ผลการศึกษาล่าสุดระบุมูลค่าความเสียหายจากการขโมยสินค้าในร้านค้าปลีกทั่วโลกลดลงจาก 5.6% เป็น 1.36% หรือกว่า 3.2 ล้านล้านบาท

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--2 พ.ย.--พีอาร์นิวสไวร์ - เอเชียเน็ท / อินโฟเควสท์


มูลค่าความเสียหายจากการขโมยสินค้าในร้านค้าปลีกในประเทศไทยยังคงสูงเป็นอันดับ 2 ในเอเชีย-แปซิฟิก

โดยอัตราการขโมยสินค้าในปี 2553 อยู่ที่ 1.57% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก 15%

การใช้จ่ายในการป้องกันความสูญเสียที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกส่งผลให้อัตราการขโมยสินค้าลดลง

• ความเสียหายจากการขโมยสินค้าลดลง 6.5% ในเอเชีย-แปซิฟิก แต่เกือบ 1 ใน 4 ของร้านค้าปลีกในเอเชีย-แปซิฟิก และประเทศไทย ยังคงประสบปัญหาความพยายามที่จะขโมยสินค้าหรือการขโมยไปได้สำเร็จเพิ่มสูงขึ้น

• นมผงดัดแปลงสำหรับทารก และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์/เหล้า มีสัดส่วนการถูกขโมยสูงสุดในร้านค้าปลีก ส่วนสินค้าแฟชั่น/เสื้อผ้าสำเร็จรูปและเครื่องประดับ รวมถึงสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพและความงาม เช่น ผลิตภัณฑ์โกนหนวด ลิปสติก และลิปมัน เป็นเป้าหมายหลักของพวกหัวขโมยในเอเชีย-แปซิฟิก

การศึกษาระดับการโจรกรรมในธุรกิจค้าปลีกทั่วโลก (The Global Retail Theft Barometer: GRTB) ฉบับที่ 4 ระบุว่า มูลค่าความเสียหายจากการขโมยสินค้าในร้านค้าปลีกทั่วโลกในปี 2553 คิดเป็นเงิน 3.261 ล้านล้านบาท (1.073 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ลดลง 5.6% จากปีก่อนหน้า (6.5% ในเอเชีย-แปซิฟิก) ขณะที่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาการขโมยสินค้าในร้านค้าปลีกที่สูงถึง 1.57% ของยอดค้าปลีกทั้งหมด ตัวเลขดังกล่าวลดลงจากสถิติเดิมที่ 1.66% ในปี 2552 แต่ยังคงสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของทั้งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกถึง 35% (อ่านสรุปรายงานการศึกษาฯ ได้ที่ http://globalretailtheftbarometer.com/press )

(Video: http://www.prnasia.com/sa/2010/10/20101019063608.flv )

(Photo: http://www.prnasia.com/sa/2010/10/29/20101029590905.html )

(Photo: http://www.prnasia.com/sa/2010/10/29/20101029499945.html )

(Logo: http://www.prnasia.com/xprn/sa/200701241626.jpg )

การศึกษาครั้งนี้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท เช็คพอยท์ ซิสเต็มส์ อิงค์ (Checkpoint Systems, Inc.) ได้ติดตามสำรวจมูลค่าความเสียหายจากการขโมยสินค้า (ความสูญเสียจากการลักเล็กขโมยน้อย/อาชญากรรมที่กระทำโดยลูกจ้าง และความผิดพลาดด้านการจัดการ) ในธุรกิจค้าปลีกทั่วโลก ระหว่างเดือนกรกฎาคม 2552 ถึงเดือนมิถุนายน 2553 พบว่า อัตราการขโมยสินค้าลดลงในทุกภูมิภาคที่ได้ทำการสำรวจ โดยอเมริกาเหนือลดลงมากที่สุด ทั้งนี้ ร้านค้าปลีกทั่วโลกได้รายงานอัตราการขโมยสินค้าไปได้จริงหรือพยายามจะขโมยในปี 2553 ว่ามีสัดส่วนอยู่ที่ 31.1% (23.1% ในเอเชีย-แปซิฟิก)

