ปฏิรูปกองทุนยุติธรรม ลดเหลื่อมล้ำ ช่วยคนจนพ้นคุก

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--22 มี.ค.--สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย

สำหรับคนจนผู้ยากไร้แล้ว เมื่อตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลย การต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องใหญ่และหนักหนาสาหัส และมีค่าใช้จ่ายเป็นค่าดำเนินการ ค่าทนายความ และที่สำคัญคือ เงินประกันตัวเพื่อขอสู้คดีโดยไม่ต้องถูกคุมขัง ซึ่งแม้กฎหมายไม่ได้บังคับแต่เป็นทางปฏิบัติกันมาตลอด เป็นต้นทุนในกระบวนการยุติธรรมที่ผู้ยากไร้นั้นยากจะหาได้ กองทุนยุติธรรม ที่กระทรวงยุติธรรมตั้งขึ้น จึงเป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยเหลือให้ผู้ยากไร้ได้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรม โดยกองทุนจะรับภาระค่าดำเนินการในกระบวนการให้ตามแต่กรณี แต่ด้วยเหตุที่กองทุนยุติธรรมตั้งขึ้นโดยหน่วยงานของรัฐและรายรับของกองทุนมาจากเงินงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้เพียงปีละประมาณ 30 ล้านบาท ทำให้ช่วยเหลือผู้ยากไร้ได้จำกัด และเฉพาะผู้ที่สามารถเข้าถึงกองทุนได้เท่านั้น ผศ.ดร.ปกป้อง ศรีสนิท อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้นำเสนอแนวคิดการปฏิรูปกองทุนยุติธรรมเพื่อให้กองทุนมีความมั่นคง สามารถช่วยเหลือผู้ยากไร้ให้ได้เข้าถึงความยุติธรรมจำนวนมากขึ้น ด้วยแนวคิดการเพิ่มรายได้ และลดรายจ่ายของกองทุน โดยเสนอให้มีการหักเงินบางส่วน(เป็นเปอร์เซ็นต์)ของผู้มีฐานะ(คนรวย)ในกระบวนการยุติธรรม เช่น ค่าขึ้นศาล ค่าทนายความ หลักประกันตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ศาลสั่งริบ นำมาเข้ากองทุนยุติธรรมเพื่อเพิ่มรายรับ โดยกำหนดเป็นระเบียบหรือข้อกำหนดที่ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ เหตุที่ความยุติธรรมนั้นมีราคาที่ต้องจ่าย คนจนยากไร้จึงเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้น้อยกว่าคนรวย กองทุนยุติธรรมนั้นตั้งขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ที่ดีมาก เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ ให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ทั้งทางแพ่ง ทางอาญา ทางปกครอง โดยใช้งบประมาณที่ได้รับจัดสรรเข้าไปช่วยเหลือประชาชน กองทุนจึงมีภารกิจการให้ความช่วยเหลือผู้ยากไร้ในกระบวนการยุติธรรมซึ่งมีจำนวนมาก แต่กองทุนมีเงินเพียงปีละประมาณ 30 ล้านบาท ทำให้การดำเนินการมีข้อจำกัด สามารถช่วยเหลือผู้ยากไร้ได้เพียงคนจำนวนน้อยเท่านั้น สังคมจะดีขึ้นถ้าคนรวยสละเงินบางส่วนเอามาเข้ากองทุนแล้วให้คนจนที่เดือดร้อน ได้ใช้เงินในส่วนนี้ในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม เป็นสังคมของการแบ่งปัน และไม่เอาเปรียบ วิธีการอย่างนี้จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรมและในสังคมลงได้ ดร.