กกพ. จับมือเรกูเลเตอร์ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นำร่องถกแนวทางกำกับกิจการพลังงานเพื่อรับมือปัญหาโลกร้อน

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--27 ม.ค.--ธนบุรินทร์ เอเซีย แปซิฟิค

กกพ. จับมือเรกูเลเตอร์ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นำร่องถกแนวทางกำกับกิจการพลังงานเพื่อรับมือปัญหาโลกร้อน ประกาศสร้างความแข็งแกร่งให้เครือข่ายกำกับกิจการพลังงานเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่เวทีโลก กกพ. จัดสัมมนาเชิงวิชาการครั้งใหญ่ “การกำกับกิจการพลังงาน กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลก” เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หวังได้แนวร่วมรับมือกับปัญหาโลกร้อน พร้อมรวมพลังเรกูเลเตอร์ภูมิภาค ผลักดันบทบาทในมิติการกำกับกิจการพลังงานสู่เวทีโลก ย้ำความพร้อมเป็นเจ้าภาพต้อนรับเรกูเลเตอร์ในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 9+3 และผู้เข้าร่วมงานกว่า 350 คน ระหว่างวันที่ 5-6 ก.พ. นี้ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ภาคพลังงานทั่วโลก มีส่วนในการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด ดังนั้น นอกจากการเตรียมความพร้อมแก้ปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในเชิงนโยบายของประเทศแล้ว กกพ. ในฐานะผู้กำกับดูแลกิจการพลังงาน เล็งเห็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องวางแผนและหาแนวทางที่จะกระตุ้นส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ และผู้ใช้พลังงานตระหนักถึงความจำเป็น และมีส่วนร่วมในการแสวงหาแนวทางร่วมกันในการแก้ปัญหา และพัฒนาการบริหารจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ามาตรฐานระดับสากล จึงมีแนวคิดริเริ่มในการรวมกลุ่มเรกูเลเตอร์จากกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ บรูไน ลาว กัมพูชา เวียดนาม พม่า และไทย รวม 10 ประเทศ ร่วมด้วยหน่วยงานด้านการกำกับกิจการพลังงานที่มีบทบาทสำคัญในเอเชียอีก 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศจีน เกาหลี และญี่ปุ่น เพื่อมาร่วมสัมมนาและหารือร่วมกันภายใต้ชื่อ “การกำกับกิจการพลังงาน กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลก” ซึ่งนับเป็นการสัมมนาเชิงวิชาการระดับนานาชาติด้านการกำกับกิจการพลังงานอย่างเป็นทางการครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมี กกพ. จากประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดสัมมนาเชิงวิชาการครั้งนี้ ด้าน ดร.พัลลภา เรืองรอง กรรมการกำกับกิจการพลังงาน กล่าวเสริมว่า การสัมมนาเชิงวิชาการด้านการกำกับกิจการพลังงานครั้งนี้ นับเป็นงานสัมมนาเชิงวิชาการที่มีความสำคัญในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยผลจากการจัดสัมมนาเชิงวิชาการครั้งนี้ จะนำมาซึ่งความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพ และคุณภาพในการกำกับกิจการพลังงานในอนาคต สำหรับหัวข้อการสัมมนาหลักจะเป็นการแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับบทบาทของหน่วยงานกำกับกิจการพลังงานในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก เพื่อหาแนวทางในการลดภาวะโลกร้อนในระดับภูมิภาค โดยเรกูเลเตอร์ จากจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น จะร่วมแบ่งปันองค์ความรู้ด้านการใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการพลังงานของประเทศ เพื่อการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในขณะที่ กกพ. จะนำเสนอแนวทางในการพัฒนาและส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน อาทิ แนวคิดเกี่ยวกับกลไกการพัฒนาพลังงานที่สะอาดสำหรับภาคพลังงาน (Clean Development Mechanism: CDM) รวมถึง แนวคิดการส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ในรูปแบบของการบริหารจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า (Demand-Side Management: DSM) เป็นต้น “สำหรับการสัมมนาเชิงวิชาการครั้งนี้ มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-6 กุมภาพันธ์ 2553 ณ โรงแรม พลาซ่า แอทธินี กรุงเทพฯ โดยมีหน่วยงานกำกับกิจการพลังงานของประเทศต่างๆ ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึง หน่วยงานภาครัฐ ผู้ว่าราชการจังหวัด นักวิชาการ และองค์กรอิสระจากทั่วประเทศกว่า 350 คน เข้าร่วมงาน โดยผู้เข้าร่วมสัมมนาจะได้รับฟังบรรยายพิเศษจาก นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เรื่อง “ประเทศไทยกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลก พลังงานสะอาด ... พลังงานประสิทธิภาพ” และการสัมมนาระหว่างกรรมการกำกับกิจการพลังงานในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรื่อง “The Issues, Challenges and priorities faced by regulators in the next 5-10 years” เป็นต้น” ดร.