“แม้ว่าอัตราการขโมยสินค้าจะลดลง แต่การโจรกรรมในธุรกิจค้าปลีกทำให้ครัวเรือนใน 42 ประเทศและภูมิภาคที่ทำการสำรวจ ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น 5,654 บาท (186 ดอลลาร์สหรัฐ)” ศจ.โจชัว แบมฟิลด์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการค้าปลีก (Centre for Retail Research) และผู้เขียนรายงานการศึกษาฉบับนี้ กล่าว “สำหรับในประเทศไทย ตัวเลขนี้อยู่ที่ 1,550 บาท (51 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่ำสุดเป็นอันดับสามในเอเชีย-แปซิฟิก”

ความสัมพันธ์ระหว่างการใช้จ่ายเพื่อรักษาความปลอดภัยกับการลดลงของอัตราการขโมยสินค้า

รายงานการศึกษาฉบับปี 2553 ระบุว่า บรรดาร้านค้าปลีกมีการใช้จ่ายเพื่อป้องกันความสูญเสียและการรักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้น 9.3% เมื่อเทียบกับปี 2552 ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมทั่วโลก 8.15 แสนล้านบาท (2.68 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขณะที่การใช้จ่ายเพื่อป้องกันความสูญเสียในเอเชียเพิ่มขึ้น 6.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

“ความสัมพันธ์ระหว่างการใช้จ่ายด้านการรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นกับอัตราการขโมยสินค้าที่ลดลง 5.6% นั้นมีนัยสำคัญอย่างยิ่ง” ศจ. แบมฟิลด์ กล่าว “ตัวเลขนี้เน้นให้เห็นความสำคัญของมาตรการการปรับปรุงและพัฒนาระบบป้องกันความสูญเสียที่ต่อเนื่อง เพราะการลดอัตราการขโมยสินค้าถือเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จและการเติบโตของธุรกิจค้าปลีก”

“ในปี 2551 ในช่วงเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจถดถอย ร้านค้าปลีกมีแนวโน้มลดการใช้จ่ายเพื่อป้องกันความสูญเสีย” มร. ร็อบ แวน เดอ เมอร์วี ประธานและซีอีโอบริษัท เช็คพอยท์ ซิสเต็มส์ อิงค์ แสดงความเห็น “แต่แนวโน้มดังกล่าวกลับนำไปสู่ความสูญเสียที่มากขึ้น และนั่นเป็นสิ่งที่เราพบในรายงานผลการศึกษาฉบับปี 2552 ไม่นานร้านค้าปลีกก็เล็งเห็นความจำเป็นที่จะปรับทิศทางและเริ่มลงทุนติดตั้งเทคโนโลยีที่ชาญฉลาด ซึ่งนำไปใช้งานได้ง่าย ทั้งยังให้อัตราผลตอบแทนการลงทุน (ROI) ที่สูง อย่างเช่น ระดับการป้องกันสินค้าที่มีแนวโน้มถูกขโมยสูงที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงมีระบบการฝึกอบรมพนักงานและตรวจสินค้าในร้านได้มากขึ้นด้วย สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลดีต่อธุรกิจในเวลาอันสั้นและช่วยลดความสูญเสียจากการขโมยสินค้า”

เขากล่าวต่อไปว่า “ขณะที่เรากำลังฟื้นจากภาวะถดถอยไปอย่างช้าๆ อาจเป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่จะต่อกรกับความสูญเสียจากการขโมยสินค้าด้วยวิธีการป้องกันที่ครอบคลุมกว่าเดิม และถึงเวลาแล้วที่จะต้องหาเทคโนโลยีที่ทำงานผสานกันได้อย่างลงตัว เพื่อนำพาร้านค้าปลีกฟันฝ่าอุปสรรคไปสู่การเติบโตในอนาคต ตัวอย่างเช่น การนำเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่างระบบ EAS และ RFID มาใช้เพื่อช่วยให้สามารถตรวจติดตามและมองเห็นสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นทั่วทั้งซัพพลายเชน ซึ่งจะนำไปสู่การลดปริมาณสินค้าขาดตลาดและยอดขายที่เพิ่มขึ้น”

