รายงานสถานการณ์อุทกภัย สภาวะอากาศ ปริมาณน้ำฝน และสภาพน้ำท่า วันที่ 26 ตุลาคม 2549 เวลา 07.00 น.

26 Oct 2006

กรุงเทพฯ--26 ต.ค.--ปภ.

1. ระหว่างวันที่ 27-31 สิงหาคม 2549 วันที่ 9-12 กันยายน 2549 และวันที่ 18-23 กันยายน 2549 ร่องความกดอากาศต่ำหรือร่องฝนกำลังแรงพาด ผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง พายุดีเปรสชั่นเคลื่อนตัวผ่าน (24-25 ก.ย.49) และพายุดีเปรสชั่น “ช้างสาร” (1-3 ต.ค.49) ทำให้มีฝน ตกหนักมากในพื้นที่ ระดับน้ำในแม่น้ำมีปริมาณน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ลุ่มริมฝั่งของลำน้ำหลายพื้นที่

1.1 พื้นที่ประสบภัย รวม 47 จังหวัด 331 อำเภอ 24 กิ่งอำเภอ 2,193 ตำบล 12,776 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 3,527,766 คน 1,014,086 ครัวเรือน ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง แพร่ พะเยา อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม นครนายก ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด ชัยภูมิ ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา และกรุงเทพมหานคร

1.2 ความเสียหาย

1) ผู้เสียชีวิต 142 คน จังหวัดเชียงใหม่ 8 คน จังหวัดแม่ฮ่องสอน 3 คน จังหวัดลำปาง 3 คน จังหวัดสุโขทัย 9 คน จังหวัดพิษณุโลก 12 คน จังหวัดนครสวรรค์ 8 คน จังหวัดเพชรบูรณ์ 1 คน จังหวัดชัยนาท

2 คน จังหวัดสิงห์บุรี 10 คน จังหวัดอ่างทอง 12 คน จังหวัดพิจิตร 9 คน จังหวัดปราจีนบุรี 11 คน จังหวัดจันทบุรี 3 คน จังหวัดปทุมธานี 4 คน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 18 คน จังหวัดชัยภูมิ 7 คน ยโสธร 9 คน ร้อยเอ็ด 2 คน จังหวัดลพบุรี 2 คน จังหวัดอุทัยธานี 6 คน จังหวัดพังงา 1 คน และกรุงเทพมหานคร 2 คน สูญหาย 1 คน (จังหวัดเชียงใหม่) (เดิมยอดผู้เสียชีวิต 125 คน เพิ่ม 17 คน รวมเป็น 142 คน)

2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 54 หลัง เสียหายบางส่วน 9,208 หลัง ถนน

4,691 สาย สะพาน 317 แห่ง ท่อระบาย น้ำ 395 แห่ง ทำนบ/ฝาย/เหมือง 507 แห่ง พื้นที่ทางการเกษตร 2,754,599 ไร่ บ่อปลา/กุ้ง 30,529 บ่อ วัด/โรงเรียน 1,024 แห่ง ความเสียหายอื่น ๆ อยู่ระหว่างการสำรวจ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นเท่าที่สำรวจได้ ประมาณ 334,450,595 บาท (ไม่รวมทรัพย์สิน บ้านเรือน และความเสียหายด้านการเกษตร)

2. พื้นที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 32 จังหวัด

3. ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 15 จังหวัด เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านพื้นที่สูงกว่าตลิ่ง ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร แยก เป็น

3.1 จังหวัดสุโขทัย ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอกงไกรลาศ 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลท่าฉนวน และตำบลกง ระดับน้ำสูง 0.20-0.40 ม.

3.2 จังหวัดพิษณุโลก น้ำในแม่น้ำยมยังคงสูงล้นตลิ่งเข้าท่วมที่ลุ่มต่ำ ในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางระกำ อำเภอพรหมพิ ราม และอำเภอเมืองฯ ระดับน้ำสูง 0.30-0.50 ม.

3.3 จังหวัดพิจิตร น้ำในแม่น้ำยมและแม่น้ำน่านยังคงสูงล้นตลิ่งเข้าท่วมที่ลุ่มต่ำในพื้นที่ 6 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ อำเภอวชิรบารมี อำเภอโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพทะเล อำเภอตะพานหิน อำเภอบางมูลนาก และกิ่งอำเภอบึงนาราง ระดับน้ำสูง 0.40-0.70 ม.

3.4 จังหวัดนครสวรรค์ น้ำจากแม่น้ำยมและแม่น้ำน่านยังคงสูงล้นตลิ่งเข้าท่วมขังในพื้นที่ริมน้ำในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ อำเภอชุมแสง อำเภอเก้าเลี้ยว อำเภอโกรกพระ อำเภอพยุหะคีรี และ

อำเภอท่าตะโก ระดับน้ำสูง 0.30-0.60 ม.