พัลลภา กล่าว นายกวิน ทังสุพานิช เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า “การสัมมนาเชิงวิชาการในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการระดมความร่วมมือทั้งในส่วนของ เรกูเลเตอร์ และส่วนของสำนักงานฯ เพื่อสร้างมาตรฐานการกำกิจการพลังงานของเวทีเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะทำให้เรกูเลเตอร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความแข็งแกร่งขึ้น ทั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการผลักดันนโยบาย และแนวทางการทำงานของเรกูเลเตอร์ในภูมิภาคให้มีบทบาท ตลอดจนได้รับความสนใจ และความร่วมมือจากกลุ่มประเทศยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานใน เวทีโลกได้ ซึ่งจะนำมาสู่การพัฒนา และการเสริมสร้างประสิทธิภาพด้านการกำกับกิจการพลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ และประชาชน โดยมีสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) เป็นผู้ประสานความร่วมมืออันดีนี้ต่อไป” “ผมเชื่อมั่นว่า การสัมมนาเชิงวิชาการครั้งนี้จะเป็นก้าวแรกของความร่วมมือด้านการกำกับกิจการพลังงานในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันจะนำมาซึ่งการสนับสนุน และการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงแนวทางในการกำกับกิจการพลังงานที่ให้ความสำคัญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกร่วมกันอย่างสูงสุดที่กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะสามารถร่วมมือกันได้ ทั้งในด้านข้อมูลทางวิชาการ การศึกษาวิจัย และผลักดันให้องค์กรด้านพลังงานมีมาตรการในการดูแลการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ตลอดจนผลักดันให้เกิดมาตรการในการลดภาวะเรือนกระจกร่วมกันอีกด้วย” ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ดิเรก กล่าวสรุป จากภาพ: ศ.กิตติคุณ ดร.ดิเรก ลาวัณย์ศิริ (กลาง) ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ดร.พัลลภา เรืองรอง (ขวา) กรรมการกำกับกิจการพลังงาน และ นายกวิน ทังสุพานิช (ซ้าย) เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) ร่วมกันแถลงข่าวประกาศความพร้อม การจัดสัมมนาเชิงวิชาการครั้งใหญ่ “การกำกับกิจการพลังงาน หวังกระตุ้นส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ และผู้ใช้พลังงานตระหนักถึงความจำเป็น และมีส่วนร่วมในการแสวงหาแนวร่วมกันในการแก้ปัญหา และพัฒนาการบริหารจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ามาตรฐานระดับสากล โดยงานสัมมนาเชิงวิชาการครั้งนี้มีกำหนดจึดขึ้นระหว่างวันที่ 5-6 กุมภาพันธ์ 2553 ณ โรงแรม พลาซ่า แอทธินี กรุงเทพฯ ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อ บริษัท ธนบุรินทร์ เอเซีย แปซิฟิค จำกัด เกษมศรี ยูเฟมิโย (081 611 4696) โทร: +66 (0) 2231 6158 e-mail: [email protected] ธิดาพร จำรัสคำ (081 734 0473) โทร: +66 (0) 2231 6159 e-mail: [email protected] เกี่ยวกับ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากพระมหากษัตริย์ ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 เพื่อทำหน้าที่กำกับกิจการไฟฟ้า และกิจการก๊าซธรรมชาติ ภายใต้กรอบนโยบายของรัฐ โดยยึดหลักและเป้าหมายสูงสุดในการกำกับดูแลกิจการพลังงาน เพื่อส่งเสริมให้มีบริการด้านพลังงานอย่างเพียงพอ มั่นคง และเป็นธรรม ปกป้องผลประโยชน์ของผู้ใช้พลังงาน ทั้งอัตราค่าบริการ และคุณภาพการให้บริการ รวมถึง ส่งเสริมการแข่งขันในกิจการพลังงาน และป้องกันการใช้อำนาจในทางมิชอบในการประกอบกิจการพลังงาน อีกทั้ง ปกป้องสิทธิเสรีภาพของผู้ใช้พลังงาน ชุมชนท้องถิ่น ประชาชน และผู้รับใบอนุญาต ในการมีส่วนร่วม เข้าถึง ใช้ และจัดการด้านพลังงาน ภายใต้หลักเกณฑ์ที่ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการใช้พลังงาน และการใช้ทรัพยากรในการประกอบกิจการพลังงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และความสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงให้มีสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) เป็นหน่วยงานของรัฐ ซึ่งมิได้เป็นส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ มีฐานะเป็นนิติบุคคล ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการ ของ กกพ. และสนับสนุนให้การดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ของ กกพ. เป็นไปตามวัตถุประสงค์ สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าวเรกูเลเตอร์+กลุ่มประเทศวันนี้

