"โพลีเพล็กซ์" ผงาดยักษ์ใหญ่วงการ PET ทุ่ม 2,800 ล้าน เปิดโรงงานใหม่ในตุรกี

22 Dec 2005

กรุงเทพฯ--22 ธ.ค.--มาสเตอร์มาย คอมมิวนิเคชั่น

"โพลีเพล็กซ์" สยายปีก ลงทุน 2,800 ล้าน ในตุรกี ผลิตแผ่นฟิล์ม PET เผยเป็นกลยุทธ์ "ใกล้ตลาด ใกล้ลูกค้า" ทำให้ต้นทุนการขนส่งต่ำกว่าคู่แข่ง ผงาดเป็นหนึ่งในสี่ยักษ์ใหญ่วงการ PET ของโลก "ซันจีฟ ซาราฟ" เปิดแผนปีหน้า เพิ่มไลน์ผลิตแผ่นฟิล์มเคลือบโลหะ เจาะลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ในยุโรป รัสเซีย ตุรกี รวมถึงตะวันออกกลาง มั่นใจทำให้ผลประกอบการดีขึ้นแน่

นายซันจีฟ ซาราฟ กรรมการผู้จัดการ บริษัทโพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PTL เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการลงทุนในประเทศตุรกีว่า Polyplex Europa Polyester Film Sanayive Ticaret A.S. (PE) ซึ่งเป็นบริษัทลูกและถือหุ้นร้อยเปอร์เซนต์โดย PTL ได้ตั้งโรงงานผลิตแผ่นฟิล์มเพ็ท (PET) ชนิดบางแบบใหม่ ที่เมืองคอร์ลู ประเทศตุรกี ด้วยกำลังการผลิต 24,000 ตัน/ปี ซึ่งโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการลงทุนระยะแรกในประเทศตุรกี และจะนำไปสู่การสร้างโรงงานผลิตเพ็ทเรซิ่น (PET Rasin) และแผ่นฟิล์มเคลือบโลหะซึ่งเป็นโครงการในปี 2549 ต่อไป ซึ่งการเข้ามาในสายผลิตภัณฑ์นี้ทำให้โพลีเพล็กซ์กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตแผ่นฟิล์มเพ็ทใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลก (ไม่นับรวมเม็กเนติก มีเดีย ฟิล์ม) สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตรายใหญ่อื่นๆ ได้ เช่น ดูปองท์-ไทยิน (Dupont-Teijin) มิตซูบิชิ (Mitsubishi) และโทเร (Toray)

ทั้งนี้ โรงงานที่ตุรกีดังกล่าวได้ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยนายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานกรรมการบริษัทฯ ดร.วีระพงษ์ รามางกูร คุณประพัฒน์ โพธิวรคุณ กรรมการตรวจสอบ และตน ได้ไปร่วมงานซึ่งขณะนี้โรงงานนี้อยู่ในช่วงทดลองเดินเครื่อง เพื่อผลิตแผ่นฟิล์มธรรมดาและต่อไปจะมีการผลิตแผ่นฟิล์มเคลือบโลหะด้วย โดยบริษัทจะขายสินค้าให้กับทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ในยุโรป รัสเซีย ตุรกี อาฟริกาเหนือ อียิปต์ อิสราเอล และกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง

"การลงทุนครั้งนี้ใช้เงินลงทุนและเงินทุนหมุนเวียนรวม 68 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 2,800 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทจากประเทศไทยที่ไปลงทุนในประเทศตุรกี โดยสถานที่ตั้งโครงการนี้ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่ทำให้โพลีเพล็กซ์ยูโรปา (PE) ได้เปรียบในด้านการขนส่งสินค้าไปยังยุโรป นั่นหมายถึงต้นทุนในการขนส่งและส่งมอบสินค้าแก่ลูกค้าจะต่ำกว่าคู่แข่ง" นายซันจีฟ ซาราฟ กล่าว

กรรมการผู้จัดการ บริษัทโพลีเพล็กซ์ กล่าวด้วยว่า การสร้างโรงงานใหม่แห่งนี้ถือเป็นกลยุทธ์การลงทุนสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ บรรลุปณิธาณที่ว่า “ใกล้ตลาด ใกล้ลูกค้า” เพราะนอกจากจะลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการขนส่งแล้ว ยังทำให้การบริการหลังการขายและการประสานงานกับกลุ่มลูกค้าทางยุโรปทำได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสู่ความสำเร็จในการแข่งขันในฐานะผู้ผลิตรายใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้

นอกจากโรงงานใหญ่ระดับโลกที่ตั้งในยุโรปและเอเซียแล้ว โพลีเพล็กซ์ ยูโรปา (PE) ยังมีแผนที่จะสร้างโรงงานเคลือบโลหะ (Metallizer) ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2549 เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นแก่ลูกค้า ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการโดยรวมของกลุ่มดีขึ้น โดยโพลีเพล็กซ์ ยูโรปา (PE) คงจะดำเนินรอยตามรูปแบบธุรกิจที่ประสบความสำเร็จของบริษัทโพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ด้วยการขยายธุรกิจไปยังต้นน้ำ โดยจะสร้างโรงงานผลิตเพ็ทเรซิ่นในไตรมาสที่ 4 ปี 2549 เพื่อลดการพึ่งพาผู้ผลิตจากภายนอกและเป็นการลดต้นทุนวัตถุดิบ นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทโพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) ยังได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้ลงทุนในประเทศตุรกีเพื่อผลิตแผ่นฟิล์มเพ็ทชนิดหนาในช่วงต้นปี 2550 ซึ่งจะเพิ่มความแข็งแกร่งแก่บริษัทในอุตสาหกรรมผลิตแผ่นฟิล์มเพ็ท และเป็นการขยายฐานประเภทสินค้าด้วย

ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ :

ดลนภัตถ์ เย็นชัยสิทธิ์ (หมอ) โทร 0-1343-3499

วสุนธรา ทับทิมแท้ (อ๋อ) โทร 0-2643-1191-2

อีเมลล์ : [email protected]

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--