สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ ทุ่มงบการตลาด 80 ล้าน ส่ง “ช้อป มาราธอน” ประเดิมปี 48 รับขาช้อปช่วงตรุษจีน

01 Feb 2005

กรุงเทพฯ--1 ก.พ.--สยามพิวรรธน์

สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ ทุ่มงบการตลาด 80 ล้าน พร้อมอัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดมัดใจลูกค้า ส่ง “ช้อป มาราธอน” ประเดิมปี 48 รับขาช้อปช่วงตรุษจีน

สยามเซ็นเตอร์ และ สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ ประกาศย้ำความสำเร็จ ผลประกอบการโดยรวมในปี 2547 เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน ล่าสุดเตรียมทุ่มงบทางการตลาดอย่างเต็มที่ในปี 2548 เตรียมพร้อมเปิดสยามเซ็นเตอร์โฉมใหม่ และวางแผนสยายปีกขยายธุรกิจเล็งพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายทำเลทอง

ชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยถึงรายละเอียดของผลประกอบการในปี 2547 ที่ผ่านมาว่า บริษัทฯ มีรายได้หลักมาจากค่าเช่าร้านค้าภายใน สยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ และ อาคารสำนักงานสยามทาวเวอร์ ซึ่งปัจจุบันมีผู้เช่าเต็มทั้งหมด 100% ทุกอาคาร อันเป็นผลจากการบริหารศูนย์การค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งด้านการคัดเลือกร้านค้าที่แปลกใหม่กว่าศูนย์การค้าอื่น เน้นบริการเป็นเลิศ บริหารงานอย่างโปร่งใส และให้ความสำคัญกับผู้เช่าและลูกค้าที่ใช้บริการอย่างสูงสุด

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีรายได้จากค่าเช่าสื่อโฆษณา และค่าเช่าพื้นที่จัดกิจกรรมส่วนกลาง ซึ่งเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นถึง 35% ในปีที่ผ่านมา เนื่องจากสื่อโฆษณาทั้งภายในและภายนอกศูนย์ฯ เป็นสื่อที่มี Exposure สูง และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายตามความต้องการของเจ้าของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ ด้วยการวาง Positioning และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจนของทั้งสองศูนย์ฯ เมื่อผนวกกับทำเลทองกลางใจเมืองกรุงเทพฯ แล้ว ทำให้มีลูกค้าหมุนเวียนเข้าศูนย์ฯ มากถึง 80,000 คนต่อวัน เน้นการให้พื้นที่ส่วนกลางแก่ผู้ประกอบการภายในศูนย์ฯ และภายนอก ที่ต้องการจัดกิจกรรมที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมสร้างเสริมแบรนด์และกระตุ้นยอดขาย หรือกิจกรรมไลฟสไตล์ที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับสินค้าและแบรนด์ต่างๆ

ส่วนนโยบายการดำเนินงานในปี 2548 ชฎาทิพ จูตระกูล กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายที่จะทำให้สยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ เป็นศูนย์การค้าที่สามารถสร้างยอดขายสูงสุดให้กับผู้เช่าผู้ประกอบการ จึงเร่งการปรับโฉมและปรับเปลี่ยนสินค้าและบริการภายในทั้งสองศูนย์ฯ ให้เสร็จภายในปีนี้ โดยจะเนรมิตสยามเซ็นเตอร์ให้เป็นศูนย์แฟชั่นสุดเปรี้ยวแห่งยุค พร้อมจัดโซนสินค้าทั้งหมดให้เป็นระเบียบ ปรับพื้นที่เช่าใหม่ถึง 50% และนำเสนอ Flagship Store ขนาดใหญ่ของดีไซเนอร์ไทย เพื่อให้เป็น “Thai Designer Showcase” ที่ล้ำสมัยและยิ่งใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร สนองนโยบาย “กรุงเทพเมืองแฟชั่น” ของรัฐบาล โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มวัยรุ่นถึงวัยทำงานอายุ 12 – 28 ปี ซึ่งในขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการปรับโฉมสยามเซ็นเตอร์ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปีไปส่วนหนึ่งแล้ว และจะทำการ Re-launch สยามเซ็นเตอร์ในช่วงปลายปีนี้ โดยในปีนี้จะมีร้านค้าใหม่จากต่างประเทศเปิดให้บริการ อาทิ สินค้าแฟชั่น XOXO, Rampage, Soul Edge, Castro, Miss Sixty / Energie, Sinequanone เสื้อผ้า Trendy Sport Global Store อาทิ Volcom, Adidas Original Store, Ecko United (จาก อเมริกา) เครื่องสำอาง Bloom, Laneige แฟชั่นดีไซเนอร์ไทยและ Young Designer รุ่นใหม่ๆ อาทิ Headquarter, Oddyssee, Kloset และ ร้านอาหาร Greyhound Cafe

