นโยบายพลังงานและภาษีรถควรมุ่งที่ประหยัดน้ำมันและปล่อย CO2 ต่ำ เพื่อเตรียมรับมือเจรจาลดกรีนเฮาส์แก๊สรอบใหม่ ชี้สบู่ดำมีศักยภาพทำไบโอดีเซลมากสุด

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--13 ต.ค.--สกว.

เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้จัดเสวนาเรื่อง “พลังงานทางเลือกสำหรับภาคขนส่ง” เพื่อให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงทางวิชาการแก่รัฐใช้ประกอบการพิจารณากำหนดนโยบายพลังงานสำหรับภาคขนส่ง ศ.ดร. ปรีดา วิบูลย์สวัสดิ์ ประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กล่าวว่า ภาคขนส่งของไทยยังพึ่งพาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเป็นหลักโดยเป็นน้ำมันดีเซลและเบนซินถึง 90% ส่งผลทั้งด้านความมั่นคงของแหล่งพลังงานและผลต่อสิ่งแวดล้อม การประหยัดพลังงานของประเทศก็ยังมีประสิทธิภาพค่อนข้างต่ำ ภาครัฐจึงควรวางมาตรการประหยัดพลังงานอย่างเร่งด่วน แม้ในระยะแรกนี้เราจะนำแก๊สธรรมชาติมาใช้ในภาคขนส่ง แต่เนื่องจากแก๊สธรรมชาติเป็นแหล่งพลังงานหลักในการผลิตไฟฟ้าด้วย ดังนั้นรัฐต้องเร่งส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซล ศ.ดร. ปรีดากล่าวว่า เนื่องจากแก๊สโซฮอล์มีหลายประเภท ทั้ง E10, E20,และ E 25 ไบโอดีเซลมีทั้ง บี2 และบี5 นอกจากนี้ยังมีเครื่องยนต์ไฮบริดและรถไฟฟ้าเป็นทางเลือกอีก จึงควรมีการศึกษาและวิเคราะห์ให้รอบคอบก่อน แล้วจึงกำหนดนโยบายพลังงานทางเลือกที่ชัดเจนและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศ อีกทั้งให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งผู้ผลิตวัตถุดิบ อุตสาหกรรม และผู้ใช้รถด้วย แต่สำหรับแก๊สโซฮอล์นั้น รัฐควรยกเลิกนโยบาย E85 “E85 ไม่เหมาะสมและมีจุดอ่อนมาก ทั้งยุโรปและญี่ปุ่นต่างก็ไม่เอา เพราะอัตราการให้พลังงาน (energy gain) น้อยมาก ไบโอดีเซลยังดีกว่า เพราะเทคโนโลยีก้าวหน้ากว่า ในยุโรปซึ่งใช้มาตรฐานยูโรโฟร์จึงเลือกเครื่องยนต์ดีเซลเป็นหลัก” และว่า “สำหรับมาตรฐานยูโรโฟร์ (Euro IV) เน้น 2 ประเด็นหลักเท่านั้นคือ กินน้ำมันกี่ลิตรต่อ 100 กม. และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่าไหร่ ซึ่งในการตัดสินนโยบายภาคขนส่งของประเทศไทย ก็น่าจะพิจารณาสองเรื่องนี้เป็นหลักเช่นกัน มิเช่นนั้นในการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งมีการเจรจาเรื่อง Greenhouse gas ในครั้งต่อไป ประเทศไทยจะถูกโจมตีหนักมากเรื่องอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อจำนวนประชากรและต่อรายได้ประชากร” ศ.ดร. ปรีดา กล่าว ถ้าเทียบกับแก๊สโซฮอล์แล้ว ศ.ดร. ปรีดากล่าวว่า ไบโอดีเซลมีภาษีดีกว่า เพราะเครื่องยนต์ดีเซลเป็นตัวหลักในการขนส่งและบรรทุกสินค้า แต่ก็ต้องระวังว่าจะส่งเสริมได้มากน้อยเพียงใด “สำหรับ B2 ไม่มีปัญหา เพราะใช้น้ำมันปาล์มใช้แล้วมาผลิต แต่ B5 อาจมีปัญหา เพราะใช้น้ำมันปาล์มที่ใช้เป็นอาหาร ส่วนสบู่ดำถือว่ามีศักยภาพสูงสุดในการทำไบโอดีเซล เพราะไม่ใช่อาหาร” และว่า อย่างไรก็ตาม ทั้งแกสโซฮอล์และไบโอดีเซลต่างก็เป็นเพียงพลังงานเสริม ไม่ใช่พลังงานหลัก อีก 20-30 ปีข้างหน้า เครื่องยนต์เผาไหม้ภายใน ก็จะถูกรถเครื่องยนต์ไฮบริด รถไฟฟ้า รวมทั้งเซลล์เชื้อเพลิงมาแทนที่ ศ.