อ็อคตาฟาร์มา มุ่งจัดการความเสี่ยงจากการรักษาโรคฮีโมฟีเลียด้วยยาต้าน

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

ลาคเคน และ โฮโบเคน, นิวเจอร์ซีย--26 ส.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์ – เอเชียเน็ท / อินโฟเควสท์


ในการประชุมของสมาคมการเกิดลิ่มเลือดและการห้ามเลือดนานาชาติ จะมีการพูดคุยเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการป้องกันและทำลายของยาต้าน Factor VIII และการเปิดตัวยาต้าน FVIII ตัวแรกที่ผลิตจากเซลล์ของมนุษย์

อ็อคตาฟาร์มา เอจี (Octapharma AG) เป็นผู้นำของโครงการระดับนานาชาติซึ่งพยายามจัดการกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการใช้ยาต้าน Factor VIII ในการรักษาโรคฮีโมฟีเลียชนิดเอ (โรคเลือดไหลไม่หยุด) โดยโครงการดังกล่าวบวกกับความพยายามของอ็อคโตฟาร์มาในการผลิตยาต้าน Factor VIII จากเซลล์ของมนุษย์ อาจช่วยลดผลกระทบจากการรักษาโรคฮีโมฟีเลียลงได้อย่างมหาศาล ทั้งนี้ ผู้ชาย 1 ในทุกๆ 5,000-10,000 คนทั่วโลกจะเกิดมาพร้อมโรคฮีโมฟีเลียชนิดเอ และ 75% ของผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลียทั่วโลกไม่เคยได้รับการวินิจฉัยหรือรักษา

เมื่อเร็วๆ นี้ อ็อคตาฟาร์มา เอจี ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสม่ารายใหญ่อันดับ 3 ของโลก ได้เชิญชวนผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านโรคเลือดจับตัวเป็นก้อนให้มารวมตัวกันในการประชุมของสมาคมการเกิดลิ่มเลือดและการห้ามเลือดนานาชาติ (ISTH) ที่บอสตัน ซึ่งจัดขึ้นทุกๆ 2 ปี โดยอ็อคตาฟาร์มาเป็น 1 ใน 5 ผู้สนับสนุนระดับแพลตินัมของการประชุมครั้งนี้ ซึ่งมีตัวแทนจากชุมชนนักวิจัย ชุมชนการแพทย์ รวมถึงผู้ป่วยจำนวนมากมาร่วมงานกว่า 7,500 คน

ผู้เชี่ยวชาญด้านคลินิกได้ให้ความรู้ระหว่างการประชุมว่า ราว 40% ของผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลียชนิดเอที่ไม่เคยได้รับการรักษามาก่อน จะเกิดโรคแทรกซ้อนที่รุนแรงจากการใช้ยา FVIII ซึ่งอาจก่อให้เกิดภาวะเลือดไหลไม่หยุดแบบควบคุมไม่ได้ เพิ่มอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และเกิดความเสียหายหลายอย่างร่วมกัน ส่งผลให้อัตราการเจ็บป่วยและเสียชีวิตพุ่งสูงขึ้น

“เราได้เชิญชวนผู้คนจากทั่วโลกให้มารวมตัวกันเพื่อจัดการกับปัญหานี้อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ทั่วโลกเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลียชนิดเอตั้งแต่บริษัทอ็อคตาฟาร์มาก่อตั้งขึ้นเมื่อ 25 ปีที่แล้ว” คิม บจอร์นสตรัป รองประธานบริษัท อ็อคตาฟาร์มา เอจี กล่าว “ผลิตภัณฑ์ยาตัวแรกๆ ของเราถูกพัฒนาขึ้นสำหรับผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลีย และทุกวันนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคฮีโมฟีเลียจำนวนมากเห็นว่าการพัฒนายาต้านเป็นอุปสรรคสำคัญที่สุดในการรักษาโรคอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นอ็อคตาฟาร์มาจึงอุทิศตนให้กับการพัฒนานวัตกรรมซึ่งจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ด้วยการคิดค้นวิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยให้ข้ามผ่านอุปสรรคดังกล่าวไปได้”

การอภิปรายซึ่งอ็อคตาฟาร์มาเป็นผู้สนับสนุนในหัวข้อ “ประสิทธิภาพในการป้องกันและทำลายของยาต้าน Factor VIII: การทดลองในห้องแล็บและการวิจัยภาคสนาม” มี ศจ.ดร.เดวิด ลิลลีแครป จากแผนกพยาธิวิทยาและเวชศาสตร์โมเลกุล มหาวทิยาลัยควีนส์ ในออนทาริโอ แคนาดา และ ศจ.ดร.จอร์จส์ อี ไรเวิร์ด แผนกกุมารเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมอนทรีอัล เป็นประธานการอภิปราย โดยการอภิปรายครั้งนี้เปิดโอกาสให้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการใช้ยาต้านความผิดปกติในการแข็งตัวของเกล็ดเลือด (VWF) และยา FVIII ในจำนวนมากเพื่อให้ร่างกายชินต่อการรักษา (ITI) ในผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลียชนิดเอที่คาดว่าการรักษาด้วยวิธี ITI จะให้ผลลัพธ์ไม่ดีนัก

