ฟิทช์ปรับเพิ่มอันดับเครดิตของธนาคาร ไอซีบีซี (ไทย) เป็น ‘AAA(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

07 Jun 2012

กรุงเทพฯ--7 มิ.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Ratings) ของธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ICBCT เป็น ‘AAA(tha)’ จาก ‘AA+(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ขณะเดียวกันได้คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1+(tha)’

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตของ ICBCT สะท้อนถึงการทบทวนระดับการสนับสนุนจากธนาคารแม่ คือ Industrial and Commercial Bank of China หรือ ICBC (ได้รับการจัดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศที่ ‘A’/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งทำให้มีความสอดคล้องมากขึ้นกับแนวทางในการพิจารณาอันดับเครดิตของธนาคารพาณิชย์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารต่างชาติอื่นๆในประเทศไทย อันดับเครดิตของ ICBCT สะท้อนถึงสัดส่วนการถือหุ้นเกือบทั้งหมดของ ICBC และมุมมองของฟิทช์ที่คาดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนอย่างทันท่วงทีจากธนาคารแม่ในกรณีที่มีความจำเป็น การที่สัดส่วนการถือหุ้นใน ICBCT ของ ICBC หรือ โอกาสที่ ICBCT จะได้รับการสนับสนุนจาก ICBC มีการปรับตัวลดลงอาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่ออันดับเครดิตภายในประเทศของ ICBCT นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตสากลของ ICBC อาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตภายในประเทศของ ICBCT ได้เช่นกัน

ICBCT ได้รับประโยชน์จากชื่อเสียงและเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งของ ICBC และมีการปรับปรุงและรวมระบบงานให้สอดคล้องกับ ICBC มากขึ้น ทั้งนี้ ICBCT ได้มีการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในระยะยาวให้สอดคล้องกับของธนาคารแม่ โดยเน้นการสนับสนุนทางการเงินให้กับลูกค้าที่มีการทำธุรกิจระหว่างประเทศไทยและจีน นอกจากนี้ ICBCT ยังได้รับการการสนับสนุนด้านสภาพคล่องและเงินทุนอย่างเต็มที่จาก ICBC ซึ่งฟิทช์มองว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนอันดับเครดิตของธนาคาร

ในส่วนของความแข็งแกร่งทางการเงินของ ICBCT ธนาคารมีความสามารถในการทำกำไรดีขึ้นในปี 2554 โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็น 695 ล้านบาท เนื่องจากการขยายตัวของสินเชื่อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ธนาคารคาดว่าสินเชื่อน่าจะขยายตัวต่อเนื่องในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยการอาศัยประโยชน์จากความสัมพันธ์ของธนาคารแม่กับกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับประเทศจีน เงินกองทุนของธนาคารยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 17.1% ณ สิ้นปี 2554 ซึ่งอัตราส่วนดังกล่าวอาจปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในอีก 2 – 3 ปีข้างหน้า เนื่องจากนโยบายในการขยายธุรกิจของธนาคารแม่ อย่างไรก็ตามฟิทช์มองว่าเงินกองทุนและสภาพคล่องของ ICBCT น่าจะยังคงอยู่ในระดับเพียงพอที่จะสนับสนุนการเติบโตในอนาคต

ในระยะปานกลาง การปรับตัวเพิ่มขึ้นของต้นทุนทางการเงินเนื่องจากการแข่งขันในประเทศที่เข้มข้นขึ้นอาจส่งผลกระทบต่ออัตรากำไร ผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยในช่วงไตรมาส 4 ปี 2554 มีเพียงเล็กน้อย โดยผลกระทบอยู่ที่ประมาณ 5% ของสินเชื่อหรือน้อยกว่า ธนาคารมีการจำหน่ายและปรับโครงสร้างสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จำนวนมากในปี 2554 ส่งผลให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดลงอย่างมากมาอยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท (2.8% ของสินเชื่อรวม) ณ สิ้นปี 2554 จาก 3 พันล้านบาท (5.4%) ณ สิ้นปี 2553

ICBCT ก่อตั้งขึ้นในปี 2512 โดยเริ่มจากการเป็นบริษัทเงินทุน ปัจจุบัน ICBCT (ชื่อเดิม ธนาคารสินเอเชีย จำกัด (มหาชน)) เป็นหนึ่งในธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจธนาคารเต็มรูปแบบ ที่มีขนาดเล็กที่สุดของประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาดในด้านสินทรัพย์และด้านสินเชื่อในประเทศไทยน้อยกว่า 1% ICBC ถือหุ้นในสัดส่วน 97.7% ใน ICBCT ซึ่งเป็นการลงทุนในระยะยาว ฟิทช์ไม่คาดว่าเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ในการจำกัดการเพิ่มทุน (จำกัดการถือหุ้นโดยชาวต่างชาติไม่เกิน 49%) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้กับ ICBC ในปี 2563 เมื่อครบกำหนดระยะเวลาผ่อนผัน 10 ปีนั้น จะเป็นอุปสรรคในการเพิ่มทุนของ ICBC ใน ICBCT หากมีความจำเป็น

-กภ-