล่าวจะต้องใช้เงินทุนเกือบทุกรูปแบบทั้งในและต่างประเทศ เพราะมูลค่าระดมทุนค่อนข้างสูง ดังนั้นบริษัทอาจจะมีส่วนร่วมในการเป็นที่ปรึกษาในการระดมทุนบางกรณี เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีเครือข่ายในการระดมทุนที่หลากหลาย โดยเฉพาะในต่างประเทศก็จะอาศัยเครือข่ายกองทุนที่อยู่ภายใต้การบริหารประมาณ 7 กองเป็นช่องทางในการระดมทุน ส่วนเครือข่ายในประเทศนอกจากเป็นผู้จัดการกองทุนแล้ว ก็ทำหน้าบริหารกองทุนอสังหารมิทรัพย์(พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์)ที่มีมูลค่า 2-3 หมื่นล้านบาท "แม้การเป็นที่ปรึกษาในรอบนี้จะไม่ได้รับค่าธรรมเนียม แต่เราก็เต็มใจเพราะอย่างน้อยบริษัทเราก็ถือหุ้นใหญ่โดยหน่วยงานภาครัฐบาล และหากโครงการนี้เสร็จก็คาดหวังบริษัทจะมีส่วนร่วมในการเป็นที่ปรึกษาการเงินและการระดมทุนเพื่อโครงการรถไฟฟ้ามูลค่า 4 แสนล้านบาท"--จบ-- --อินโฟเควสท์ (อบ)--

ข่าวบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน+กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพวันนี้

บลจ.อีสท์สปริง เปิดตัวกองทุน ES-TECHRMF รับมาตรการภาษีส่งท้ายปี 67 สร้างโอกาสเติบโตระยะยาว ผ่านหุ้นเทคฯ ทั่วโลก IPO 28 พ.ย. - 4 ธ.ค.นี้

นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2567 ที่นักลงทุนมองหาโอกาสในการลงทุนเพื่อประหยัดภาษี กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ยังคงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับการวางแผนการเงินเพื่อสร้างความมั่นคงในระยะยาว โดย บลจ.อีสท์สปริง ได้เตรียมเปิดตัวกองทุน RMF ใหม่ คือ กองทุน Eastspring Global Prime Technology RMF (ES-TECHRMF) ซึ่งจะเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน 4 ธันวาคม ศกนี้

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริ... KTAM จัดหนักจัดเต็มกับ 6 โปรโมชันรับปีงูใหญ่ รับหน่วยลงทุน KTSTPLUS เมื่อลงทุนตามเกณฑ์ที่กำหนด — นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัด...

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง ... บลจ.เอ็กซ์สปริง จัดสัมมนา "Thematic Edge 2H2025" ชี้กลยุทธ์ลงทุนฝ่าวิกฤตครึ่งปีหลัง — บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด จัดงานสัมมนา "Themati...

บลจ.ทิสโก้เสนอขายกองทุน ทิสโก้ โกลบอล สมา... บลจ.ทิสโก้พร้อมเสิร์ฟกองทุนใหม่ TGSMART ชูจุดเด่น กระจายสินทรัพย์ลงทุน - ปรับสัดส่วนตามภาวะตลาด — บลจ.ทิสโก้เสนอขายกองทุน ทิสโก้ โกลบอล สมาร์ท แอลโลเคชั่น...

BBLAM เสนอขาย IPO กองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 9... BBLAM เสนอขาย IPO 'กองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 9/25' วันที่ 24-29 ก.ค. 2568 — BBLAM เสนอขาย IPO กองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 9/25 หรือ Bualuang Thanarat 9/25 เน้นลงทุน...

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคิน... บลจ.เกียรตินาคินภัทร ส่งกองทุนใหม่ KKP VIETNAM ลุยตลาดดาวรุ่งแห่งเอเชีย IPO วันที่ 23 - 31 ก.ค. นี้ — บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคินภัทร จำกัด ...