พิธีสารส่งออกผักและผลไม้ไทย-จีน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 พ.ค. 48

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--11 มี.ค.--กรมวิชาการเกษตร

“พิธีสารส่งออกผักและผลไม้ไทย-จีน” จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 พ.ค. 48 นี้ กรมวิชาการเกษตรเร่งเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน มะม่วง มังคุด ลิ้นจี่ ลำไย นำสวนเข้าสู่ระบบ GAP โรงคัดบรรจุต้องได้ GMP มุ่งการันตีคุณภาพสินค้าส่งออก อนาคตผลไม้แข่งขันสูง เวียดนาม-ฟิลิปปินส์-พม่ามาแรง นายฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า จากความร่วมมือด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชระหว่างประเทศไทยกับจีน โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ร่วมลงนามในพิธีสารการส่งออกผักและผลไม้ กับกระทรวงควบคุมคุณภาพและตรวจสอบกักกันโรค(AQSIQ)ของจีนเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2547 ที่ผ่านมา ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2548 นี้ โดยข้อสรุปของพิธีสารดังกล่าว ได้กำหนดมาตรการดำเนินการด้านศัตรูพืชและสารตกค้างต่างๆในผลไม้จากจีนมาไทย ได้แก่ แอปเปิ้ล แพร์ พืชตระกูลส้ม พุทรา และองุ่น และจากไทยไปจีน 5 ชนิด คือ ทุเรียน มะม่วง มังคุด ลิ้นจี่ และลำไย โดยเฉพาะลำไย ทุเรียน และมะม่วงของไทยที่จะส่งออกไปจีนต้องมาจากสวนที่ได้รับการรับรองระบบเกษตรดีที่เหมาะสมหรือ GAP จากกรมวิชาการเกษตร ซึ่งคาดว่าจะมีมากกว่า 20,000สวนที่พร้อมจะเข้าสู่ระบบ GAP ได้ในขณะนี้ ทั้งนี้ พิธีสารดังกล่าวจะทำให้เกิดการสร้างเครือข่ายระหว่างเกษตรกร ผู้ตรวจรับรองแหล่งผลิต โรงคัดบรรจุ รวมถึงผู้ส่งออก ซึ่งจะสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ในกรณีที่สินค้ามีปัญหาโดยเฉพาะเรื่องสารพิษตกค้าง ว่ามาจากสวนใดซึ่งจะตรวจสอบได้จากโค๊ด(Code)ที่ติดอยู่กับภาชนะบรรจุสินค้า อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควรมีการเตรียมการล่วงหน้า โดยต้องเร่งยื่นขอรับรองแหล่งผลิตตามระบบ GAP และโรงคัดบรรจุสินค้าต้องเข้าสู่ระบบ GMP ซึ่งผลไม้ 5 ชนิดดังกล่าวที่จะส่งไปจีนต้องมีฉลากติดกับภาชนะบรรจุ โดยระบุทะเบียนผู้ส่งออก ทะเบียนโรงบรรจุสินค้า และมีทะเบียนสวนด้วย ส่วนสินค้าพืชผัก และผลไม้อื่นๆ ที่มีการค้าขายกันอยู่นอกเหนือจากที่ระบุในพิธีสาร ประเทศจีนจะไม่ออกมาตรการพิเศษใดๆ ที่จะเป็นอุปสรรคกับการค้าของไทย เพื่อไม่ให้เกิดการหยุดชะงักทางการค้า “อนาคต ผลไม้ไทยต้องแข่งขันกับต่างประเทศค่อนข้างสูง โดยเฉพาะกับฟิลิปปินส์ เวียดนาม และพม่าซึ่งมีคุณภาพการผลิตดีขึ้น หากเกษตรกรนำสวนเข้าสู่ระบบ GAP ของกรมวิชาการเกษตร คาดว่าจะเป็นเครื่องหมายที่ช่วยรับรองคุณภาพสินค้าได้ ซึ่งผลผลิตของเกษตรกรจะมีคุณภาพมากขึ้น จะส่งผลให้แข่งขันได้และขายได้ราคาดี โดยเฉพาะสวนลำไยจะได้ผลผลิตที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้นเป็น 80 % จากเดิมได้สวนละไม่เกิน 60 % มังคุดเพิ่มขึ้นเป็น 70 % จากเดิมได้เพียง 50 % ในอนาคตคาดว่า GAP ช่วยผลักดันพืชผัก และผลไม้ของไทยส่งออกได้เพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงอยากให้เกษตรกรนำสวนผลไม้เข้าสู่ระบบ GAP ของกรมวิชาการเกษตร โดยสามารถติดต่อขอรายละเอียดได้ที่สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรทั้ง 8 เขตทั่วประเทศ” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว--จบ--

ข่าวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์+ฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์วันนี้

พลาดไม่ได้! 4-7 ธ.ค. นี้ พบกับสองเทศกาลใหญ่ส่งท้ายปี Thailand Coffee Fest Year End และ Thailand Rice Fest 2025 ปักหมุดที่จัดงานใหม่ เมืองทอง Hall 11-12 อัดแน่นเทรนด์กาแฟ-หนุนโภชนปัญญา

The Cloud ร่วมกับ กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร, มูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, สมาคมกาแฟพิเศษไทย (SCATH) พาเหล่าพันธมิตรอีกมากมายกว่า 300 ร้านค้า ทั้งในวงการกาแฟตั้งแต่แชมป์กาแฟระดับโลก เครือญาติวงการคาเฟ่ทั้งมัทฉะ ชาไทย เบเกอรี่ และตัวจริงวงการข้าวไทย หลากหลายเชฟชื่อดัง มารังสรรค์เมนูสุดพิเศษเพื่อให้คนไทยเรียนรู้เทคนิคการกินดี เลือกวัตถุดิบที่ดี ก่อนทานอาหารมื้อถัดไป เพื่อให้เข้าใจโภชนปัญญามากขึ้น พร้อมชวนอัพเดทเทรนด์วงการอาหารและเครื่องดื่มไทยผ่านตัวจริงจากทั้ง 2 วงการ ผ่านงาน

อัพเดทเทรนท์ และจับมือกันผลักดันวงการอาหา... สองเทศกาลใหญ่ส่งท้ายปี Thailand Coffee Fest Year End และ Thailand Rice Fest กลับมาสร้างสีสัน — อัพเดทเทรนท์ และจับมือกันผลักดันวงการอาหารและเครื่องดื่มไทย...

สั่งเร่งซ่อมสะพานแม่ปูนล่าง ฟื้นดินฟื้นนา... "รมช.นเรศ" ลงพื้นที่เวียงป่าเป้า ตรวจแผนฟื้นฟูพื้นที่เกษตรเสียหายจากพายุยางิ — สั่งเร่งซ่อมสะพานแม่ปูนล่าง ฟื้นดินฟื้นนา 350 ไร่ ดันโครงการอ่างเก็บน้ำ เกษ...