3.5 จังหวัดอุทัยธานี น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังคงสูงเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ลุ่มในเขตอำเภอเมืองฯ บริเวณติดกับตลิ่ง ส่วนในเขตเทศบาลเมืองฯ ระดับน้ำเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-0.60 ม.

3.6 จังหวัดชัยนาท มีน้ำท่วมใน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ อำเภอสรรพยาและอำเภอหันคา ระดับน้ำสูง 0.60-1.00 ม.

3.7 จังหวัดลพบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตร 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ อำเภอบ้านหมี่ และอำเภอท่าวุ้ง ระดับ น้ำสูงประมาณ 0.30-0.70 ม.

3.8 จังหวัดสระบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตร 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอดอนพุด อำเภอบ้านหมอ และอำเภอ หนองแซง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.60-1.40 ม.

3.9 จังหวัดสิงห์บุรี มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรใน 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภออินทร์บุรี อำเภอพรหมบุรี อำเภอท่าช้าง อำเภอบางระจัน อำเภอค่ายบางระจัน และอำเภอเมืองฯ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.40-2.00 ม.

3.10 จังหวัดอ่างทอง น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย ล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มริมแม่น้ำใน 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอ เมืองฯ อำเภอป่าโมก อำเภอไชโย อำเภอแสวงหา อำเภอวิเศษชัยชาญ อำเภอสามโก้ และอำเภอโพธิ์ทอง ระดับน้ำสูง 0.40-1.50 ม.

3.11 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย แม่น้ำลพบุรีและแม่น้ำป่าสัก มีระดับสูงเอ่อล้นเข้าท่วมบ้าน เรือนและพื้นที่การเกษตร ซึ่งเป็นที่ลุ่มริมแม่น้ำในพื้นที่ 16 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางบาล อำเภอบางไทร อำเภอผักไห่ อำเภอเสนา อำเภอมหาราช อำเภอท่าเรืออำเภอนครหลวง อำเภอบางประหัน อำเภอบางปะอิน อำเภอบ้านแพรก อำเภอภาชี อำเภอลาดบัวหลวง อำเภอวังหลวง อำเภออุทัย และอำเภอบางซ้าย มีระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-1.80 ม.

3.12 จังหวัดสุพรรณบุรี น้ำในแม่น้ำท่าจีนสูงเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำใน 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ อำเภอบางปลาม้า อำเภอสามชุก อำเภอศรีประจันต์ อำเภอเดิมบางนางบวช อำเภอด่านช้าง และอำเภอสองพี่น้อง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-1.40 ม.

3.13 จังหวัดปทุมธานี น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ อำเภอสาม โคก อำเภอคลองหลวง อำเภอธัญบุรี และอำเภอลำลูกกา ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30-1.00 ม.

3.14 จังหวัดนนทบุรี น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูงประกอบกับมีน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้มีน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากเกร็ด อำเภอบางบัวทอง อำเภอบางกรวย อำเภอเมืองฯ

อำเภอบางใหญ่ และอำเภอไทรน้อย ระดับน้ำสูง 0.35-1.55 ม.

3.15 กรุงเทพมหานคร ปริมาณน้ำในเขตทุ่งฝั่งตะวันออกมีมาก ทำให้มีน้ำท่วมขัง 5 เขต ได้แก่ เขตลาดกระบัง เขตมีนบุรี เขต หนองจอก เขตสายไหม และเขตคลองสามวา ระดับน้ำเฉลี่ยสูงประมาณ 0.50-0.80 ม. และพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย คลองมหาสวัสดิ์ นอก แนวคันกั้นน้ำมีราษฎรเดือดร้อนใน 11 เขต 33 ชุมชน 2,111 ครัวเรือน

4. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 26 ตุลาคม 2549 เวลา 06.00 น.

ความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ทำให้มีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า ส่วนภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานคร และภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ สำหรับภาคใต้มีมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุม ทำให้มีฝน ฟ้าคะนองกระจายในระยะนี้

5. ปริมาณน้ำฝน ตั้งแต่ 01.00 น วันที่ 24 ต.ค.49 ถึง 01.00 น วันที่ 25 ต.ค.49 วัดได้ ดังนี้

จังหวัดเพชรบุรี

(อ.เมือง) 16.9 มม. จังหวัดภูเก็ต (อ.เมือง)

15.4 มม.

จังหวัดระยอง

(อ.เมือง) 14.6 มม. จังหวัดตาก (อ.สามเงา) 6.4 มม.

จังหวัดสมุทรปราการ (อ.บางพลี) 4.0 มม.

6. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ (ข้อมูลวันที่ 25 ต.ค. 2549) โดยกรมชลประทาน

  • เขื่อนภูมิพล ปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 13,291 ล้าน ลบ.ม. (รับได้อีก 171 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็น ร้อยละ 99 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด มีการ ระบาย 23.62 ล้าน ลบ.ม.
  • เขื่อนสิริกิติ์ ปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 9,466 ล้าน ลบ.ม. (รับได้อีก 44 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 100 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด วันนี้มีการระบาย 17.90 ล้าน ลบ.ม.
  • เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาตรน้ำในอ่าง ฯ 955 ล้าน ลบ.ม. (รับได้อีก 5 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 99 ของความจุอ่าง ฯ ทั้งหมด วันนี้มีการระบาย 30.40 ล้าน ลบ.ม.

7. ปริมาณน้ำเจ้าพระยาที่ทำให้เกิดอุทกภัยเปรียบเทียบปี 2538, 2545 และ 2549

ที่ ปริมาณน้ำไหลผ่าน ปี 2538

ปี 2545

ปี 2549

หมายเหตุ

ลบ.ม./วาที ลบ.ม./วินาที ลบ.ม./วินาที

(26 ต.ค.49)

1 นครสวรรค์

4,820

3,886

4,295

จังหวัดนครสวรรค์สูงสุด

2 เขื่อนเจ้าพระยา 4,557

3,930

4,020

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2549

(5 ต.ค.38) (10 ต.ค.45) (26 ต.ค.49)

3 เขื่อนพระรามหก 1,473

1,216

257

5,960 ลบ.ม./วินาที และ

4 อำเภอบางไทร

5,451

4,288

3,527

ลดลงอย่างต่อเนื่อง

หมายเหตุ ปริมาณน้ำที่ผ่านอำเภอบางไทร (เมื่อ 26 ต.ค.49) จำนวน 3,527 ลบ.ม./วินาที เป็นตัวเลขการตรวจวัดจริง

8. สภาพน้ำท่าในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและแนวโน้มสถานการณ์น้ำ (ข้อมูล ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2549 โดยกรมชลประทาน)

  • ปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำสูงสุด 5,960 ลบ.ม./วินาที เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2549 เวลา 06.00 น. เริ่มลดลงใน วันที่ 19 ตุลาคม 2549 และลดลงอย่างต่อเนื่องมาจนถึง วันที่ 26 ตุลาคม 2549 มีปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ 4,295 ลบ.ม./วินาที เมื่อเวลา 06.00 น. และยังคงมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง - ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท มีปริมาณน้ำสูงสุด 4,188 ลบ.ม./วินาที เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2549 เวลา 06.00 น. ปริมาณน้ำทรง ตัวและเริ่มลดลงเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2549 และลดลงอย่างต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ 24 ตุลาคม 2549 และในวันนี้ (26 ต.ค.49) เมื่อเวลา 06.00 น. ปริมาณน้ำทรงตัว โดยมีปริมาณน้ำไหลผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา 4,020 ลบ.ม./วินาที
  • ปริมาณน้ำที่ล้นตลิ่งและผันเข้าทุ่งทั้งสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงระหว่าง จ.ชัยนาท–จ.พระนครศรีอยุธยา มีปริมาณน้ำผันและล้นตลิ่งเข้าทุ่ง 1,177 ลบ.ม./วินาที เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2549 และมีปริมาณน้ำเข้าทุ่งน้อยลงโดยลำดับมาจนถึงวันที่ 25 ตุลาคม 2549 มีปริมาณน้ำผันและล้นตลิ่ง เข้าทุ่ง 622 ลบ.ม./วินาที - ปริมาณน้ำไหลผ่านอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีปริมาณน้ำสูงสุด 3,719 ลบ.ม./วินาที เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2549 ปริมาณน้ำลดลงอย่าง ต่อเนื่อง วันที่ 26 ตุลาคม 2549 ปริมาณน้ำไหลผ่านอำเภอบางไทร 3,527 ลบ.ม./วินาที

9. สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แจ้งเตือนให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 4,11,12 และรวม ทั้งจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ ที่คาดว่าจะเกิดภัยให้เตรียมพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย ดินถล่ม และคลื่นลมแรง ที่อาจเกิดขึ้นใน พื้นที่ โดยจัดเจ้าหน้าที่อยู่เวร เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานงานกับ อำเภอ กิ่งอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หากเกิดสถานการณ์ รุนแรงขึ้นในจังหวัดใด ให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ฯ ที่รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดนั้นจัดเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องจักรกล เข้าสนับสนุนทันที

10. ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากมี สถานการณ์คืบหน้าประการใด จักได้ติดตามและรายงานให้ทราบต่อไป

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ

(กลุ่มงานปฏิบัติการ) โทร. / โทรสาร 0-2241-7450-6 สายด่วน 1784