ฟิทช์ปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารยูโอบี (ไทย) เป็น ‘AAA(tha)’

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารยูโอบี (ไทย) จำกัด มหาชน (UOB (Thai)) เป็น ‘AAA(tha)’ จาก ‘AA+(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ในขณะเดียวกันฟิทช์ได้ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-term Foreign Currency IDR ที่ ‘BBB+’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นที่ ‘F2’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1+(tha)’ อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินที่ ‘C’ และอันดับเครดิตสนับสนุนที่ ‘2’ การปรับเพิ่มอันดับเครดิตของ UOB (Thai) สะท้อนถึงการทบทวนระดับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ที่มีต่อบริษัทลูกในประเทศไทย แม้ว่าจะมีการจำกัดสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติที่ 49% อย่างไรก็ตามฟิทช์มองว่าข้อจำกัดดังกล่าวไม่น่าจะเป็นปัญหาในการเพิ่มทุนของ UOB (Thai) หากมีความจำเป็นในกรณีที่ธนาคารประสบปัญหาทางการเงิน สัดส่วนการถือหุ้นของ UOB เป็นนโยบายการลงทุนระยะยาว และ UOB ได้มีการควบคุมการบริหารงานผ่านทางคณะกรรมการและคณะผู้บริหารของ UOB (Thai) UOB ได้ทำการเพิ่มทุนจำนวน 2.3 พันล้านบาทให้กับ UOB (Thai) ในเดือนมีนาคม 2551 เพื่อหลีกเลี่ยงจากการถูกลดสัดส่วนการถือหุ้น (Dilution) ในอนาคต เนื่องจากข้อจำกัดในด้านการถือหุ้นของต่างชาติในกรณีที่มีการเพิ่มทุนอีก เมื่อพิจารณาถึงชื่อเสียงและฐานะทางการเงินของ UOB ฟิทช์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น หากมีความจำเป็น อันดับเครดิตสากล อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตสนับสนุนของ UOB (Thai) มีพื้นฐานมาจากการที่ UOB ยังคงมีสถานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นของ UOB หรือระดับการสนับสนุน อาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของ UOB (Thai) สำหรับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวและ อันดับเครดิตสนับสนุนของ UOB (Thai) ถูกจำกัดโดยเพดานอันดับเครดิตของประเทศ (Country Ceiling) ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของเพดานอันดับเครดิตของประเทศ อาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวและอันดับเครดิตสนับสนุนของ UOB (Thai) นอกจากนี้หากผลกำไรและคุณภาพสินทรัพย์มีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลให้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารได้รับการปรับเพิ่ม ในขณะเดียวกันหากผลกำไรและคุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ อาจส่งผลให้ต้องมีการปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร ผลการดำเนินงานของธนาคารในครึ่งแรกของปี 2553 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิจำนวน 720 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 83% เนื่องจากการตั้งสำรองที่ลดลง ส่วนคุณภาพสินทรัพย์ของ UOB (Thai) ยังคงอยู่ในระดับที่อ่อนแอ โดยมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จำนวน 8.7 พันล้านบาทหรือ 5.9% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2553 เทียบกับ 8.7 พันล้านบาทหรือ 6.0% สินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษมีจำนวน 3.8 พันล้าน หรือ 2.6% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2553 เทียบกับ 4.6 พันล้าน หรือ 3.2% ณ สิ้นปี 2552 ในส่วนของสำรองหนี้สงสัยจะสูญ มีจำนวน 6.2 พันล้าน ณ สิ้นเดือน มิถุนายน 2553 (73% ของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้) การระดมเงินและสภาพคล่องของธนาคารยังคงอยู่ในระดับที่เพียงพอ โดยมีเงินฝากเป็นสัดส่วน 83% ของเงินทุน ณ สิ้นเดือน มิถุนายน 2553 สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากที่ 100% ณ สิ้นเดือน มิถุนายน 2553 (92% หากนับรวมตั๋วแลกเงิน) ยังถือว่าอยู่ในระดับที่สูง อย่างไรก็ตามสัดส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อเงินฝากและหนี้สินระยะสั้นยังอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ระดับกว่า 30% นอกจากนี้ UOB (Thai) ยังมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 19.4% และอัตราส่วนเงินกองทุนรวมที่ 20.6% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2553 อย่างไรก็ตามฟิทช์คาดว่าระดับเงินกองทุนของธนาคารน่าจะลดลง เนื่องจากกลยุทธที่เน้นการเติบโตของสินเชื่อในระยะปานกลาง UOB (Thai) ยังไม่เคยมีการจ่ายเงินปันผลให้กับ UOB แต่ธนาคารอาจพิจารณาที่จะเริ่มจ่ายเงินปันผลในจำนวนที่ไม่สูงนักในระยะปานกลาง UOB (Thai) ก่อตั้งในปี 2482 โดยใช้ชื่อธนาคารเอเชีย ต่อมา UOB ของสิงคโปร์ได้เข้าซื้อกิจการในปี 2547 UOB (Thai) เป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของประเทศไทยโดยมีสาขา 145 สาขา และมีส่วนแบ่งการตลาด 2% ในระบบสินเชื่อและเงินฝากในประเทศไทย ปัจจุบัน UOB ถือหุ้น 99.66% ใน UOB (Thai)

ข่าวฟิทช์ เรทติ้งส์+ฟิทช์ เรทติ้งวันนี้

BAFS เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ชูดอกเบี้ย 4.75 - 5.10% ต่อปี คาดเปิดจองซื้อแก่ "สถาบัน-รายใหญ่" วันที่ 9 - 14 พ.ค. นี้ รองรับการขยายตัวธุรกิจในอนาคต

BAFS เตรียมออกหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 3 ปี 9 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [ 4.75 5.10 ] % ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือ "BBB (tha)" จาก ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) เตรียมเสนอขายผู้ลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายใหญ่ คาดจองซื้อระหว่างวันที่ 9 และ 13 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย), บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส และ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล

ฟิทช์คงอันดับเครดิตของ บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่ 'AA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LHS ที่ 'AA(tha)' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น ...

ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส และ บจก.แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค ในเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ (Rating Watch Negative; RWN) ของอันดับเครดิต บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS) และบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ท...