ดร. ปรีดากล่าวด้วยว่า รัฐบาลควรลดภาษีทันทีเพื่อส่งเสริมให้มีการนำรถเครื่องยนต์ไฮบริดเข้ามา แทนที่จะเสียเวลากับ E85 “อุตสาหกรรมรถยนต์ของเราแสดงตัวเลขว่า รถที่ผลิตได้ประมาณครึ่งหนึ่งใช้ในประเทศ อีกครึ่งหนึ่งส่งออก และการที่ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป มาเลือกประเทศไทยเป็นฐานส่งออก เพราะเขาได้ประโยชน์จาก FTA กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ดังนั้นต้องถามด้วยว่า E85 มีประเทศไหนใช้บ้างในภูมิภาคนี้ เพราะถ้าเราผลิตเครื่องยนต์ E85 แล้วภูมิภาคนี้ไม่เอา ผู้ผลิตรถยนต์เขาจะเอาไปขายใคร” ศ.ดร.ปรีดา กล่าว สำหรับนโยบายระยะยาว ประธาน สกว. กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลส่งเสริมรถไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก (plug-in hybrid car) ซึ่งใช้เชื้อเพลิงน้อยลงและใช้ไฟฟ้าเสริม ขณะนี้มีผู้ผลิตของไทยทำได้อยู่แล้ว เพียงแต่ต้องปรับปรุงอีกเล็กน้อย และเชื่อว่าจะดีขึ้นหากมีโรงงานประกอบแบตเตอรี่มาผลิตแบตเตอรี่ให้ โดยแบ็ตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่พัฒนาใหม่จะมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมครึ่งหนึ่ง และเก็บประจุไฟฟ้าได้มากขึ้นเกือบเท่าตัว แต่รัฐต้องคิดถึงเรื่องการกำจัดแบ็ตเตอรี่เก่าทิ้งด้วย นอกจากนี้รัฐต้องปรับปรุงเรื่องการเก็บภาษีรถ โดยน่าจะพิจารณาเก็บภาษีตามการประหยัดพลังงานและการก่อมลพิษคาร์บอนไดออกไซด์ ฯลฯ มากกว่าเก็บตามซีซีรถ เพื่อเป็นแรงจูงใจให้รถที่มีประสิทธิภาพดีเข้ามาผลิตในไทย ซึ่งจะได้ตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ด้วย “กระทรวงพลังงานไม่สามารถตัดสินนโยบายพลังงานทางเลือกสำหรับภาคขนส่งได้โดยลำพัง แต่ต้องปรึกษากระทรวงที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตร แล้วจึงกำหนดนโยบายที่ชัดเจนและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศ อีกทั้งให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งผู้ผลิตวัตถุดิบ อุตสาหกรรมและผู้ใช้รถด้วย” ประธาน สกว. สรุป งานสื่อสารสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ฉัตร์ทิพย์ โทร 0-2278-8298, [email protected] ฉัตร์ทิพย์ ภูสกูล เจ้าหน้าที่สื่อสารสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) 979/17-21 ชั้น 14 อาคาร เอส เอ็ม ทาวเวอร์ ถ.พหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. 10400 โทร. (02) 278 - 8298, มือถือ (089) 499 - 8208 แฟ็กซ์ (02) 298 - 0454 อีเมล์ : [email protected] เชิญสืบค้นผลงานวิจัยของ สกว. ได้ที่ http://elibrary.trf.or.th

