องค์กรธุรกิจต้องเผชิญกับความเสี่ยงมากขึ้นหากยังคงติดตั้งและใช้งานซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ต่อไป กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี (บก. ปศท.) และกลุ่มพันธมิตรธุรกิจซอฟต์แวร์ (บีเอสเอ) ร่วมกันประกาศวันนี้ว่า ตำรวจทุกฝ่ายจะดำเนินการกับองค์กรธุรกิจที่ติดตั้งและใช้งานซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์อย่างเข้มงวดอีกครั้งในวันที่ 15 ตุลาคมนี้
ตัวแทน บีเอสเอ กล่าวว่า ทางบีเอสเอ ได้ขอความร่วมมือจาก บก.ปศท. ในการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในองค์กร โดยก่อนหน้านี้บีเอสเอได้ร่วมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาในการเผยแพร่ความรู้แก่ผู้ประกอบการเกี่ยวกับกฎหมายลิขสิทธิ์และวิธีการตรวจสอบลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องมาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว โครงการป้องปรามซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ครั้งนี้นำโดย บก. ปศท. ซึ่งองค์กรธุรกิจจะมีระยะเวลาในการปรับเปลี่ยนมาใช้ซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องในอีก 30 วันข้างหน้า “เราได้ดำเนินคดีกับบริษัทหลายสิบแห่งที่ละเมิดกฎหมายลิขสิทธิ์ นับว่าผลการดำเนินงานปราบปรามซอฟต์แวร์เถื่อนในช่วงครึ่งปีแรกนี้เป็นที่น่าพอใจ” พ.ต.อ. ศรายุทธ พูลธัญญะ รองผู้บังคับการ บก.ปศท. กล่าว “อย่างไรก็ตาม เราหวังว่าในครึ่งปีหลังนี้จะทำได้ดียิ่งขึ้นไปอีก โดยจะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเข้มงวดอีกครั้งในวันที่ 15 ตุลาคมนี้”
“ครั้งนี้ถือเป็นการเตือนให้องค์กรธุรกิจได้รับทราบอีกครั้งหนึ่งว่า จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายให้การติดตั้ง และใช้งานซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ต้องยุติลง ซอฟต์แวร์แท้ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องไม่เพียงมีข้อดีที่เห็นเด่นชัดหลายประการ เช่น ประสิทธิภาพการใช้งานและความปลอดภัยจะเป็นไปตามมาตรฐานที่รับรองโดยผู้ผลิต การใช้งานซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องจะช่วยส่งเสริมให้มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานมากขึ้น” พ.ต.อ. ศรายุทธ พูลธัญญะ รองผู้บังคับการ บก.ปศท. เสริม “ตำรวจจะบังคับใช้กฎหมายกับองค์กรธุรกิจ และผู้บริหารขององค์กรนั้นอย่างจริงจังเพื่อให้ได้ตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษซึ่งมีทั้งจำคุกและปรับในอัตราที่สูง”
การปกป้องสิทธิด้านทรัพย์สินทางปัญญาของผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ครั้งนี้ สอดคล้องกับการขยับตัวครั้งล่าสุดของบีเอสเอ ที่ประกาศเพิ่มเงินรางวัลสูงสุดให้แก่ผู้แจ้งเบาะแสอันสามารถนำไปสู่การจับกุมองค์กรธุรกิจที่ใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ เป็นเงินรางวัลถึง 500,000 บาท “เราขอขอบคุณในความร่วมมือของ บก. ปศท. ที่ประกาศดำเนินการตามกฎหมายกับองค์กรธุรกิจที่ติดตั้ง และใช้งานซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ โครงการป้องปรามการละเมิดลิขสิทธิ์นี้จะแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยให้ความสำคัญกับการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์อย่างจริงจัง ซึ่งหากในท้ายที่สุดการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในประเทศไทยลดลง ก็จะเป็นแรงจูงใจในการพัฒนาลิขสิทธิ์ในประเทศไทยด้วย”
มร. ดรุณ ซอว์นีย์ ผู้อำนวยการฝ่ายปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ ประจำภูมิภาคเอเชียของบีเอสเอกล่าวเสริมอีกว่า “ความเป็นจริงคือ แม้กระทั่งซอฟต์แวร์ที่พัฒนาโดยบริษัทคนไทยก็ยังพบว่าถูกละเมิดและใช้กันทั่วไปในองค์กรธุรกิจ นี่เป็นการเตือนล่วงหน้า 30 วันให้ธุรกิจเคารพสิทธิด้านทรัพย์สินทางปัญญาของผู้พัฒนาซอฟต์แวร์”
ผู้ที่ต้องการแจ้งเบาะแสการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ในองค์กรธุรกิจ สามารถโทรแจ้งได้ที่ สายด่วนต้านการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ 02-711-6193 ข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสจะถูกเก็บไว้เป็นความลับ รายละเอียดในเรื่องนี้สามารถหาอ่านได้จากเว็บไซต์ www.stop.in.th หรือ www.bsa.org.
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
อาทิมา ตันติกุล สุจิตรา ยิ่งเพิ่มมงคล
วีโร่ พับลิครีเลชั่นส์ วีโร่ พับลิครีเลชั่นส์
โทร +66 (0) 2684 1551 โทร +66 (0) 2684 1551
อีเมล์
[email protected] อีเมล์
[email protected]
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net