หอแว่นทุ่ม 200 ล้านบาท สยายปีกสู่ต่างประเทศ เจรจาสำเร็จ ซื้อกิจการร้านแว่นตา OPSM ในสิงคโปร์และมาเลเซีย ตั้งเป้าสร้าง Better Vision เป็นเครือข่ายร้านแว่นตาระดับสากล
บริษัท หอแว่นกรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านแว่นตาชั้นนำในประเทศไทย ประกาศลงทุน 200 ล้านบาทซื้อกิจการเครือข่ายร้านแว่นตา OPSM จำนวน 22 ร้านในสิงคโปร์และมาเลเซีย เพื่อรองรับแผนการยกระดับเครือข่าย Better Vision ขึ้นเป็น International Chain
นายภาคี ประจักษ์ธรรม กรรมการผู้จัดการบริษัท หอแว่นกรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่าการลงทุนครั้งนี้ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการนำพาองค์กรเข้าสู่การก้าวกระโดดจากการเป็นเพียงบริษัทชั้นนำภายในประเทศ สู่การเป็นบริษัทระดับหัวแถวในภูมิภาค ซึ่งเป้าหมายสุดท้ายคือการสร้างเครือข่ายร้านค้าแว่นตาระดับนานาชาติ โดยจะใช้ชื่อร้าน Better Vision เป็นเรือธงสำหรับการบุกตลาดโลกครั้งนี้
“การลงทุนในสิงคโปร์และมาเลเซียครั้งนี้ นับเป็นการลงทุนในต่างประเทศครั้งที่ 2 ของหอแว่น โดยเมื่อปี 2002 หอแว่นได้ลงทุน 10 ล้านบาทเพื่อเปิดร้าน Better Vision ในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งกิจการร้านดังกล่าวยังคงมีความเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับการลงทุนในการขยายกิจการต่างประเทศในครั้งนี้ เราจะใช้เงินทุนประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนและกำไรสะสมของเรา รวมกับบางส่วนซึ่งมาจากการกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ” นายภาคีกล่าว
OPSM Group Limited นับเป็นบริษัทเครือข่ายร้านค้าปลีกแว่นตาระดับโลกที่มีฐานอยู่ในประเทศออสเตรเลีย โดยมีเครือข่ายร้านแว่นตามากกว่า 500 แห่ง ในออสเตรเลีย 40 แห่งในนิวซีแลนด์ และ กว่า 80 แห่งในฮ่องกง
สืบเนื่องจากการปรับนโยบายของ OPSM ที่ต้องการจะเน้นการขยายการลงทุนไปยังประเทศจีน จึงทำให้ OPSM Group จำเป็นต้องยุติบทบาทในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย อย่างไรก็ตาม OPSM ได้ใช้ความพยายามในการสรรหาผู้ซื้อที่มีคุณภาพและมีความตั้งใจในการรับช่วงกิจการต่อจาก OPSM ในทั้ง 2 ประเทศ บริษัท หอแว่นกรุ๊ป จึงได้รับการติดต่อโดยตรงจากผู้บริหาร OPSM
“ผมอยากจะบอกว่ามันเป็นความพอดีกันมากกว่าเพราะ OPSM เขาเองจำเป็นต้องคำนึงถึงสิ่งที่จะตามมา โดยเฉพาะความเป็นอยู่ของพนักงานกว่า 150 คนในทั้ง 2 ประเทศ ในขณะที่เราเองก็มีแผนมานานแล้วว่าต้องการจะไปบุกตลาดในภูมิภาคนี้ แต่แนวความคิดของเราก็คือต้องการจะสร้างเครือข่ายไปทีเดียวหลาย ๆ ร้าน เพราะหากจะเปิดทีละร้าน จะทำให้เราไม่สามารถสร้างเครือข่ายที่แข็งแรงได้ พอเขามาติดต่อเรา เราจึงเปิดการเจรจาจนในที่สุด เราก็บรรลุข้อตกลงกัน” นายภาคีกล่าว
นายภาคีกล่าวว่าการซื้อกิจการครั้งนี้ 13 ร้านอยู่ที่มาเลเซียและ 9 ร้านอยู่ที่สิงคโปร์ โดยหอแว่นจะเข้าบริหารงานภายในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2548 และจะมีการปรับโฉมและเปลี่ยนชื่อร้านทั้งหมดเป็น Better Vision โดยตั้งเป้าหมายว่าจะสร้าง Better Vision ให้เป็น Regional Brand ในระยะแรกและเป็น Global Brand ในระยะยาว ภายใต้การบริหารแบบ International Chain โดยจะมีส่วนผลักดันให้ยอดขายของหอแว่นเติบโต 25% เพิ่มเติมจากยอดขายปกติที่มีอัตราเติบโตประมาณ 20%
นายภาคีกล่าวเพิ่มเติมว่าตลาดสิงคโปร์และมาเลเซียนั้น มีสภาพการแข่งขันเหมือนกับประเทศไทยในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา โดยเน้นการลดแลกแจกแถม ซึ่งร้าน Better Vision จะนำแนวทางการทำตลาดยุคใหม่ที่เน้นการสร้างความแตกต่าง และคุณภาพการให้บริการเป็นหลัก เข้าไปแนะนำในทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งแนวทางนี้ หอแว่นประสบความสำเร็จแล้วในประเทศไทย ขณะเดียวกัน หอแว่นจะนำสิ่งที่ได้จากการถ่ายทอดความรู้จาก OPSM มาประยุกต์ใช้ในประเทศไทยด้วย
ทางด้านตลาดในประเทศไทยนั้น นายภาคีกล่าวว่าในช่วงต้นปี ตลาดแว่นตาได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ สึนามิ ขณะเดียวกันราคาน้ำมันเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อตลาดแว่นตา ซึ่งหอแว่นได้เล็งเห็นปัจจัยดังกล่าว จึงไม่ได้ตั้งเป้ายอดขายไว้สูง ทำให้ยอดขายยังคงเติบโตตามเป้าหมายที่ 20% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว ปัจจุบันหอแว่นมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 18% ของตลาดรวมกว่า 4,500 ล้านบาท โดยมีอัตราเติบโตของตลาดรวมอยู่ที่ 8%
“แต่ต้องยอมรับว่าตลาดกำลังชะลอตัวเพราะภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อด้วยความระมัดระวัง ลูกค้าบางรายปกติจะเปลี่ยนเลนส์พร้อมกับกรอบแว่นตา แต่เมื่อเกิดความกังวลด้านเศรษฐกิจ ทำให้บางรายเปลี่ยนเพียงเลนส์เท่านั้น แต่ตลาดโดยรวมนั้น ยังคงเติบโตอยู่” นายภาคีกล่าว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
บริษัท ไมนด์ ทัช จำกัด – ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์
สาวิตรี (018164598) หรือ ชัชสรัล ( ป้อม- 094436886)
โทร. 02 6892334-5
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--