ปกป้อง กล่าวว่า ปัญหาตอนนี้คือทำอย่างไรจะทำให้กองทุนยุติธรรมนี้ มีสถานะที่ดีขึ้น โดยมีรายได้สัมพันธ์กับรายจ่าย ปัจจุบันกองทุนยุติธรรมมีรายได้ทางเดียวจากเงินอุดหนุนของรัฐซึ่ง ไม่เพียงพอที่จะไปช่วยเหลือคนจนยากไร้ให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้ทั้งหมด โดยรายจ่ายของกองทุนยุติธรรม ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1) ค่าขึ้นศาลหรือค่าธรรมเนียมศาล ซึ่งเป็นการใช้สิทธิทางศาล โดยจ่ายร้อยละ 2 ของจำนวนเงินที่ต้องการเรียกร้อง 2) ค่าทนายความ คนรวยมีเงินจ้างทนายเก่ง ๆ แพง ๆ แต่คนยากไร้เมื่อถูกฟ้องร้อง ต้องการใช้สิทธิทางศาล ไม่มีเงินมากพอจะจ้างทนายเก่ง ๆ ราคาแพงเป็นที่ปรึกษากฎหมาย 3)ค่าประกันตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา เมื่อต้องการให้กองทุนยุติธรรมสามารถให้ความช่วยเหลือผู้ยากไร้ได้มากขึ้นและดีขึ้นนั้น จึงต้องบริหารจัดการให้กองทุนมีรายได้เพิ่ม มีการบริหารจัดการที่ดี และมีความมั่นคง โดยแนวทางที่เสนอ ในส่วนการเพิ่มรายได้ของกองทุน คือ การทำรายรับกับรายจ่ายให้สัมพันธ์กัน โดย ทางที่หนึ่ง เรื่องค่าขึ้นศาล ซึ่งกองทุนมีภาระต้องนำเงินไปช่วยผู้ยากไร้ที่จะต้องขึ้นศาลในการดำเนินคดีแพ่ง กฎหมายควรกำหนดให้นำเงินค่าขึ้นศาลบางส่วนหักเข้ากองทุนยุติธรรม วิธีการนี้เป็นการนำเงินบางส่วนของคนรวยที่มีเงินจ่ายค่าขึ้นศาลมาใส่เข้ากองทุน แล้วกองทุนก็นำไปใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ที่ไม่มีเงินค่าขึ้นศาล ทางที่สอง การเพิ่มรายได้จากค่าทนายความ ก็เช่นเดียวกับกรณีแรก เมื่อกองทุนมีภารกิจช่วยผู้ยากไร้เรื่องทนายความ กฎหมายก็ควรกำหนดให้มีการหักค่าจ้างทนายความของคนรวยบางส่วน(เป็นเปอร์เซ็นต์) มาเข้ากองทุนยุติธรรม แล้วกองทุนจะมีรายได้มากขึ้นเพื่อนำไปจ่ายเป็นค่าทนายความดี ๆ ให้กับคนยากไร้ วิธีการนี้ไม่ได้ทำให้ทนายความต้องมีภาระเพิ่มแต่อย่างใด เพราะทนายความก็จะผลักภาระส่วนนี้ไปเรียกเก็บกับลูกความที่มีฐานะดีอยู่นั่นเอง ทางที่สาม ภาระเรื่องเงินประกันตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา ซึ่งมีการใช้เงินจำนวนมาก แนวคิดที่เสนอคือ การขอแบ่งส่วนหนึ่งของเงินประกันที่ศาลริบในกรณีผู้ต้องหาหรือจำเลยหลบหนี (เป็นเปอร์เซ็นต์) หักส่วนนี้นำมาสมทบเข้ากองทุนเพื่อให้กองทุนมีเงินไว้ไปใช้ในการประกันตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยที่เป็นผู้ยากไร้ในคดีอื่น ดร.ปกป้องยังได้เสนอแนวทางลดภาระหรือรายจ่ายของกองทุนในเรื่องการประกันตัว ซึ่งในกระบวนการยุติธรรมของไทยมักเรียกหลักประกันเสมอ โดยถ้าผู้ต้องหาหรือจำเลยถูกต้องข้อหาที่รุนแรง เช่น จำคุก 5 ปีขึ้นไป อาจมีการเรียกเงินหลักประกันมาวางเป็นประกันแทนการถูกคุมขังระหว่างดำเนินคดีอาญา ซึ่งกรณีผู้ต้องหามีฐานะย่อมไม่เดือดร้อน ตรงกันข้ามกับคนจนที่ไม่มีเงิน จำต้องยอมถูกคุมขังระหว่างการพิจารณาคดีเพราะไม่มีเงินหรือหลักทรัพย์มาวางเป็นหลักประกัน ตรงนี้คือจุดที่สร้างความไม่เป็นธรรมและสร้างความเหลื่อมล้ำในสังคม มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย ว่าคนสองคนถูกกล่าวหาในคดีอาญาเหมือนกัน คนหนึ่งมีเงินวาง ศาลจะให้ประกันตัวไป อีกคนไม่มีเงินหรือหลักทรัพย์มาวางจึงต้องถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี นี่คือความเหลื่อมล้ำที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่ในกระบวนการยุติธรรมกฎหมายไม่ได้บังคับให้เรียกหลักประกันจากประชาชน แต่ให้เป็นดุลพินิจที่ศาลจะเรียกหรือไม่เรียกก็ได้ ฉะนั้นวิธีการลดภาระของกองทุนยุติธรรมอย่างหนึ่ง คือ การเปลี่ยนแนวคิดของกระบวนการยุติธรรมไทยเสียใหม่ ไม่ว่าจะเป็นชั้นพนักงานสอบสวน(ตำรวจ) อัยการ ศาล ในเรื่องการประกันตัว โดยควรพิจารณาจากพฤติการณ์ของผู้ต้องหาหรือจำเลยเป็นหลัก เช่น ถ้าเขาเป็นคนปกติไม่ได้หลบหนี ไม่ได้มีพฤติการณ์ทำลายพยานหลักฐาน ไม่ได้มีพฤติการณ์จะไปก่อเหตุร้าย ทำอย่างไรที่กระบวนการยุติธรรมจะพิจารณาให้มีการปล่อยชั่วคราวโดยไม่ต้องมีหลักประกัน แต่กำหนดเงื่อนไขอื่นๆ ให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยปฎิบัติระหว่างทำงาน “แนวทางนี้สามารถทำได้เลยเพียงเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติในการคุมขังและปล่อยชั่วคราวของกระบวนการยุติธรรมไทย ให้ไปพิจารณาในเรื่องลักษณะพฤติการณ์ของผู้ต้องหาหรือจำเลยมากกว่า แทนที่จะเรียกหลักประกันจากผู้ต้องหาหรือจำเลยทุกกรณีที่ถูกกล่าวหา ถ้าในกระบวนการยุติธรรมไม่ต้องเรียกหลักประกันในทุกกรณี กองทุนยุติธรรมก็ไม่ต้องนำเงินในส่วนนี้ไปช่วยเหลือผู้ต้องหาหรือจำเลยในการประกันตัว กองทุนยุติธรรมก็มีภาระส่วนนี้น้อยลง และสามารถนำเงินส่วนนี้ไปช่วยเหลือคนยากไร้ในเรื่องอื่นๆได้มากขึ้น ความเหลื่อมล้ำก็จะน้อยลง นอกจากนี้เมื่อการคุมขังระหว่างสอบสวนหรือระหว่างพิจารณาลดลง หน้าที่ของรัฐที่ต้องเยียวจำเลยที่ศาลยกฟ้องก็น้อยลง” ดร.ปกป้อง กล่าวว่า เราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สังคมดีขึ้น คนมีฐานะควรจะต้องเสียสละประโยชน์เพียงน้อยนิดของเขาเพื่อเข้ากองทุนเพื่อนำมาช่วยเหลือคนยากไร้ด้อยโอกาส ส่วนจะหักเงินเข้ากองทุนเท่าไหร่นั้น เป็นเรื่องที่ต้องนำไปคิดคำนวณกันต่อไป สำหรับข้อเสนอดังกล่าวตนจะนำเสนอต่อคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เพื่อร่วมผลักดันต่อไป หากเป็นไปตามที่เสนอ เชื่อว่ากองทุนจะโตขึ้นและภายใต้การบริหารจัดการที่ดี มีคณะกรรมการที่มาจากกลุ่มคนหลาย ๆ ฝ่าย ในระยะยาวเชื่อว่ากองทุนนี้จะไปได้ดี เหมือนกองทุนประกันสังคมที่ต้องใช้เวลาสักระยะในตอนแรก แต่ในที่สุดก็กลายเป็นกองทุนใหญ่ในปัจจุบัน กองทุนยุติธรรมในรูปแบบใหม่ที่เสนอจะเป็นอีกหนึ่งกลไกในกระบวนการยุติธรรมที่จะสร้างความยุติธรรมให้กับผู้ยากไร้ในสังคมได้มากขึ้น เผยแพร่โดย ทีมสื่อสารสาธารณะ-ทีดีอาร์ไอ โทร.0-22701350 ต่อ 113 e-mail : [email protected] สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าวกระทรวงยุติธรรมตั้งขึ้น+กระบวนการยุติธรรมวันนี้

เสวนาออนไลน์ "การคุ้มครองเด็กหน้าที่ของเราทุกคน & เปิดตัวหลักสูตรออนไลน์ สิทธิเด็กและการคุ้มครองเด็ก"

มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก ขอเชิญคุณครู นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา พนักงานเจ้าหน้าที่ บุคลากรในกระบวนการยุติธรรม องค์กรพัฒนาเอกชน เจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานที่ผู้เกี่ยวข้อง และผู้สนใจ เข้าร่วมงานเสวนาออนไลน์ เรื่อง "การคุ้มครองเด็กหน้าที่ของเราทุกคน และเปิดตัวหลักสูตรออนไลน์ สิทธิเด็กและการคุ้มครองเด็ก" ในวันพุธที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 14.30-16.30 น. ผ่านระบบประชุมทางไกล Zoom Cloud Meeting วิทยากรร่วมแลกเปลี่ยน : 1.คุณสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ อดีตประธานมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก 2.ผศ.พญ

เตรียมความพร้อมปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ไกล่เ... เลขาธิการ คปภ. เปิดเวทีติวเข้ม "ผู้ไกล่เกลี่ย" รุ่นที่ 5 มุ่งลดข้อพิพาทด้านประกันภัย — เตรียมความพร้อมปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านการประกัน...

คุณจุมพล ชูวงษ์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ช่วยทำง... สำนักงานศาลยุติธรรมอบรมด้านความยุติธรรม — คุณจุมพล ชูวงษ์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาหัวหน้าศาลอาญา ให้เกียรติมา...

วันที่ 25 กันยายน 2566 กาญจนา เรืองสิริวิ... รองผอ.สำนักงานยุติธรรมกล่าวเปิดงาน ที่โรงแรมเซ็นทราฯ ศูนย์ราชการ — วันที่ 25 กันยายน 2566 กาญจนา เรืองสิริวิชญกุล ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทา...

กาญจนา เรืองสิริวิชญกุล ผู้จัดการทั่วไป โ... งานสมัชชาสิทธิมนุษยชน ณ โรงแรมเซ็นทราฯ ศูนย์ราชการ — กาญจนา เรืองสิริวิชญกุล ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการ และคอนเวนชันเซ็นเตอร์...

สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ผนึกความร่วมมือก... TIA ผนึกความร่วมมือศาลยุติธรรมลุยอบรมกฎหมาย Class Action — สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ผนึกความร่วมมือกับ สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม เดินหน้า...

การประชุมนานาชาติว่าด้วยความยุติธรรม ปิดฉากลงแล้วในกรุงริยาด

การประชุมนานาชาติว่าด้วยความยุติธรรม ซึ่งจัดโดยกระทรวงยุติธรรมของซาอุดีอาระเบีย ( MOJ) ได้ปิดฉากลงแล้วอย่างเป็นทางการในกรุงริยาด การประชุมตลอดระยะเวลา 2 วันพร้อมผู้เข้าร่วมกว่า 4,000 คนในวงการยุติธรรมทั่วโลก เพื่อหารือเกี่ยวกับบทบาทของเทคโน...