เอ็ม.ซี.เอส.สตีล นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หวังระดมทุนเพื่อขยายฐานธุรกิจ

04 Jul 2005

กรุงเทพฯ--4 ก.ค.--กิมเอ็ง (ประเทศไทย)

บริษัท เอ็ม.ซี.เอส. สตีล จำกัด (มหาชน) จะเปิดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวน 100 ล้านหุ้น พร้อมหุ้นสามัญเดิม 25 ล้านหุ้นให้แก่ประชาชน ในระหว่างวันที่ 5-7 กรกฎาคม 2548 โดยได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย พร้อมกับบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ร่วมจัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายชั้นนำรายอื่น ๆ อีก 5 ราย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายฯ เปิดเผยว่า “บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทผู้ผลิตโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่ (Fabricated Steel) ประเภทคาน (Beam) และเสา (Column-Box) ชั้นนำของประเทศไทย บริษัทมีขบวนการผลิตที่ทันสมัยระดับสากลและสูงกว่ามาตรฐาน JASS 6 (Japanese Architectural Standard Specification) บนเงื่อนไขที่กำหนดตามกฎหมายของประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งได้รับการรับรองมาตรฐาน “H” class fabricator ซึ่งอนุมัติโดย Minister of Land, Infrastructure and Transportation of Japan ซึ่งจะออกให้กับโรงงานผลิตโครงสร้างเหล็กที่ได้มาตรฐานดีเยี่ยม และสามารถส่งผลิตภัณฑ์ไปประเทศญี่ปุ่นได้เท่านั้น มีความประสงค์ในการระดมทุนจากประชาชน และนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจะเปิดจำหน่ายหุ้นให้แก่ประชาชนที่ราคา 2.40 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุน 100 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิม 25 ล้านหุ้น แบ่งเป็นการเสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศประมาณ 48% และนักลงทุนทั่วไป 52% ทั้งนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างดียิ่งจากนักลงทุนสถาบัน จึงมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินอีกจำนวน 15 ล้านหุ้น อันเป็นการทำ Greenshoe Option ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุน ในการทำ Stabilization เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาหุ้นในตลาดอีกด้วย ในการเพิ่มทุนครั้งนี้ คาดว่าจะสามารถระดมทุนได้ทั้งสิ้นประมาณ 240 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจในอนาคต ขยายฐานการผลิตและก่อสร้างท่าเทียบเรือขนถ่ายสินค้า กำหนดระยะเวลาการเสนอขายในระหว่างวันที่ 5-7 กรกฎาคม 2548 นี้

ผลการดำเนินงานของบริษัท เอ็ม.ซี.เอส. สตีล จำกัด (มหาชน) ในช่วงที่ผ่านมา มีการเจริญเติบโตมาตลอด เนื่องจากความสามารถในการขยายปริมาณการผลิต ส่งผลให้รายได้จากการจำหน่ายโครงสร้างเหล็กเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 742 ล้านบาทในปี 2545 เป็น 1,012 ล้านบาทในปี 2546 และ 1,505 ล้านบาทในปี 2547 โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 12 ล้านบาท ในปี 2545 เป็น 58 ล้านบาท ในปี 2546 และเพิ่มเป็น 130 ล้านบาทในปี 2547 สำหรับในไตรมาสแรกของปีนี้นั้น บริษัทมีรายได้ 568 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 420 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว สำหรับกำไรสุทธิของไตรมาสแรกปีนี้ เท่ากับ 69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับ 29 ล้านบาทของไตรมาสแรกปีที่แล้ว

ด้วยศักยภาพในการเติบโตทางธุรกิจของบริษัท คาดว่าหุ้นของ บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่ชั้นนำของประเทศ จะสามารถเพิ่มทางเลือกของหุ้นที่มีคุณภาพและน่าสนใจให้กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย”

ดร.ไนยวน ชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทหนึ่งในผู้ผลิตโครงสร้างเหล็กประเภทเสาและคานด้วยวัสดุแผ่นเหล็กรีดร้อนคุณภาพสูงที่มีความคงทนของเนื้อเหล็กสูง ทำให้สามารถรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ดี โดยจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิต 40,000 ตันต่อปี โดยโรงงานตั้งอยู่ที่อำเภอบางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในธุรกิจโครงสร้างเหล็กมากกว่า 10 ปี ทำให้มีสัมพันธภาพที่ดีกับทั้งผู้จำหน่ายเหล็กแผ่นรีดร้อนเกรดพิเศษ (Special hot-rolled steel) รายใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตโครงสร้างเหล็กของบริษัท และบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่รายใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นที่เป็นลูกค้าหลักของบริษัท โดยเป็นการผลิตตามความต้องการของลูกค้า ส่งผลให้บริษัทสามารถให้บริการและบริหารการจัดการที่มีคุณภาพและตรงตามความต้องการของลูกค้าได้ครบวงจร การที่ประเทศญี่ปุ่นมีข้อบังคับที่เข้มงวดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าเพื่อจำหน่ายในประเทศ นับเป็นข้อได้เปรียบของบริษัทที่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทผลิตได้สูงเกินมาตรฐานที่กำหนด ประกอบกับผู้ผลิตที่สามารถผลิตได้ตามมาตรฐานมีอยู่อย่างจำกัด และผู้ผลิตในประเทศญี่ปุ่นเองก็มีข้อจำกัดด้านต้นทุนการผลิตที่สูง การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะเป็นก้าวต่อไปที่สำคัญที่จะเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้บรรลุเป้าหมายของบริษัท คือ รักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่ชั้นนำ สร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับประเทศไทย ขยายขีดความสามารถในการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังทำให้บริษัทเข้าถึงแหล่งเงินทุนต้นทุนต่ำเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจที่จะมีการเติบโตอย่างสูงในอนาคต “

ปัจจุบัน บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 500 ล้านบาท มีทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้วทั้งสิ้น 400 ล้านบาท โดยเป็นหุ้นสามัญจำนวน 400 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยจะทำการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 100 ล้านหุ้น พร้อมกับหุ้นสามัญเดิมจำนวน 25 ล้านหุ้น ระยะเวลาการเสนอขายระหว่างวันที่ 5-7 กรกฎาคม 2548 และคาดว่าจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2548 โดยใช้ชื่อย่อว่า “ MCS ”

ฝ่ายสื่อสารองค์กร / โทร: 02-658-6300 ต่อ 5180 , 7401- 7402--จบ--