กบข. เผยผลการวิจัยพบสมาชิกส่วนใหญ่ เน้นการออมเพื่อการศึกษาของบุตรมากกว่าการออมเพื่อการเกษียณ

24 Mar 2008

กรุงเทพฯ--24 มี.ค.--กบข.

นางอมฤดา สุวรรณจินดา ผู้ช่วยเลขาธิการ สายสมาชิกสัมพันธ์และกิจกรรมสาธารณะ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่าเมื่อเร็วๆนี้ กบข.ได้มีการจัดงานสัมมนาเรื่อง “มองภาพสังคมไทยต่อการออมเพื่อวัยเกษียณ” ซึ่งภายในงานได้มีการนำเสนอและสรุปผลการศึกษาวิจัยเรื่อง “ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรต่อวิถีชีวิตของประชากร กับทิศทางการออมในอนาคต” ซึ่งเป็นงานวิจัยที่จัดทำโดย กบข. ร่วมกับวิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทำขึ้น โดยมีข้าราชการสมาชิก กบข. กว่า 2,700 คน เป็นกลุ่มตัวอย่างสำหรับการวิจัยในครั้งนี้ จากผลการวิจัยพบว่ามีสมาชิก กบข. จำนวนไม่น้อยยังขาดความรู้ความเข้าใจทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับการออม การลงทุน การเลือกเครื่องมือการลงทุนประเภทต่างๆ ทั้งในระดับพื้นฐานและเชิงลึก ขณะเดียวกันยังพบว่าเงินออมส่วนใหญ่เป็นเงินที่เก็บออมไว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาของบุตร รองลงมาจึงเป็นการออมเพื่อใช้สำหรับวัยเกษียณ ส่วนการดำเนินชีวิตหลังวัยเกษียณส่วนใหญ่เน้นการพึ่งพาตัวเอง มากกว่าการคิดที่จะพึ่งพารัฐ หรือการพึ่งพาการเลี้ยงดูจากบุตรหลาน

ทั้งนี้ จากผลการวิจัยครั้งนี้ ได้มีข้อเสนอแนะเพื่อพิจารณาหาแนวทางหรือกำหนดมาตรการเพื่อให้ข้าราชการสมาชิกทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้รับประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการหาแนวทางให้ความรู้แก่สมาชิก โดยมุ่งให้เกิดความเข้าใจถึงหลักการและประโยชน์ของการลงทุนและการวางแผนการเงินที่ถูกต้อง รวมทั้งการเลือกใช้เครื่องมือในการลงทุนแต่ละประเภทอย่างเหมาะสมเพื่อการเกษียณอายุ นอกจากนี้ภาครัฐควรมีการผลักดันให้เกิดการออมภาคบังคับ เพื่อจะให้สามารถรองรับและให้การดูแลประชากรสูงอายุที่เพิ่มสัดส่วนขึ้นอย่างรวดเร็วในอนาคต และการจัดให้มีกองทุนเงินออมเพื่อการชราภาพเพื่อขยายความครอบคลุมไปสู่ประชากรต่างๆ ในวงกว้าง

อย่างไรก็ตาม ผลจากงานสัมมนาครั้งนี้ คาดว่าหน่วยงานต่างๆ ในสังคมที่เกี่ยวข้องควรต้องร่วมมือกันวางแผนรับมือกับผลกระทบที่จะได้รับจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรในอนาคตไม่ว่าจะเป็นเชิงนโยบายหรือการกำหนดแผนงานภาคปฏิบัติ รวมทั้งมีการเตรียมการสร้างหลักประกันอันมั่นคงของคนรุ่นปัจจุบัน เพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในชีวิตในอนาคต