"น้าแดง" จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์, หัวหน้าฝ่ายวิจัย และ วิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล.ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ร่วมเวทีสัมภาษณ์ในงานสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ประจำไตรมาส 2 ปี 2568 เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์เป็นเจ้าภาพ โดยน้าแดงเป็นตัวแทนเสียงนักวิเคราะห์ไทย ถ่ายทอดมุมมองอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับทิศทางตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 2/2568 ท่ามกลางบริบทความไม่แน่นอนรอบด้าน พร้อมเสนอแนะแนวทางการลงทุนบนเงื่อนไขใหม่ๆที่กำลังเผชิญ
ในช่วงเวลาที่ความผันผวนจากทั้งภัยธรรมชาติ และนโยบายเศรษฐกิจระดับโลกเริ่มส่งแรงสะเทือนเข้ามาสู่ประเทศไทยที่รุนแรงกว่าคาด และครั้งนี้มาในรูปแบบที่ยากจะต่อกรกับประเทศมหาอำนาจ น้าแดงมองว่า การรับมือกับตลาดช่วงนี้จึงไม่จำเป็นต้องรีบ "เข้าซื้อ" เพราะอาจมีเซอร์ไพรส์ด้านนโยบายต่างๆได้อีกต่อเนื่อง นักลงทุนจึงควรดำเนินการลงทุนด้วยความระมัดระวัง และกลับมาทำความเข้าใจตลาดหุ้นไทยอย่างถ่องแท้ให้มากขึ้น เพราะทศวรรษที่ผ่านมาหุ้นไทยเปลี่ยนไปจากเดิมมาก แบบแผนการลงทุนเดิมๆอาจใช้ไม่ได้ในวันนี้
น้าแดงมองว่าปัจจุบัน ปัญหาเรื่องสงครามการค้า ทำให้เกิดความไม่แน่นอนสูงในโลกธุรกิจ เช่น ลูกค้าชะลอการสั่งซื้อ, การต้องหาแหล่งวัตถุดิบใหม่, ปรับสายการผลิตใหม่ หรือ ต้องหาลูกค้ากลุ่มใหม่ เป็นต้น ดังนั้นในแง่ผู้ประกอบการ การจะลงทุนขยายกิจการใดๆ เชื่อว่าอาจจะต้องคิด และระมัดระวังมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมมาก ซึ่งผนวกด้วยตลาดหุ้นไทยเป็น Old Economy หรือ เศรษฐกิจดังเดิมที่ไม่ได้ใช้นวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อน ดังนั้น การเติบโตจะไม่หวือหวาอยู่แล้ว และยิ่งการลงทุนขยายกิจการที่อาจลดลงเพราะสงครามการค้า น้าแดงเชื่อว่าทางเลือกนึงที่ผู้ประกอบการจะเลือกทำได้ คือ การคืนเงินแก่ผู้ถือหุ้นในรูปเงินปันผลนั่นเอง
นั่นจึงทำให้ตลาดหุ้นไทย หากพิจารณาดีๆ จะพบว่าเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนปันผล (Dividend yield) สูงกว่าถึง 4% เปรียบเทียบกับตลาดที่เติบโตอย่าง S&P500 ที่ให้ปันผลเพียงแค่ 1% เท่านั้น ดังนั้น การที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาก่อนหน้านี้ และกำลังยังได้รับแรงกระแทกเพิ่มเติมจากปัญหาแผ่นดินไหว หรือ สงครามการค้า นั่นยิ่งทำให้ ผลตอบแทนปันผลยิ่งกว้างมากขึ้น น้าแดงพบว่าหุ้นปันผลดีๆบางตัว ให้ผลตอบแทนได้มากกว่า 7-8% แล้วอีกด้วย ดังนั้นหากเข้าใจภาพนี้แล้ว ตอนนี้ตลาดหุ้นไทย อาจจะเรียกได้ว่ากำลังจะเป็น "สวรรค์ของคนรักปันผล" เพียงแต่ว่า ต้องเลือกธุรกิจที่ไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติข้างต้น
ส่วนการประเมินทิศทาง SET ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากแผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ และความเสี่ยงจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯนั้น ซึ่งทั้งสองปัจจัยมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในหลายด้าน โดยเบื้องต้น ณ ข้อมูลที่มี เชื่อว่าจะกระทบต่อ GDP ประมาณ 0.3-0.9% (ขึ้นกับการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทย-สหรัฐ) ทำให้ปีนี้การเติบโตของ GDP จะต่ำกว่า 2% ส่วนผลกระทบจากแผ่นดินไหวต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ มองว่ามูลค่าความเสียหายไม่มากนัก 18,000-20,000 ล้านบาท แม้จะมีกิจกรรมการซ่อมแซมเข้ามาช่วย แต่อุปสงค์ในอสังหาฯอาจจะชะงักออกไปมากกว่า 6 เดือน ซึ่งปัจจุบันมีสต๊อกคอนโดฯเหลือจำนวนมากกว่า 9 หมื่นหน่วย ขณะที่หุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัทอสังหาฯ มีกำหนดชำระใน 3 ไตรมาสที่เหลือของปีนี้สูงถึงราว 1.2 แสน ลบ. ตรงนี้กลายเป็นความเสี่ยงสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นกู้บริษัทอสังหาฯที่อ่อนแอ ประเด็นนี้ต้องจับตาดีๆ