ส่วนสยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ จะเน้นความเป็น Lifestyle Center ที่รวบรวม Specialty Stores หลากประเภทเพื่อตอบสนองชีวิตคนรุ่นใหม่ได้อย่างมีสไตล์ และเน้นการนำเสนอร้านค้า Flagship Store ที่ไม่เปิดในศูนย์การค้าอื่นๆ โดยในปีนี้ได้ทยอยเพิ่มสินค้าแบรนด์ใหม่ๆ ที่ศูนย์อื่นยังไม่มี และจะทยอยปรับเปลี่ยนการแบ่งโซนร้านค้า โดยจะเพิ่มสินค้าตกแต่งบ้านที่มีดีไซน์โดดเด่นทั้งแบรนด์ไทยและสินค้าดีไซน์แปลกใหม่จากต่างประเทศ มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มคนทำงานและครอบครัวผู้มีกำลังซื้อ โดยมีร้านค้าใหม่เปิดในศูนย์ อาทิ สินค้าแฟชั่นแบรนด์ใหม่ Diesel, Replay Flagship Store, Para Nada (จากประเทศฝรั่งเศส), Kenneth Cole สินค้าของตกแต่งบ้าน Siam Tiara, Harnn, Art Appeal Galleria และร้าน Watson ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่แห่งที่ 2 ในเอเซีย ซึ่งจะเน้นความหรูหราและสินค้าเครื่องสำอางหลากหลายแห่งแรกในประเทศไทย

บริษัทฯ ได้วางแผนส่งเสริมภาพลักษณ์ของทั้งสองศูนย์ฯ โดยจะเน้นกลยุทธ์ Brand Marketing เพื่อสร้างเสริมแบรนด์ของบรรดาผู้เช่าให้แข็งแกร่งและสามารถครองใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และยังได้วางแผนการสื่อสารทางการตลาดที่ครอบคลุมทั้งสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมการตลาด รวมถึงการจัดกิจกรรม งาน Event ต่างๆ อีกทั้งบรรยากาศภายในศูนย์ฯ ที่มีความคึกคักสนุกสนาน ซึ่งได้ดำเนินการมาแล้วโดยตลอดได้ส่งผลให้บรรดาผู้เช่าที่มีร้านค้าอยู่หลายสาขาต่างยอมรับว่าสาขาที่สยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์สามารถทำยอดขายได้สูงสุด โดยบริษัทฯ คาดว่าหลังการปรับโฉมสยามเซ็นเตอร์และการปรับเปลี่ยนสินค้าภายในทั้งสองศูนย์ฯ จะส่งผลให้ร้านค้าต่างๆ มียอดขายเพิ่มขึ้น 20 %

สำหรับโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนธุรกิจ โดยได้มีการทำวิจัยทางการตลาดควบคู่กับการวางแผนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไปยังหลายทำเลทองของกรุงเทพมหานคร อีกด้วย

ส่วนนโยบายการตลาดในปีนี้ มยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านส่งเสริมการตลาด บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวถึง การวางแผนกลยุทธ์ด้านการตลาดในปี 2548 ว่า จะเน้นการทำการตลาดรูปแบบใหม่ที่แตกต่าง แปลกใหม่ ไม่มีใครทำมาก่อน เพื่อหนีความซ้ำซากจำเจ และให้สอดคล้องกับไลฟสไตล์และพฤติกรรมการบริโภคของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความแปลกใหม่ จึงพยายามคัดสรรกิจกรรมที่หลากหลายและเสริมภาพลักษณ์ตอกย้ำ Positioning ของแต่ละศูนย์ฯ พร้อมนำเสนอสื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์รูปแบบใหม่ ที่ใช้ Multi-media เทคโนโลยีแสง สี และภาพกราฟฟิคที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งจะเป็นศูนย์การค้าแห่งแรกในประเทศที่นำเสนอเทรนด์การโฆษณาและประชาสัมพันธ์แบบนี้ที่แตกต่างจากศูนย์ฯ อื่น โดยคาดว่าจะดึงดูดความสนใจและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการอย่างทั่วถึง อีกทั้งยังมีแผนที่จะร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหญ่หลายรายในการจัดกิจกรรม Talk of The Town ตลอดปี และสรรหาสิทธิพิเศษต่างๆ คืนกำไรให้กับผู้มาใช้บริการ ทั้งนี้เพื่อสร้างความประทับใจและให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอย่างสม่ำเสมอ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้วางนโยบายการตลาดเชิงรุกเพื่อสร้าง Brand Loyalty โดยใช้กลยุทธ์ Direct Marketing ทั้งการสื่อสารกับลูกค้าทาง Direct Mail และใช้ Database Marketing ในการศึกษาความต้องการของตลาดจากฐานข้อมูลลูกค้าและการวิจัยตลาดในเชิงลึก เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ทุ่มงบ 80 ล้านบาท อัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดตลอดทั้งปี รวมถึงการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมเสริมภาพลักษณ์ ตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมการขายหลากหลายรูปแบบ

โดยในปีนี้ สยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ ร่วมผนึกกำลังกับ บัตรเครดิตซิตี้แบงก์ ทุ่มงบประมาณ 10 ล้านบาท จัดงาน “ช้อป มาราธอน” ประเดิมรับตรุษจีนเพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับผู้เช่า และถือเป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้า โดยได้รับความร่วมมือจากกว่า 200 ร้านค้าภายในทั้งสอง ศูนย์ฯ ที่พร้อมใจกันมอบส่วนลดสูงสุดถึง 80% และเมื่อช้อปครบทุก 2,000 บาท รับคูปองชิงโชค 1 ใบ เพื่อลุ้นรางวัลบัตรกำนัลเงินสด มูลค่า 5,000 บาท กว่า 100 รางวัล

สำหรับ สมาชิกบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ จะได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษเหนือระดับมากมาย อาทิ มีสิทธิได้ช้อปก่อนใครในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2548 และได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 5 – 10% จากร้านค้าชั้นนำต่างๆ พร้อมรับโชค 2 ชั้น ดังนี้

โชคชั้นที่ 1

ช้อปผ่านบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ครบทุก 2,000 บาท รับคูปองชิงโชคเพิ่มเป็น 2 ใบ เพื่อลุ้น รางวัลบัตรกำนัลเงินสดมูลค่า 5,000 บาท และสามารถจับอั่งเปาเงินสดมูลค่า 50 / 100 หรือ 200 บาท หรือของกำนัลมากมาย รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ได้ทันที

โชคชั้นที่ 2

ทุกเซลล์สลิปของบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ สามารถส่งชิงโชคลุ้นรางวัลตั๋วเครื่องบิน 2 รางวัล

  • รางวัลตั๋วเครื่องบินชั้น Business กรุงเทพฯ – นิวยอร์ก 1 รางวัล ( 2 ที่นั่ง)
  • รางวัลตั๋วเครื่องบินชั้น Economy กรุงเทพฯ – เซี่ยงไฮ้ 1 รางวัล ( 2 ที่นั่ง)

นอกจากนี้ ยังมีรางวัลสุดยอดนักช้อป สำหรับสมาชิกบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ที่มีจำนวนเซลล์สลิปสูงสุดภายในวันเดียวกัน รับกระเป๋า Esprit Shoulder Bag มูลค่า 2,590 บาท (2 รางวัล/วัน) และ รางวัลสุดยอดนักซื้อ สำหรับสมาชิกบัตรเครดิตซิตี้แบงก์ที่มียอดค่าซื้อต่อหนึ่งเซลล์สลิปสูงสุดภายในวันเดียวกัน รับกระเป๋า Esprit Cotton Backpack มูลค่า 3,290 บาท (2รางวัล/วัน)

ส่วนกิจกรรมไฮไลต์ของงาน “ช้อป มาราธอน” ในปีนี้ ทางศูนย์ฯ ได้ร่วมกับบริษัท ไมเนอร์ แฟชั่น กรุ๊ป และ ซิตี้แบงก์ จัดงาน “เอสปรี แอนด์ ซิตี้แบงก์ เวอร์ติคัล แคทวอล์ก” แฟชั่นโชว์ในแนวดิ่งบนตึกสยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์สุดอลังการที่จะสร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการแฟชั่นครั้งแรกของเมืองไทย ระหว่างวันที่ 11 – 12 กุมภาพันธ์ 2548 ณ ดิสคัฟเวอรี่พลาซ่า สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์

มยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า งาน “ช้อป มาราธอน” เป็นมหกรรมลดราคายิ่งใหญ่ที่สุดของศูนย์ฯ ที่ไม่ควรพลาด เพราะจัดเพียงครั้งเดียวในรอบปี ซึ่งครั้งนี้จัดขึ้นเป็นพิเศษรับช่วงตรุษจีนเป็นครั้งแรก ให้ลูกค้าขาช้อปได้มาเลือกซื้อสินค้าคุณภาพจากกว่า 220 แบรนด์ดัง ที่นำมาลดราคาอย่างมโหฬาร ในช่วงเทศกาลแห่งการจับจ่ายนี้ โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ช้อปกันอย่างจุใจระหว่างวันที่ 10 – 13 กุมภาพันธ์ ศกนี้ และในวันศุกร์-เสาร์ เปิดถึงเที่ยงคืน

รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ แผนกประชาสัมพันธ์

โทร.0-2658-1000 ต่อ 234-238

E-Mail: [email protected]จบ--