อัตราการขโมยสินค้าในร้านค้าปลีกทั่วโลก

ในช่วงที่ทำการศึกษา การขโมยสินค้าทำให้ร้านค้าปลีกได้รับความเสียหายเป็นเงินถึง 3.261 ล้านล้านบาท (1.073 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือคิดเป็น 1.36% ยอดค้าปลีกโดยรวมทั่วโลก ซึ่งลดลงจาก 1.43% ในปีที่ผ่านมา ประเทศ/ภูมิภาคที่มีอัตราการขโมยสินค้าสูงสุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อยอดขาย คือ อินเดีย (2.72% ของยอดค้าปลีก) ส่วนประเทศที่มีอัตราการขโมยสินค้าต่ำสุด คือ ไต้หวัน (0.87%) สำหรับประเทศไทย มีอัตราการขโมยสินค้าในร้านค้าปลีกสูงเป็นอันดับสองในเอเชีย-แปซิฟิก หรือ 1.57% ซึ่งสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของทั้งเอเชีย-แปซิฟิกอย่างน้อย 35% (อัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 1.16%) และสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของทั่วโลก 15%

สินค้าที่มีแนวโน้มถูกขโมยมากขึ้น

นับตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แม้ว่าอัตราการขโมยสินค้าในภาพรวมจะลดลง แต่สินค้าบางรายการที่มักถูกขโมยไปมากที่สุดกลับมีแนวโน้มจะถูกขโมยมากขึ้นอีก ซึ่งได้แก่ เสื้อผ้าเด็ก เสื้อผ้าสำหรับใส่ชั้นนอก (เช่น หมวก ถุงมือ เสื้อโค้ท) ผลิตภัณฑ์สำหรับโกนหนวด เนื้อสัตว์พร้อมปรุงราคาแพง และนมผงดัดแปลงสำหรับทารก

การขโมยสินค้าในตลาดแนวดิ่ง (Vertical Market) ทั่วโลก

การขโมยสินค้าจะแตกต่างกันไปตามประเภทของธุรกิจ ตลาดแนวดิ่ง และประเทศ ในปี 2553 การขโมยสินค้าพบมากสุดในร้านขายเสื้อผ้า/เครื่องนุ่งห่มและแฟชั่น/เครื่องประดับ (1.72%) และร้านขายเครื่องสำอาง/น้ำหอม/ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ/ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม/ร้านขายยา (1.70%)

ที่มาของความสูญเสียจากการขโมยสินค้า

การขโมยสินค้าโดยลูกค้าของร้าน ซึ่งรวมถึงการลักเล็กขโมยน้อยและอาชญากรรมในร้านค้าปลีกที่มีการเตรียมการไว้ก่อน สร้างมูลค่าความเสียหายสูงสุดในเกือบทุกประเทศ โดยคิดเป็น 42.4% ของอัตราการขโมยสินค้า ตามด้วยการขโมยสินค้าโดยพนักงานเอง 35.3%

“แม้ว่าบรรดาร้านค้าปลีกมีความก้าวหน้าอย่างมากในการหามาตรการใหม่ๆ มาจัดการกับปัญหาการขโมยสินค้า กว่า 25% ของหมวดสินค้าในร้านค้าปลีกที่มักถูกขโมย ’50 อันดับแรก’ ยังไม่มีวิธีการป้องกันที่แน่ชัด” นายแวน เดอ เมอร์วี กล่าว “ดังนั้น กลุ่มธุรกิจค้าปลีกจำเป็นต้องเร่งพัฒนานวัตกรรมที่ก้าวหน้ามากขึ้น เพื่อช่วยปกป้องร้านค้าปลีกและลูกค้า”

ตัวเลขที่น่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับมูลค่าความเสียหายจากการขโมยสินค้าในเอเชีย-แปซิฟิกและประเทศไทย

การใช้จ่ายเพื่อป้องกันความสูญเสียในประเทศไทย (0.13% ของยอดขาย) อยู่ในอันดับต่ำสุดในเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (0.19%) และค่าเฉลี่ยทั่วโลก (0.34%) อยู่มาก ตัวเลขนี้อาจเป็นหนึ่งในหลายปัจจัยหลักที่ทำให้ความสูญเสียจากการขโมยสินค้าในประเทศนี้สูงเมื่อเทียบกับส่วนอื่นๆ ของโลก

การลักเล็กขโมยน้อย

• ร้านค้าปลีกในประเทศไทยได้รับความเสียหายจากการลักเล็กขโมยน้อยคิดเป็น 48.9% รวมเป็นมูลค่าความเสียหายต่อปีสูงถึง 1.49 หมื่นล้านบาท (491 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