โดยผู้ร่วมอภิปรายจะพิจารณาข้อมูลทางคลินิก ข้อมูลก่อนการทดลองทางคลินิก และข้อมูลพื้นฐานของยา VWF รวมถึงประสิทธิภาพในการป้องกันและทำลายของยาต้าน Factor VIII นอกจากนั้นยังมีการนำเสนอคาดหวังในอนาคตและข้อมูลในอดีตซึ่งได้จากการใช้ยา FVIII ด้วยวิธี ITI พร้อมด้วยการอัพเดทความคืบหน้าของการวิจัยเพื่อค้นหาความเสี่ยงของการใช้ยาต้าน FVIII ในผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลียที่ไม่เคยได้รับการรักษามาก่อน

“ผลการวิจัยทางคลินิกเผยให้เห็นว่าการใช้ยา VWF ช่วยให้ความทนทานของการรักษามีมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยที่เคยคาดว่าการรักษาจะให้ผลลัพธ์ไม่ดีนัก” ดร.วูล์ฟฮาร์ท ครูซ จากศูนย์ดูแลผู้ป่วยฮีโมฟีเลียแบบครบวงจร โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโจฮานน์ วูล์ฟกัง เกอร์เธ ในแฟรงค์เฟิร์ท เยอรมนี ซึ่งเป็นผู้ร่วมอภิปราย กล่าว “การใช้วิธี ITI ที่ประสบความสำเร็จจะทำให้การรักษาและป้องกันโรคเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและลดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาลงได้อย่างมาก”

อีกหนึ่งการอภิปรายซึ่งอ็อคตาฟาร์มาเป็นผู้สนับสนุนในหัวข้อ “จากมนุษย์สู่มนุษย์ - การเปิดตัวยาต้าน FVIII ตัวแรกที่ผลิตจากเซลล์ของมนุษย์” มี ดร.เอ็ดเวิร์ด จีดี ทัดเดนแฮม ผู้อำนวยการศูนย์ฮีโมฟีเลียและแผนกการเกิดลิ่มเลือด คาธารีน ดอร์มันดี ในลอนดอน และ ดร.โจฮันเนส โอลเดนเบิร์ก ประธานและผู้อำนวยการสถาบันวิจัยโรคฮีโมฟีเลียและการถ่ายเลือด ในกรุงบอนน์ เยอรมนี เป็นประธานการอภิปราย

“20 ปีหลังเริ่มมีการทดลองยา FVIII ด้วยเซลล์ของหนูแฮมสเตอร์ ในที่สุดตอนนี้ก็ได้มีการทดสอบระดับคลินิกด้วยเซลล์ของมนุษย์แล้ว” ดร.ทัดเดนแฮม กล่าว “วัตถุประสงค์หลักของการพัฒนายา FVIII คือการพยายามลดความเสี่ยงของผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลียที่เพิ่งหันมาใช้ยา FVIII และส่วนสำคัญของการทดลองคือการพัฒนายา FVIII จากโปรตีนในเซลล์ของมนุษย์แทนที่จะใช้เซลล์ของหนูแฮมสเตอร์”

การอภิปรายนี้เน้นไปที่ประโยชน์ของการใช้โปรตีนจากเซลล์ของมนุษย์ ลักษณะทางคลินิกและคุณสมบัติการทำงานของ FVIII ที่ได้จากเซลล์ของมนุษย์ และโครงการพัฒนาทางคลินิกระดับโลกเกี่ยวกับ FVIII วึ่งได้จากเซลล์ของมนุษย์ ทั้งนี้ อ็อคตาฟาร์มายื่นขออนุญาตทดสอบยา FVIII ในสหรัฐเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว โดยเริ่มมีการทดสอบในรัสเซียเมื่อฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา และคาดว่าจะเริ่มทดลองในสหรัฐในช่วงปลายปีนี้ นอกจากนั้นอ็อคตาฟาร์มายังมีผลิตภัณฑ์ที่ได้จากเซลล์ของมนุษย์ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาอีกหลายตัว

นอกจากนั้นในการอภิปรายยังมีการนำเสนอประโยชน์ของการใช้เซลล์ของมนุษย์ในการผลิต FVIII ซึ่งรวมถึงทำให้ไม่พบ rodent antigenic epitodes Gal-1, 3-Galactose และ N-glycolyl-neuraminic-acid ในโปรตีน FVIII ซึ่งอาจนำไปสู่การลดการกระตุ้นภูมิคุ้มกันเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ FVIII ทั่วไปในตลาดซึ่งได้จากเซลล์ของหนูแฮมสเตอร์ นอกจากนั้นยังช่วยให้ยามีประสิทธิภาพในการต้านทานมากขึ้นด้วย

