บลจ.ไทยพาณิชย์ ส่งกองตราสารหนี้อายุ 6 เดือน จ่ายยิลด์ 2.50% ต่อปี ลุยเงินฝากแบงก์นอกเรทติ้งส์ดี ผสมหุ้นกู้แบงก์และพันธบัตรรัฐบาลไทย

23 Feb 2011

กรุงเทพฯ--23 ก.พ.--PRdd

นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ออกกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น 6 เดือน มีนโยบายลงทุนที่ผสมระหว่างเงินฝากธนาคารต่างประเทศ หุ้นกู้ระยะสั้นของธนาคารพาณิชย์ไทย รวมทั้งพันธบัตรรัฐบาลไทย เพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นให้กับผู้ลงทุน คือกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 6MB (SCBFI6MB) ขนาดกองทุน 10,000 ล้านบาท เสนอขายระหว่างนี้จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท

โดยกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 6MB มุ่งเน้นลงทุนในเงินฝากธนาคารบาร์เคลย์ หรือ ธนาคาร HSBC หรือธนาคาร National Bank of Abu Dhabi สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (UAE)โดยมีอันดับความน่าเชื่อถือจากฟิทช์เรทติ้งส์ อยู่ที่ F1+ มีสัดส่วนการลงทุน 20% เงินฝากธนาคาร Union Nation Bank สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรสต์ อันดับความน่าเชื่อถืออยู่ ที่ F1 สัดส่วน 25% หุ้นกู้ระยะสั้นธนาคารทหารไทย อันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ F1 สัดส่วนการลงทุน 25% พันธบัตรรัฐบาลไทย 20% และหุ้นกู้ระยะสั้นธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) อันดับความน่าเชื่อถือ F1+ มีสัดส่วนการลงทุน 10% โดยคาดผลตอบแทนประมาณ 2.50% ต่อปี ซึ่งอัตราผลตอบแทนของกองทุนดังกล่าว ได้ทำการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) เรียบร้อยแล้ว และเมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนตราสารหนี้ประเภทเดียวกันที่อยู่ในตลาดขณะนี้ ถือได้ว่ากองทุนดังกล่าวให้ผลตอบแทนที่ดี

นางโชติกา กล่าวว่า นอกจากนี้ในช่วงเวลาเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้เสนอขายอีก 2 กองทุน ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น 3 เดือน และ 6 เดือน มูลค่ารวมกัน 10,000 ล้านบาท โดยมีขนาดกองทุนละ 5,000 ล้านบาท คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 3M3 อายุ 3 เดือนเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล 15% เงินฝากธนาคารออมสิน 25% หุ้นกู้ระยะสั้นธนาคารทหารไทย หุ้นกู้ระยะสั้นธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) และตั๋วแลกเงินธนาคารไทยพาณิชย์ในสัดส่วน 20% เท่ากัน ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากฟิทช์เรทติ้งส์ ตั้งแต่ระดับF1และ F1+ คาดผลตอบแทนประมาณ 2.0% ต่อปี ส่วนอีกกองทุนคือกองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรและตราสารธนาคาร 27 (SCBGBANK 27) อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนตั๋วเงินคลัง สัดส่วน 56% ตั๋วแลกเงินธนาคารอาคารสงเคราะห์ 15% ตั๋วแลกเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา 15% และตั๋วแลกเงินธนาคารไทยพาณิชย์ 14% ซึ่งคาดผลตอบแทนประมาณ 2.10% ต่อปี

“กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น 3 , 6 เดือน ที่เสนอขายช่วงนี้ มีมูลค่ารวมกัน 2 หมื่นล้านบาท มีนโยบายการลงทุนที่ผสมกันทั้งพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง ตั๋วแลกเงินและหุ้นกู้ระยะสั้นของธนาคารพาณิชย์ รวมถึงเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ เป็นตราสารหนี้คุณภาพดีที่เราเลือกลงทุนโดยได้รับการจัดอันเครดิตจาก ฟิทช์เรทติ้งส์ ซึ่งแต่ละกองทุนจะการแตกต่างกันตรงที่ตราสารและสัดส่วนที่เข้าไปลงทุนเท่านั้น เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุนและสร้างโอกาสได้รับผลตอบแทนให้มากขึ้นกว่าการลงทุนในตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรรัฐบาลเพียงอย่างเดียว” นางโชติกา กล่าว

สำหรบผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขา ตัวแทนจำหน่าย และ SCBAM Call Center โทร.02-777-7777 กด 0 กด 6

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net