ในเรื่องของกลยุทธ์การลงทุน น้าแดงแนะนำให้ถือเงินสดอย่างน้อย 10% เพื่อเตรียมรับโอกาส(หากมี) และทยอยเก็บสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น ตราสารหนี้ 20% ส่วนการลงทุนในหุ้นนั้นก็ยังคงชอบที่สุด เพราะให้ผลตอบแทนในระยะยาวที่สูง แนะควรกระจายการลงทุนพอๆกันฝั่งละ 25% ที่หุ้นต่างประเทศ และหุ้นไทยที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง หุ้นที่ฝ่ายวิจัยชอบ เช่น CPALL, ADVANC, BH, GULF ส่วนสายเก็งกำไรอาจมองที่ MONO ที่กำลังจะได้รับประโยชน์จากเป็นผู้ถ่ายทอดสดฟุตบอล Premier League ฤดูกาลใหม่เริ่ม ส.ค. นี้ ส่วนทองคำให้น้ำหนัก 20% เอาไว้ป้องกันความเสี่ยงทั้งเศรษฐกิจ และ เงินเฟ้อ
บทสรุปที่น้าแดงฝากไว้คือ หากการเจรจาทางการค้าระหว่างไทยและสหรัฐฯ ไม่เป็นผล ตลาดอาจต้อง "รีเซต" การประเมินใหม่ทั้งระบบ แต่สิ่งสำคัญคือการลงทุนไม่ใช่เรื่องของการเอาชนะตลาดในทุกวัน แต่คือการอยู่รอดอย่างมั่นคงในทุกช่วงเวลา พร้อมทั้งย้ำว่า "ตลาดไม่ต้องการคนกล้าในทุกวินาที แต่อยากได้คนมีวินัยในจังหวะที่ใช่"
หากคุณสนใจบทวิเคราะห์เชิงลึก บทความดีๆ หรืออยากเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเดียวกับเรา Liberator พร้อมพาคุณสู่ความสำเร็จในโลกการลงทุน มาเรียนรู้และเติบโตไปกับเรากันเถอะ!
บัญชีใหม่ฟรีค่าคอมฯ 1 เดือนเต็มเปิดทีเดียวจบ ได้ครบทั้ง 5 บัญชี กับ Liberator Application
สินทรัพย์หลากหลาย: TH หุ้นไทย US หุ้นอเมริกา และ TFEX รวมถึง Cash Account และ Cash Balance
พร้อมทั้งมีสิทธิประโยชน์มากมาย: คลาสเรียนฟรี (ดูเพิ่มเติม: คลาสเรียน) กิจกรรมคอมมูนิตี้ (ดูเพิ่มเติม: กิจกรรมคอมมูนิตี้) อัตราค่าคอมฯที่เป็นมิตร มีให้เลือกทั้งแบบปกติ และ แพคเกจเหมาจ่าย สะดวกเลือกได้ตามสไตล์คุณ
- LIB Basic: หุ้นไทย 0.6%, หุ้นสหรัฐฯ 0.1% ต่อธุรกรรม
- LIBFAM Subscription: หุ้นไทยเริ่ม 499 บาท/เดือน, หุ้นสหรัฐฯ 1,999 บาท/เดือน
และ ที่พลาดไม่ได้ Liberator Day เทรดฟรี! ไม่มีค่าคอมฯ ทุกไม้ ทุกวันที่ 21 ของทุกเดือน!
มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเราได้แล้ววันนี้!
SKR คว้าหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2568 ระดับ "A" ตอกย้ำการบริหารจัดการธุรกิจอย่างยั่งยืน
FINANSIA เปิดการซื้อขาย DR24 วันแรก 5 หลักทรัพย์ อ้างอิง ETF ชั้นนำระดับโลก หนุนโอกาสลงทุนเมกะเทรนด์ให้คนไทย
INETREIT เตรียมนำหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนเข้าเทรด 12 ธ.ค. นี้ มั่นใจทรัพย์สินใหม่หนุนผลตอบแทน รับเทรนด์ Data Center และ Cloud โตต่อเนื่อง
เซ็นทรัลพัฒนา โชว์ความเป็นเลิศด้านนักลงทุนสัมพันธ์ คว้ารางวัล Outstanding Investor Relations จากเวที SET Awards 2025 เป็นครั้งที่ 5
TPS สุดยอด! คว้า 2 รางวัล จากเวที SET AWARDS 2025
SRIPANWA รับรางวัล Outstanding REIT Performance Awards ในงาน SET Awards 2025 ตอกย้ำศักยภาพกองทรัสต์และความแข็งแกร่ง ของธุรกิจท่องเที่ยวระดับลักชัวรี่
"ปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล" คว้ารางวัล Outstanding Young Rising Star CEO Awards ในงาน SET Awards 2025 ตอกย้ำผู้นำรุ่นใหม่บริหารองค์กรเติบโตอย่างมีคุณภาพ
DEXON คว้ารางวัลนวัตกรรมต่อเนื่อง 3 ปี จาก SET Award ตอกย้ำองค์กรนวัตกรรมไทย ดันเทคโนโลยี Well Casing Inspection สู่ตลาดโลก