เฟสแรกฉลุย กกพ. ประกาศเป็นทางการ รายชื่อผู้ผ่าน“โซลาร์ฟาร์ม” คาดช่วยกระตุ้นภาคเศรษฐกิจเกือบ 1.8 หมื่นล้านบาท

"เรกูเลเตอร์" ประกาศรายชื่อสหกรณ์ภาคการเกษตร ที่ผ่านการพิจารณาอย่างเป็นทางการและได้รับสิทธิในการเข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย จำนวน67ราย รวม 281.32 เมกะวัตต์ โดยการลงทุนโซลาร์ฟาร์มในครั้งนี้ จะมีเม็ดเงินลงสู่เศรษฐกิจได้เกือบ 1.8 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ให้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายใน 120 วันนับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งผล และต้องดำเนินการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (SCOD) ภายในวันที่ 31 ธ.ค.59นี้ นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในฐานะโฆษก กกพ.เปิดเผยว่า

กกพ. เดินหน้าประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติรอบแรก “โซลาร์ฟาร์ม” เน้นย้ำ หลักเกณฑ์ โปร่งใส ตรวจสอบได้

"เรกูเลเตอร์" ยึด "หลักเกณฑ์" ประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติจากหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร เหลือ 167 ราย (เฉพาะสหกรณ์ภาคการเกษตร) รวม 798.62 เมกะวัตต์ พร้อม...

สรุปยอดรวม เสนอขายไฟฟ้า “โซลาร์ฟาร์ม” กว่า 2,900 เมกะวัตต์

"เรกูเลเตอร์" สรุปยอดโซลาร์ฟาร์ม สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตรเฟสแรก กว่า 600 ราย กว่า 2,900 เมกะวัตต์ สูงกว่าเป้าหมายรับซื้อเกือบ 5 เท่า นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า...

หน่วยราชการและสหกรณ์การเกษตร “พาเหรด ยื่นโซลาร์ฟาร์มภาครัฐ”

"เรกูเลเตอร์"เปิดรับยื่น "โซลาร์ฟาร์ม" ส่วนราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร 1-10 พ.ย. นี้คาดตลาดโซลาร์ฟาร์มคึกคัก หวังกระตุ้นตลาดไฟฟ้าเอกชนตื่นตัว คาดเฟสแรกส่วนราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตรเข้าร่วมโครงการฯกว่า 5,000 เมกะวัตต์ กระตุ้นเศรษฐกิจปีหน้า...

ก.พลังงาน ปลดล็อคส่งเสริมโซล่าร์ฟาร์ม ชูมติบอร์ดบริหารพลังงานหมุนเวียน ไฟเขียวดัน 178 โครงการค้างท่อ ชี้มีโครงการพร้อม 25 แห่ง กำลังผลิต 138 เมกะวัตต์ เตรียมเซ็น PPA

ก.พลังงาน ปลดล็อคส่งเสริมโซล่าร์ฟาร์ม ชูมติบอร์ดบริหารพลังงานหมุนเวียน ไฟเขียวดัน 178 โครงการค้างท่อ ชี้มีโครงการพร้อม 25 แห่ง...

กกพ. และ กฟภ. ร่วมมือบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนในเขตพื้นที่น้ำท่วม

นายพิสิษฐ์ สุนทรีรัตน์ กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือเรกูเลเตอร์ เปิดเผยว่า “จากปัญหาอุทกภัยน้ำท่วมที่เกิดขึ้นกว่า 20 จังหวัด ในขณะนี้พบว่า มีผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยกว่า 8 แสนครัวเรือน หรือประมาณ 2.8 ล้านคน ได้รับความเดือดร้อน...

เรกูเลเตอร์ หารือ มท.1 แนะกองทุนฯ เร่งฟื้นฟูชุมชนรอบโรงไฟฟ้า

คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แนะแนวทางการดำเนินงานกองทุนพัฒนาไฟฟ้า (กองทุนฯ) โดยมุ่งพัฒนาท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ดิเรก ลาวัณย์ศิริ...

เรกูเลเตอร์ หารือ มท.1 แนะกองทุนฯ เร่งฟื้นฟูชุมชนรอบโรงไฟฟ้า

คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แนะแนวทางการดำเนินงานกองทุนพัฒนาไฟฟ้า (กองทุนฯ) โดยมุ่งพัฒนาท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ดิเรก ลาวัณย์ศิริ...

เรกูเลเตอร์เปิดซองข้อเสนอด้านเทคนิคประมูลไอพีพี

คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ เรกูเลเตอร์ เปิดซองข้อเสนอด้านเทคนิค ในการประมูลรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ หรือ ไอพีพี จากผู้ยื่นซองทั้งหมด จำนวน 9 ราย คาดว่าจะสามารถประเมินข้อเสนอด้านเทคนิคให้แล้วเสร็จได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2556...

เรกูเลเตอร์ เดินหน้าสร้างความเป็นธรรม กำหนดปี 2556 เป็น “ปีแห่งการคุ้มครองผู้บริโภคด้านพลังงาน”

คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ เรกูเลเตอร์ กำหนดให้ปี 2556 เป็น “ปีแห่งการคุ้มครองผู้บริโภคด้านพลังงาน” เพื่อยกระดับการคุ้มครองผู้ใช้พลังงานในด้านต่างๆ ให้สอดรับกับผลสำรวจความต้องการของประชาชน ซึ่งจะดำ...