• อัตราเฉลี่ยสูงสุดของความเสียหายจากการขโมยสินค้ามักพบในร้านขาย เสื้อผ้า/เครื่องนุ่งห่มและแฟชั่น/เครื่องประดับ (1.72%) และร้านขายเครื่องสำอาง/น้ำหอม/ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ/ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม/ร้านขายยา (1.71%)

การขโมยโดยพนักงาน

• แหล่งที่มาของความเสียหายจากการขโมยสินค้าสูงเป็นอันดับสอง คือ การขโมยสินค้าโดยพนักงาน ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 23.4%

เกี่ยวกับผลสำรวจ

การศึกษาระดับการโจรกรรมในธุรกิจค้าปลีกทั่วโลก (GRTB) ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 2544 ในยุโรปและขยายไปทั่วโลกในปี 2550 เป็นการสำรวจประจำปีซึ่งจัดทำขึ้นโดยศูนย์วิจัยการค้าปลีกในเมืองนอตติงแฮม สหราชอาณาจักร และได้รับทุนสนับสนุนจาก เช็คพอยท์ ซิสเต็มส์ ปัจจุบัน GRTB เป็นการศึกษาเกี่ยวกับการขโมยสินค้าและก่ออาชญากรรมในร้านค้าปลีกที่มีขอบเขตกว้างขวางและครอบคลุมมากที่สุดในโลก โดยมีเนื้อหาครอบคลุมแนวโน้มสำคัญๆ ด้านการขโมยสินค้าและก่ออาชญากรรมในร้านค้าปลีกใน 42 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย ยุโรป ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และรัสเซีย (เริ่มศึกษาปีนี้เป็นปีแรก) รายงานฉบับนี้สรุปจากข้อมูลที่เป็นความลับที่ได้จากธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ 1,103 ราย ซึ่งมีจำนวนร้านค้าปลีกรวมกัน 233,721 ร้าน ยอดขายรวมกัน 26.56 ล้านล้านบาท (8.738 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)

เกี่ยวกับศูนย์วิจัยการค้าปลีก

การศึกษาระดับการโจรกรรมในธุรกิจค้าปลีกทั่วโลกฉบับที่ 4 (ฉบับที่ 10 สำหรับยุโรป) จัดทำขึ้นโดยศจ.โจชัว แบมฟิลด์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการค้าปลีก (http://www.retailresearch.org) โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัท เช็คพอยท์ ซิสเต็มส์ อิงค์ โดยศูนย์วิจัยดังกล่าวเป็นองค์กรอิสระที่ดำเนินการวิจัยและให้คำปรึกษากับภาคธุรกิจค้าปลีกที่ต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาของธุรกิจค้าปลีก รวมถึงการโจรกรรมและยักยอกสินค้า ทางศูนย์วิจัยได้ขยายการศึกษาด้านค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันการโจรกรรม รวมถึงการใช้ประโยชน์จากระบบอิเล็กทรอนิกส์และระบบคอมพิวเตอร์เพื่อป้องกันการโจรกรรมและการยักยอกสินค้าในร้านค้าปลีกทั่วโลก

เกี่ยวกับเช็คพอยท์ ซิสเต็มส์ อิงค์

เช็คพอยท์ ซิสเต็มส์ อิงค์ เป็นผู้นำด้านการจัดหาโซลูชั่นระบบป้องกันสินค้าสูญหาย การมองเห็นสินค้า การติดป้ายสินค้า ช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกและซัพพลายเออร์ของบริษัทลดอัตราการสูญหายของสินค้า ปรับปรุงชั้นสินค้าที่มีอยู่ และจัดหาข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อให้การบริการที่เป็นเลิศ โซลูชั่นของเช็คพอยท์ได้รับการพัฒนาขึ้นจากความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี RF มาเป็นเวลากว่า 40 ปี ตลอดจนการนำเสนอบริการป้องกันสินค้าสูญหาย โซลูชั่นการติดป้ายสินค้าที่ครอบคลุม แอพพลิเคชั่น RFID ระดับชั้นนำของตลาด โซลูชั่นป้องกันการโจรกรรม และแพลทฟอร์มการบริหารข้อมูลผ่านเว็บ Check-Net ด้วยเหตุนี้ ลูกค้าของเช็คพอยท์จึงสามารถพีงพอใจได้กับยอดขายและกำไรที่เพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงประสิทธิภาพซัพพลายเชน รวามถึงการพิมพ์ฉลากสินค้าตามความต้องการและจากการจัดหาสภาพแวดล้อมด้านการค้าขายแบบเปิดที่ปลอดภัยซึ่งจะช่วยยกระดับประสบการณ์ในการช็อปปิ้งของผู้บริโภค ทั้งนี้ เช็คพอยท์จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE: CKP) บริษัทดำเนินงานในตลาดหลักๆ ของโลกและมีพนักงาน 5,700 คนทั่วโลกสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.checkpointsystems.com

ติดต่อ:

นาตาลี ชาน (Natalie Chan)

เช็คพอยท์ ซิสเต็มส์ อิงค์

โทรศัพท์: +852-2995-8350

อีเมล: [email protected]

แหล่งข่าว: เช็คพอยท์ ซิสเต็มส์ อิงค์

--เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท ( www.asianetnews.net ) --


ข่าวศูนย์วิจัยการค้าปลีก+เครื่องดื่มแอลกอฮอล์วันนี้

กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดฝึกบาร์เทนเดอร์มืออาชีพ ปีที่ 2 พัฒนาสกิลผสมเครื่องดื่ม - เทคนิคเทคแคร์ลูกค้า รับเทรนด์ท่องเที่ยวไทยโตต่อเนื่อง

กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือ บ.ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด เร่งพัฒนาบาร์เทนเดอร์มืออาชีพ ปีที่ 2 เปิดโปรแกรมอบรม 5 จังหวัดท่องเที่ยว นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า บาร์เทนเดอร์ (Bartender) อีกหนึ่งอาชีพที่หลายคนให้ความสนใจในการทำงาน นอกจากเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไร้แอลกอฮอล์ ต้องมีบุคลิกภาพที่ดี เข้าถึงง่าย มีใจรักการบริการ มีความอดทนสูง รับฟังพร้อมกับเข้าใจความต้องการของลูกค้าอีกด้วย ทำให้ค่าตอบแทนสูงตามประสบการณ์ สถานที่ทำงาน

กทม. บูรณาการทุกภาคส่วนร่วมดูแลความปลอดภัยคนกรุงฯ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 68

นางเลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ (สนพ.) กทม. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของสถานพยาบาลในสังกัด กทม. เพื่อดูแลความปลอดภัยประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 ว่า สนพ. เล็งเห็นผลกระทบของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดย...

ชุมชนบ้านป่าดำ หมู่ที่ 13 ตำบลบ้านโฮ่ง อำ... ชุมชน "ต้นแบบงดเหล้า" บ้านป่าดำ : ก้าวสู่ความยั่งยืนด้วยพลังคนสามวัย — ชุมชนบ้านป่าดำ หมู่ที่ 13 ตำบลบ้านโฮ่ง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน ได้รับเลือกให้เป็...

นางสาวพิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักก... กทม. สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังป้องกันบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้าโรงเรียนในสังกัด — นางสาวพิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา (สนศ.) กทม. กล่าวถึงมาตรการป้องกั...

นายบัญชา สืบกระพัน ผู้อำนวยการเขตสวนหลวง ... เขตสวนหลวงรุดแก้ปัญหาร้านอาหารใน ซ.สุขุมวิท 81 เปิดเพลงเสียงดัง-เปิดเกินเวลา — นายบัญชา สืบกระพัน ผู้อำนวยการเขตสวนหลวง กทม. กล่าวกรณีมีข้อร้องเรียนจากประ...

โรงแรม อวานี พัทยา รีสอร์ท ชวนเที่ยวทะเลอ... โรงแรม อวานี พัทยา รีสอร์ท ชวนลดหย่อนภาษี "Easy E-Receipt" — โรงแรม อวานี พัทยา รีสอร์ท ชวนเที่ยวทะเลอย่างสุดคุ้มเมื่อคุณมาใช้บริการร้านอาหาร และสปา ของโร...

ผลการศึกษาเผยมูลค่าความเสียหายจากการขโมยสินค้าในร้านค้าปลีกทั่วโลกพุ่งแตะ 3.839 ล้านล้านบาท (1.15 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ภาวะเศรษฐกิจถดถอยและการลดค่าใช้จ่ายในการป้องกันความสูญเสีย ส่งผลให้กรณีการขโมยสินค้าเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มทำการศึกษามา การขโมยสินค้าทั่วโลกเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเกือบ 6% หรือ...