ข่าวสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ+สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยวันนี้

แจงกรอบวิจัยปีงบ 61 มุ่ง เดินหน้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 หนุนเครือข่ายรัฐ-เอกชน พัฒนาสังคมเศรษฐกิจมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

ในการประชุมชี้แจงกรอบการวิจัย ประจำปีงบประมาณ 2561 จัดโดยเครือข่ายองค์กรบริหารงานวิจัยแห่งชาติ (คอบช.) ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) (สพภ.) และสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)

มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ร่วมกับมหาวิทยาลั... ราชภัฏพระนครจับมือเครือข่ายวิชาการและงานวิจัยจัดประชุมวิชาการระดับนานาชาติ I-SEEC 2017 — มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม มหาวิ...

กยท. ร่วมประชุมคณะกรรมการกำกับแผนงานวิจัยฯ ดึงงานวิจัยยางชั้นเลิศ มอบทุนวิจัยต่อยอดการพัฒนา

สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ร่วมหน่วยงาน 6 ส. ตั้ง "เครือข่ายองค์กรบริหารงานวิจัยแห่งชาติ" มุ่งส่งเสริม และสนับสนุนทุนแผนงานวิจัยที่มุ่งเป้าตอบสนองความต้องการในการพัฒนาประเทศ ด้าน กยท. ร่วม สวก....

ขับเคลื่อนโลจิสติกส์-โซ่อุปทาน สศก. เตรียมคลอดรายงานฉบับสมบูรณ์พัฒนาสินค้า 5 ชนิด พ.ย.นี้

สศก. จับมือ วช. และ สกว. รุกโครงการศึกษาวิจัยโลจิสติกส์และโซ่อุปทานสินค้าเกษตรสำคัญ 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ทุเรียน และหน่อไม้ฝรั่ง พร้อมจัดเวทีสัมมนาระดมสมอง ก่อนคลอดรายงานฉบับสมบูรณ์...

3 องค์กรผนึกจัดประชุม “เพิ่มมูลค่าจากไขอ้อย”

สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ร่วมกับ ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ(นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) กำหนดจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “เทคโนโลยีการสกัดไขอ้อยจากกากหม้อกรอง...

คอบช. จัดงานแถลงข่าวเรื่อง “ผลวิจัยโลจิสติกส์ของเครือข่ายองค์กรบริหารงานวิจัยแห่งชาติ (คอบช.) ต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโครงการ 2 ล้านล้านบาท”

เครือข่ายองค์กรบริหารงานวิจัยแห่งชาติ (คอบช.) ร่วมกับ สำนักประสานงานโครงการวิจัยด้านโลจิสติกส์ ร่วระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ...

วช. และ สกว. ประชุมสัมมนา เรื่อง “งานประชุมเผยแพร่ผลงานวิจัยด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานภายใต้บริบทประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน”

ปฎิทินข่าวประชาสัมพันธ์ วช.และสกว ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” (ASEAN Economic Community : AEC) วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 08.30-16.30 น. ศ.นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ...

สามองค์กรผู้นำระบบเฮลท์แคร์และเฮลท์เทคของ... วิศวะมหิดล รวมพลัง 3 องค์กร เดินหน้า เฟส 3 พัฒนาระบบโลจิสติกส์และ Big Data สาธารณสุขไทย — สามองค์กรผู้นำระบบเฮลท์แคร์และเฮลท์เทคของไทย ได้แก่ กระทรวงสาธาร...

นักวิจัย ม.มหิดล คว้ารางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2563 คิดค้นยาชีวภาพแอนติบอดีมนุษย์สำหรับรักษาโรคไข้เลือดออก

เมื่อเร็วๆ นี้ ศาสตราจารย์ ดร. นายสัตวแพทย์พงศ์ราม รามสูต หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านการวิจัยแอนติบอดี และ หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์สังคมและสิ่งแวดล้อม คณะเวชศาสตร์เขตร้อน...