นักวิชาการ-เอกชน หนุนรัฐฉวยจังหวะปฏิรูปรถไฟ ชี้เริ่มวันนี้ถึงจะช้าแต่ดีกว่าไม่เริ่ม

19 Oct 2009

กรุงเทพฯ--19 ต.ค.--มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม

‘รศ.ดร.สังศิต-ประธานสมาพันธ์โลจิสติกส์ไทย’ ออกโรงหนุนเต็มที่ ชี้เป็นโอกาสในการปฏิรูปรถไฟทั้งระบบ หลังสหภาพ ร.ฟ.ท.ประท้วงหยุดเดินรถสายใต้ ‘เกริกกล้า’ เร่งพัฒนาให้เร็วกว่าแผน 30 ปี เพื่อไม่ให้พลาดประโยชน์จากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานและผู้อำนวยการโครงการปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาธรรมาภิบาล มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม กล่าวว่า การที่สหภาพแรงงานการรถไฟแห่งประเทศไทยหยุดเดินรถขบวนสายใต้ในขณะนี้นั้นได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก และยังส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะรถไฟถือเป็นการขนส่งสินค้าที่สำคัญซึ่งความเสียหายดังกล่าวไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ “การหยุดงานของรัฐวิสาหกิจโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการประชาชน อย่างรถไฟ มิใช่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรก รัฐบาลคงต้องมาดูเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียที เพื่อหาทางออกที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการเกี่ยวกับการปรับปรุงหรือพัฒนาอย่างไรให้ทุกฝ่ายยอมรับ” รศ.ดร.สังศิต กล่าว และให้ความเห็นว่า จุดที่น่าพิจารณาสำหรับเหตุการณ์นี้ รวมถึงเหตุการณ์ที่เขาเต่า ก็คือ เมื่อพนักงานการรถไฟเอง รวมทั้งผู้บริหารในการรถไฟต่างเห็นตรงกันว่า อุปกรณ์และบุคลากรบางส่วน ไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ และอาจนำมาซึ่งอุบัติเหตุได้ ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับรัฐบาลที่จะเข้ามาพัฒนาการรถไฟครั้งใหญ่ ครั้งเรื่องของคน ระบบการจัดการ รวมไปถึงตัวรถ การเดินรถ และอุปกรณ์ต่างๆ

ด้าน นายเกริกกล้า สนธิมาศ ประธานสมาพันธ์โลจิสติกส์ไทย ในฐานะคณะกรรมการตรวจรับผลการศึกษาโครงการศึกษาเพื่อปรับปรุงโครงสร้างการขนส่งทางรถไฟของประเทศ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางภาครัฐมีการศึกษาเรื่องการปรับปรุงการรถไฟมาระดับหนึ่งแล้ว เพราะฉะนั้นขณะนี้ต้องมองลึกลงไปว่าในอนาคตจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งการศึกษาดังกล่าวจะแบ่งเป็น 3 ระดับคือ 1.จะต้องมีการปรับปรุงเรื่องกฎระเบียบให้สอดคล้องกับการพัฒนา 2.เปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการ และ 3.ทำให้เกิดการแข่งขันอย่างสมบูรณ์แบบ

ทั้งนี้จากแนวโน้มกระแสเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันมองว่ารัฐบาลอาจจะต้องเข้ามาสนับสนุนไปก่อนระยะเวลาหนึ่งโดยปรับรูปแบบการบริหารการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นกรมรถไฟ เพื่อจะสามารถใช้งบประมาณรัฐได้อย่างเต็มที่ โดยนำงบประมาณนั้นมาใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบรางทั้งหมด ส่วนในเรื่องของการเดินรถนั้นควรมีระบบการแข่งขัน โดยอาจจะเปิดให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม “เรื่องการเดินรถนั้น ก็ทำได้ในรูปแบบของ บขส หรือ รฟม. ที่ให้ภาคเอกชนมาดำเนินการ โดยกรมรถไฟเองก็อาจจะมีรถของตัวเองด้วย แต่ก็ต้องแข่งกับเอกชน ซึ่งหากทำเช่นนั้นก็เชื่อว่าพนักงานการรถไฟคงไม่กล้าหยุดเดินรถอีก” นายเกริกกล้า กล่าว

ทั้งนี้ ในฐานะของภาคเอกชนซึ่งต้องพึ่งพาการขนส่งระบบรางเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการขนส่งที่ประหยัดและช่วยลดมลพิษ อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในการรถไฟโดยเร็ว โดยเฉพาะ ในช่วงที่ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งการค้าและการลงทุนในภูมิภาคนี้จะเคลื่อนย้ายได้อย่างคล่องตัว หากการรถไฟพัฒนาได้เร็วก็จะได้ประโยชน์มหาศาล

เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ในนามศูนย์บริการวิชาธรรมาภิบาล สาขาวิชาการพัฒนาธรรมาภิบาล

โครงการปริญญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม : www.thaigoodgovernance.org

รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ:

พิภพ ฆ้องวง (ท๊อป)

โทร.02-248-7967-8 ต่อ 118 , 119

โทรสาร. 02-248-7969