เกี่ยวกับ อ็อคตาฟาร์มา เอจี

อ็อคตาฟาร์มา เอจี ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองลาคเคน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นบริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์จากพลาสม่ารายใหญ่อันดับ 3 ของโลก ซึ่งทุ่มเทให้กับการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์และการดูแลผู้ป่วยตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา โดยธุรกิจหลักของบริษัทคือการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายโปรตีนในมนุษย์คุณภาพสูง ซึ่งได้จากทั้งพลาสม่าและเซลล์ของมนุษย์ ซึ่งรวมถึงยาอิมมูนโกลบูลิน (IGIV) โดยในสหรัฐอเมริกา ผลิตภัณฑ์ IGIV ของอ็อคตาฟาร์มาซึ่งใช้ชื่อ octagam(R) (immune globulin intravenous [human] 5%) ถูกนำไปใช้รักษาโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน และผลิตภัณฑ์ Albumin (Human) ถูกนำไปใช้ในการบำรุงรักษาปริมาณเลือดที่ไหลเวียนในร่างกาย ทั้งนี้ อ็อคตาฟาร์มามีพนักงานผู้มีประสบการณ์ด้านเภสัชศาสตร์ชีวภาพ 3,000 คน ใน 80 ประเทศทั่วโลก รวมถึงในสหรัฐอเมริกาซึ่งบริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองโฮโบเคน รัฐนิวเจอร์ซีย์ นอกจากนั้นยังมีโรงงานผลิตอันทันสมัย 2 แห่งซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐ ซึ่งช่วยให้การผลิตมีความยืดหยุ่นสูงและช่วยป้องกันการขาดแคลนยาได้เป็นอย่างดี ท่านที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ www.octapharma.com

แถลงการณ์คาดการณ์ล่วงหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยแถลงการณ์คาดการณ์ล่วงหน้า ซึ่งประกอบด้วยความเสี่ยงและความไม่แน่นอน รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัท บริษัทไม่มีหน้าที่อัพเดทข้อมูลในแถลงการณ์คาดการณ์ล่วงหน้าหรือแก้ไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในอนาคต ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงออกมาแตกต่างจากผลลัพธ์ที่คาดการณ์ไว้มีหลายอย่าง อาทิ ผลวิจัยที่มีอยู่ในปัจจุบันหรือผลของการวิจัยที่กำลังดำเนินอยู่ รวมถึงกิจกรรมและปฏิกิริยาจากองค์การอาหารและยาและหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ

แหล่งข่าว: อ็อคตาฟาร์มา เอจี

ติดต่อ: เฟรด ไฟเนอร์ จาก แยงกี พับลิค รีเลชั่นส์ ตัวแทนประชาสัมพันธ์ อ็อคตาฟาร์มา เอจี

โทร: +1-908-894-3930

อีเมล: [email protected]

-- เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท ( www.asianetnews.net ) --


ข่าวอ็อคตาฟาร์มา เอจี+จัดการความเสี่ยงวันนี้

NL ร่วมขับเคลื่อนอนาคตวงการก่อสร้างไทย มุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ในงานเสวนา Thai Builders Forum ยกระดับมาตรฐาน สร้างโอกาสใหม่ในงานก่อสร้างไทย

บริษัท เอ็นแอล ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ NL ตอกย้ำวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG ด้วยการเข้าร่วมงานเสวนา Thai Builders Forum "ยกระดับมาตรฐาน สร้างโอกาสใหม่ในงานก่อสร้างไทย" ซึ่งจัดโดยโครงการสร้างเสริมผลลัพธ์ที่ดีทางสังคม (BSI) ร่วมกับ สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, บริษัท แอสเซท ไวส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท บิลค์ วัน กรุ๊ป จำกัด เพื่อยกระดับการจัดการห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรมก่อสร้างด้วยมาตรฐานทางสังคม ผ่านการจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ และแลกเปลี่ยน

ตั้งรางวัล 2 สาขาใหม่ มุ่งยกย่ององค์กรที่... มูลนิธิ อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส เปิดตัวรางวัล Duty of Care Awards ประจำปี 2569 — ตั้งรางวัล 2 สาขาใหม่ มุ่งยกย่ององค์กรที่เป็นต้นแบบในการพัฒนาวิธีดำเนิ...

รายงานพิเศษฉบับใหม่ว่าด้วยการบริหารจัดการ... อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส เรียกร้ององค์กรธุรกิจใช้นวัตกรรมเพื่อบริหารจัดการภาวะวิกฤต — รายงานพิเศษฉบับใหม่ว่าด้วยการบริหารจัดการภาวะวิกฤตระดับโลก จะช่วยพ...

สรุปข่าวเอเชียเน็ทประจำวันพุธที่ 26 สิงหาคม 2552

ม็อกซ์ดูโอ ไออาร์ ซิดนีย์ และ เบดมินสเตอร์, นิวเจอร์ซีย์: QRxPharma Limited ประกาศถึงความสำเร็จในโครงการศึกษานำร่องเพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาเม็ดแคปซูล MoxDuo IR ในผู้ป่วยที่มีอาการบาดเจ็บรุนแรงหลังเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม...