สมาคมนักวิเคราะห์ฯ ฟันธงดัชนีตลาดหุ้นสิ้นปีที่ 729

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--9 ก.พ.--ตลท.

สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ทำโพลล์สำรวจความเห็นนักวิเคราะห์สำหรับการลงทุนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - ธันวาคม 2550 โดยนายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมฯ เปิดเผยผลสรุปความเห็นของนักวิเคราะห์ล่าสุด เทียบกับผลสำรวจครั้งก่อนเมื่อ 19 ตค. 2549 พบว่าตัวเลขคาดการณ์ทาง เศรษฐกิจลดลงตามคาด โดย GDP Growth และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมีค่าเฉลี่ยคาดการณ์เติบโตที่ร้อยละ 4.2 และ 2.6 ตามลำดับ กลุ่มธุรกิจที่ คาดว่าจะมีผลประกอบการเติบโตสูงที่สุดคือ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะยังคงเป็นผู้ซื้อสุทธิต่อเนื่อง โดยผลตอบแทนจากการ ลงทุนในหุ้นสามัญจะสูงกว่าการลงทุนประเภทอื่น นอกจากนี้ นักวิเคราะห์มองว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในวันสิ้นปี 2550 เฉลี่ยอยู่ที่ 729 จุด โดยกลุ่ม ที่น่าลงทุนได้แก่ ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ รับเหมาก่อสร้าง และพลังงานตามลำดับ แต่น่าสังเกตว่าพลังงานได้รับความนิยมแนะนำลดลง สำหรับการสำรวจครั้งแรกของปี 2550 นี้ สมาคมนักวิเคราะห์ฯ ได้สอบถามความเห็นของนักวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นเดือน กุมภาพันธ์ - ธันวาคม 2550 ซึ่งรวมถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบ ความเชื่อมั่นในการบริหารงานของรัฐบาลชุด ปัจจุบัน ผลกระทบต่อดัชนีราคาหุ้นหากการเลือกตั้งล่าช้ากว่าที่คาดไว้ แนวโน้มอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจและผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน คาดการณ์ EPS Growth ของกลุ่มธุรกิจสำคัญ ผลตอบแทนของการลงทุนประเภทต่าง ๆ กลุ่มธุรกิจและหุ้นที่แนะนำให้ลงทุน รวมถึงข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล เกี่ยวกับนโยบายสำคัญที่ควรดำเนินการ โดยมีสำนักวิจัยจากบริษัทหลักทรัพย์แสดงความเห็นรวม 19 แห่ง ปัจจัยบวกที่สำคัญต่อการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – ธันวาคม 2550 อันดับแรกที่นักวิเคราะห์เกือบทั้งหมดหรือร้อยละ 95 เห็น ตรงกัน คือ การที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง อันดับที่สอง คือ ราคาน้ำมันที่ลดลง มีผู้ตอบร้อยละ 53 อันดับที่สาม มีผู้ตอบร้อยละ 37 คือ หาก มีการเลือกตั้งภายในปี 2550 อันดับที่สี่มีสองประเด็นที่มีผู้ตอบจำนวนเท่ากันที่ร้อยละ 32 คือ อัตราเงินเฟ้อที่ลดลง และนโยบายภาครัฐในด้านการ ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานรวมทั้งโครงการเมกะโปรเจ็กต์และการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายปีนี้ได้ทันตามกำหนดเวลา สำหรับปัจจัยลบที่สำคัญ อันดับแรกคือ ประเด็นที่เกี่ยวกับนโยบายบางด้านของรัฐบาลที่ยังไม่ชัดเจน เช่น นโยบายทางการเงิน การแก้ไข พรบ. ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว กรณีความไม่แน่นอนในการขอเพิกถอน พรฎ.ที่เกี่ยวกับการแปรรูป ปตท. อันอาจมีผลต่อการเพิกถอนการจดทะเบียนในตลาดหุ้นของ ปตท. เป็นต้น มีผู้ตอบร้อยละ 79 อันดับสองมีผู้ตอบร้อยละ 63 คือ สถานการณ์ทางการเมือง อันดับที่สาม คือ อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ชะลอ ตัว มีผู้ตอบร้อยละ 37 ส่วนสถานการณ์ความไม่สงบภาคใต้และการก่อการร้ายต่าง ๆ มีผู้ตอบร้อยละ 26 เป็นอันดับสี่ และอันดับที่ห้าคือ ความเชื่อ มั่นของนักลงทุนที่ลดลง มีผู้ตอบร้อยละ 21 จากการสอบถามความเชื่อมั่นในการบริหารงานของรัฐบาลปัจจุบัน พบว่า ในด้านเศรษฐกิจนั้น นักวิเคราะห์ร้อยละ 68 มีความเชื่อมั่นในระดับปานกลาง ร้อย ละ 21 มีความเชื่อมั่นเล็กน้อย และมีเพียงร้อยละ 11 ที่ไม่มีความเชื่อมั่น ส่วนในด้านสังคมและการเมือง พบว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 58 เชื่อมั่นปานกลาง ร้อยละ 32 เชื่อมั่นเล็กน้อย ในขณะที่นักวิเคราะห์ที่เชื่อมั่นมาก และไม่เชื่อมั่นมีร้อยละ 5 เท่ากัน ทั้งนี้ นโยบายสำคัญที่นักวิเคราะห์มีข้อเสนอแนะให้ภาครัฐดำเนินการ อันดับแรก คือ แนะนำให้รัฐบาลมีความระมัดระวังและรอบคอบในการออก มาตรการหรือนโยบายต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายทางการเงินการคลัง เช่น มาตรการกันสำรอง 30% การออกกฎหมายถือครองหุ้นของคนต่างด้าว เป็นต้น เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อภาวะการลงทุนและความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยมีผู้ตอบถึงร้อยละ 42 นอกจากนี้ยังมีนักวิเคราะห์ร้อยละ 32 แนะนำให้รัฐบาล เร่งดำเนินโครงการเมกะโปรเจ็กต์โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับโครงสร้างสาธารณูปโภคให้รวดเร็วและโปร่งใส สำหรับนโยบายสำคัญด้านอื่นที่นักวิเคราะห์เสนอ ได้แก่ การเร่งสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนไทยและต่างชาติ การเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้สามารถจัดการเลือกตั้งได้ตามกำหนดเวลา เป็นต้น ต่อคำถามเกี่ยวกับผลกระทบต่อดัชนีราคาหุ้นหากรัฐบาลปัจจุบันจำเป็นต้องยืดเวลาออกไปอีก 6 เดือน - 1 ปีจากเดิมที่คาดว่าอยู่ครบ 1 ปีใน เดือนตุลาคม 2550 นั้น นักวิเคราะห์จำนวนร้อยละ 79 มองว่าจะส่งผลลบ ในขณะที่ร้อยละ 21 เห็นว่าไม่น่ามีผลกระทบต่อดัชนีหุ้น จากผลสำรวจประมาณการตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจสำหรับปี 2550 สมาคมนักวิเคราะห์ฯ พบว่า นักวิเคราะห์มีการปรับประมาณการตัวเลขต่าง ๆ ลดลง จากผลสำรวจเมื่อเดือนตุลาคม 2549 โดยอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ หรือ GDP Growth เฉลี่ยของปีนี้ลดลงเล็กน้อยเป็น 4.2% เทียบกับการสำรวจครั้งก่อน ที่ 4.5% ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน หรือ EPS Growth เฉลี่ยก็ต่ำลงจากเดิม 4.4% เป็น 2.6% สำหรับตัวเลขสำคัญ ณ สิ้นปี นักวิเคราะห์คาดว่า ค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นกว่าที่ประมาณการไว้เดิม โดยอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทและ ดอลลาร์สรอ. ณ สิ้นปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 35.7 บาท จากเดิมคาดไว้ 37.4 บาท สำหรับอัตราดอกเบี้ย RP 1 วัน ในปลายปีนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าเฉลี่ย อยู่ที่ 4.1% ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ หรือ SET Index สิ้นปีนี้เฉลี่ยคาดว่าอยู่ที่ 729 จุด ลดลงจากการสำรวจที่ผ่านมา โดยมีสำนักวิจัยที่พยากรณ์ ดัชนีสิ้นปีสูงสุดที่ 800 จุดและสำนักวิจัยที่คาดการณ์ดัชนีวันสิ้นปีไว้ต่ำที่สุดที่ 680 จุด ตารางที่ 1 - ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ ค่าเฉลี่ย ตัวเลขของผู้คาดการณ์สูงสุด ตัวเลขของผู้คาดการณ์ต่ำสุด จำนวนสำนักวิจัยที่ตอบ สำรวจ ณ 19 ตค.49 สำรวจ ณ สำรวจ ณ 19 ตค.49 สำรวจ ณ สำรวจ ณ 19 ตค.49 สำรวจ ณ สำรวจ ณ 19 ตค.49 สำรวจ ณ 5 กพ.50 5 กพ.50 5 กพ.50 5 กพ.50 รวมทั้งปี 2550 GDP Growth 4.5 4.2 5.1 4.8 3 3.7 19 18 EPS Growth 4.4 2.6 10.8 12.0 0.1 -6.8 17 19 ณ สิ้นปี 2550 SET Index 799 729 900 800 730 680 16 19 FOREX Bht:US$ 37.4 35.7 39 37.5 36.5 33.8 19 18 ดอกเบี้ย RP 1 วัน n/a 4.1 n/a 4.5 n/a 3.5 - 18 ในส่วนของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ ประเมินจากอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ของกลุ่มธุรกิจสำคัญ จากผลที่ได้ จากแบบสอบถาม พบว่า กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ จะเติบโตสูงสุด โดยมีค่าเฉลี่ย EPS Growth ที่ร้อยละ 18.7 อันดับสองคือ ธนาคาร เติบโตเฉลี่ยที่ร้อยละ 10.2 อันดับต่อมาคือ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง และปิโตรเคมี เติบโตเฉลี่ยที่ร้อยละ 2.8 และ 0.3 ตามลำดับ ตารางที่ 2 - EPS Growth (%) แยกตามกลุ่มธุรกิจ กลุ่มธุรกิจ ค่าเฉลี่ย จำนวนสำนักวิจัยที่ตอบ อสังหาริมทรัพย์ 18.7 13 ธนาคาร 10.2 14 วัสดุก่อสร้าง 2.8 13 ปิโตรเคมี 0.3 13 เดินเรือ -0.7 11 พลังงาน -1.6 13 นักวิเคราะห์ที่ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89 เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่องจากปีก่อน เนื่องจากราคาหุ้นไทย นับว่าถูกมาก และยังมีกระแสเงินลงทุนไหลเข้าภูมิภาคเอเซียจำนวนมาก ทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าไทยด้วย ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ผลตอบแทนในการ ลงทุน 5 ประเภท โดยคาดว่าการลงทุนในหุ้นสามัญปีนี้จะได้รับผลตอบแทนในอัตราสูงที่สุด หรือเฉลี่ยร้อยละ 9.8 อันดับสองคือ ทองคำ ได้รับผลตอบแทน เฉลี่ยร้อยละ 7.6 และอันดับสามได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยใกล้เคียงกันหรือร้อยละ 7.5 คือ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่กองทุนตราสารหนี้ได้รับผล ตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ 5.6 และอันดับสุดท้ายคือ เงินฝากธนาคาร คาดว่าผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.7 ตารางที่ 3 - คาดการณ์ผลตอบแทนการลงทุน ประเภทของการลงทุน ค่าเฉลี่ย (%) จำนวนสำนักวิจัยที่ตอบ หุ้นสามัญ 9.8 16 ทองคำ 7.6 11 กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 7.5 12 กองทุนตราสารหนี้ 5.6 12 เงินฝากธนาคาร 3.7 16 สำหรับกลุ่มธุรกิจที่น่าลงทุนนั้น นักวิเคราะห์แนะนำ ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ รับเหมาก่อสร้าง และพลังงาน ตามลำดับ ทั้งนี้ เชื่อว่า อัตราการเติบโตของกลุ่มธนาคารจะอยู่ในระดับสูง เนื่องจากได้รับประโยชน์จากการที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง ซึ่งจะช่วยให้สินเชื่อขยายตัวขึ้น อสังหาริมทรัพย์ก็จะได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงเช่นกัน รับเหมาก่อสร้างจะได้ประโยชน์จากโครงการลงทุนของรัฐบาล เช่น การประมูลโรง ไฟฟ้า รถไฟฟ้า รวมถึงการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชน สำหรับพลังงานได้รับความนิยมลดลงเหลืออันดับสี่ แต่บางบริษัทในหมวดพลังงานยังได้ประโยชน์จาก การประมูลโรงไฟฟ้าใหม่ หุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำให้ลงทุนตรงกันหลายสำนักวิจัย ได้แก่ BANPU, BBL, KBANK, LPN, SCB, SEAFCO เป็นต้น (เรียงตามลำดับตัวอักษร) แหล่งข้อมูล...สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โทร. 02-229-2355-6 อีเมล์ [email protected] สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าวสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์+สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพวันนี้

"จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์ จาก Liberator" ร่วมเวทีสัมภาษณ์ในงานสมาคมนักวิเคราะห์ฯ 2568 ตัวแทนเสียงนักวิเคราะห์ไทย

"น้าแดง" จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์, หัวหน้าฝ่ายวิจัย และ วิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล.ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ร่วมเวทีสัมภาษณ์ในงานสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ประจำไตรมาส 2 ปี 2568 เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์เป็นเจ้าภาพ โดยน้าแดงเป็นตัวแทนเสียงนักวิเคราะห์ไทย ถ่ายทอดมุมมองอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับทิศทางตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 2/2568 ท่ามกลางบริบทความไม่แน่นอนรอบด้าน พร้อมเสนอแนะแนวทางการลงทุนบนเงื่อนไขใหม่ๆที่กำลังเผชิญ ในช่วง

ภาพข่าว: แสดงความยินดีผู้ได้รับวุฒิบัตร CISA ประจำปี 2556

ดร. กฤษฎา เสกตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาความรู้ตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และ สุกิจ ชวลิตากุล เลขาธิการและนายทะเบียน สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ร่วมมอบวุฒิบัตรให้กับผู้ผ่านการทดสอบหลักสูตร Certified...

มร. มนจ ปาป้า ได้รับการแต่งตั้งเพื่อรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ ของสายการบินเซเชลส์

สายการบินเซเชลส์ ได้ประกาศแต่งตั้ง มร. มนจ ปาป้า เพื่อรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ แทน มร. เครเมอร์ บอล ที่ได้ขอลาออกไป มร. มนจ ปาป้า เคยทำงานที่สายการบินแอฟริกาใต้ ในตำ...

ภาพข่าว: CHO ร่วมสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน

คุณไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด และนายกสมาคม สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ให้เกียรติถ่ายภาพร่วมกับ คุณพศิน ทองมี ผู้จัดการฝ่ายขายราชการทหาร ของ บริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน จำกัด(มหาชน) เนื่องในโอกาสที่...

“ASP จัดอบรมวิเคราะห์งบการเงินและประเมินมูลค่าหลักทรัพย์เบื้องต้น”

ฝ่าย E-Business บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP จัดอบรม ในหัวข้อ “การวิเคราะห์งบการเงินและประเมินมูลค่าหลักทรัพย์” วิทยากรโดย คุณประสิทธิ์ รัตนกิจกมล (CISA, CFA) ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยไทย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส...

ภาพข่าว: “แสดงความยินดีกับผู้ได้รับวุฒิบัตร CISA ประจำปี 2555”

ไพบูลย์ นรินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ พร้อมด้วยดร.กฤษฎา เสกตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาความรู้ตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ และสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ร่วม...

ปฏิทินข่าวธุรกิจประจำวันนี้(10 กรกฎาคม 2556)

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม 2556 10.00 น. สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ จัดงานแถลงข่าว ผลสำรวจ ความเห็นนักวิเคราะห์ฯ (SAA Survey) เรื่องแนวโน้ม การลงทุน 2556 ณ ตลาดหลักทรัพย์ฯ 13.30 น. ทีเอ็มบี จัดงานแถลงข่าวมาตรฐานใหม่ธุรกรรมการเงิน กับ ทีเอ็มบี ณ ทีเอ็มบี...

ปฏิทินข่าวธุรกิจประจำวันพรุ่งนี้(10 กรกฎาคม 2556)

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม 2556 10.00 น. สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ จัดงานแถลงข่าว ผลสำรวจ ความเห็นนักวิเคราะห์ฯ (SAA Survey) เรื่องแนวโน้ม การลงทุน 2556 ณ ตลาดหลักทรัพย์ฯ 13.30 น. ทีเอ็มบี จัดงานแถลงข่าวมาตรฐานใหม่ธุรกรรมการเงิน กับ ทีเอ็มบี ณ ทีเอ็มบี...

สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ จัดงานแถลงข่าว ผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ฯ (SAA Survey) เรื่องแนวโน้มการลงทุน 2556

สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ขอเชิญท่านหรือผู้แทนร่วมงานแถลงข่าว ผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ฯ (SAA Survey) เรื่องแนวโน้มการลงทุน 2556 ในวันพุธที่ 10 กรกฎาคม 2556 เวลา 10.00-11.00 น. ณ...

เอ็มเอฟซี จัดสัมมนา MFC Finance Forum “อัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินบาท...การลงทุน”

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ขอเชิญผู้ถือหน่วยลงทุน องค์กรและนักลงทุนที่สนใจร่วมฟังสัมมนา MFC Finance Forum ครั้งที่ 13 เรื่อง “อัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินบาท...การลงทุน”โดยจะมีการบรรยายพิเศษจาก ดร....