รมว.สธ. เผยบทเรียนรู้จากเหตุการณ์น้ำท่วมปี 54 ผู้ประสบภัยคือหัวใจสำคัญในการป้องกันโรค

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--8 ต.ค.--กรมควบคุมโรค

นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงานมหกรรมรวมพลังใจสัญจร “ถอดรหัสปัญหาสุขภาพ บทเรียนน้ำท่วม 54 รับมือน้ำท่วม ปี 55” แก้ปัญหาโดยชุมชน ที่หอประชุมเทศบาลตำบลปลายบาง จ.นนทบุรีว่าจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ที่ผ่านมาตั้งแต่ปลายเดือน กรกฎาคม-ธันวาคม 54 มีประชาชนมากกว่า 13 ล้านคน ใน 65 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องและยาวนานแต่กลับพบว่าประเทศไทยไม่เกิดการระบาดของโรคติดต่อที่สำคัญ นับเป็นบทพิสูจน์ที่ชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จในงานด้านสาธารณสุขของไทย ให้เป็นที่ปรากฏต่อสายตาของนานาชาติ ทำให้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเกิดความเชื่อมั่นและไว้วางใจในระบบสาธารณสุขของไทย ทั้งๆที่ภาวะเช่นนี้จะมีโอกาสเกิดโรคระบาดได้ง่าย ดังที่เคยเกิดผู้ป่วยและการระบาดโรคเลปโตสไปโรสิสหรือโรคฉี่หนูจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดน่าน ในปีพ.ศ. 2549 และอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา ในปีพ.ศ.2553 โดยพบการระบาดของโรคติดต่อสำคัญในช่วงเกิดอุทกภัยปี 54 มีรายงานผู้ป่วยโรคฉี่หนู 1,301 ราย เทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังในช่วงเวลาเดียวกันซึ่งไม่มีเหตุการณ์น้ำท่วมพบว่ามีมากถึง 1,372 ราย โรคไข้เลือดออก มีรายงานผู้ป่วย 10,515 ราย เทียบกับช่วง 5 ปีย้อนหลังมีผู้ป่วย 13,310 ราย และโรคอุจจาระร่วงมีรายงานผู้ป่วย 197,680 ราย เทียบกับช่วง 5 ปีย้อนหลังมีผู้ป่วย 261,531 ราย รมว.กระทรวงสาธารณสุขกล่าวต่อว่า จากนโยบายของรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันและบรรเทาผลกระทบด้านสุขภาพจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 54 กระทรวงสาธารณสุขรับหน้าที่เป็นหน่วยงานหลัก ในการเตรียมความพร้อม และดำเนินงานเชิงรุกในการเข้าถึงประชาชนได้ทันต่อสถานการณ์ปัญหา ทั้งการบริหารจัดการด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยเฉพาะการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรค ซึ่งได้มอบเป็นนโยบายให้กรมควบคุมโรคเป็นแกนกลางดำเนินภารกิจป้องกันควบคุมไม่ให้เกิดโรคระบาดสำคัญ เพราะจะเป็นการซ้ำเติมผู้ประสบภัย โดยได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น เอกชน และประชาชน และความร่วมมือทางด้านวิชาการจากองค์การอนามัยโลก และศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐด้านสาธารณสุข และการสนับสนุนเวชภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์จากองค์การระหว่างประเทศและจากหลายประเทศ ทำให้น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 54 ประเทศไทยจึงไม่เกิดการระบาดของโรคติดต่อที่สำคัญ ทั้งนี้จากการถอดบทเรียนความสำเร็จน้ำท่วมปี 54 ที่ผ่านมา พบว่ากรมควบคุมโรคได้ดำเนินการป้องกันควบคุมโรคในภาวะอุทกภัย โดยใช้ระบบการบัญชาการเหตุการณ์ที่ได้มีการเตรียมระบบล่วงหน้าไว้แล้ว ทำให้สามารถดำเนินงานอย่างมียุทธศาสตร์ และสามารถกำกับติดตามหน่วยงานทุกหน่วยงานของกรมควบคุมโรค ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ ให้ดำเนินงานบูรณาการสอดคล้องกัน ส่งผลให้ไม่เกิดโรคระบาดสำคัญขึ้นในประเทศ ช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนได้มาก จึงมั่นใจว่าบทเรียนที่ได้รับจากเหตุการณ์น้ำท่วมปี54ที่ผ่านมา จะสามารถนำมาปรับใช้ในการรับมือกับเหตุการณ์น้ำท่วมปี55นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ “อย่างไรก็ตามเพื่อความไม่ประมาทขอให้ประชาชนตระหนักในการป้องกันตนเองจากโรคและภัยที่มากับน้ำ และที่สำคัญคือการระมัดระวังเรื่องการจมน้ำเสียชีวิตและอุบัติเหตุจากไฟฟ้าดูด เพราะประสบการณ์จากน้ำท่วมเมื่อปี 2554ที่ผ่านมา พบว่าการจมน้ำและไฟฟ้าดูดเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตมากที่สุด ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 10 ราย สาเหตุจากการจมน้ำ 8 ราย ไฟฟ้าดูด 1 ราย และไม่ระบุสาเหตุ 1 ราย”ดังนั้นก่อนลงน้ำควรสวมเสื้อชูชีพ ใส่รองเท้าบู๊ต หรือสวมถุงพลาสติกก่อนลุยน้ำ ล้างมือ ไม่กินอาหารค้างมื้อ ดื่มน้ำสะอาด เก็บเศษอาหารและขยะใส่ถุงพลาสติกและมัดปากถุงให้แน่น ระวังอย่าให้ยุงกัด ถ้ามีโรคเรื้อรังอย่าลืมรับประทานยาประจำตัว หากิจกรรมทำเพื่อผ่อนคลายความเครียด ถ้ามีอาการป่วยรีบแจ้งหน่วยแพทย์หรือสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านอย่าปล่อยไว้เกิน 2 วัน สวมหน้ากากอนามัย และปิดปาก จมูก เวลาเป็นหวัด เมื่อมีอาการท้องเสียให้ดื่มผงเกลือแร่โอ อาร์ เอส หลังน้ำลดอย่าลืมนำเด็กไปฉีดวัคซีนตามนัดฯลฯ รมว.กระทรวงสาธารณสุขกล่าว ดร.นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่าปัจจัยความสำเร็จที่ทำให้ประเทศไทยไม่เกิดการระบาดของโรคติดต่อที่สำคัญ เกิดจากดำเนินการตามยุทธศาสตร์ 2P 2R คือPrevention(การป้องกัน) Preparedness(การเตรียมพร้อม) Response(การตอบโต้) และ Recovery (การฟื้นฟู) ได้แก่ 1.Prevention (การป้องกัน)มีการจัดเตรียมสถานพยาบาลและหน่วยปฏิบัติการไม่ให้ถูกน้ำท่วมและเตรียมแผนประคองกิจการ ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อได้แม้ว่าสถานที่และเจ้าหน้าที่จะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมก็ตาม 2.Preparedness(การเตรียมพร้อม) มีการจัดเตรียมระบบการสั่งการ การสื่อสารและการพัฒนาบุคลากรในการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขต่างๆ การจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการป้องกันโรคต่างๆล่วงหน้า เช่น สารเคมีกำจัดแมลงพาหะนำโรค รองเท้าบู๊ทป้องกันโรคฉี่หนู วัคซีนและเวชภัณฑ์ต่างๆ ทำให้เมื่อเกิดอุทกภัยจึงสามารถนำมาใช้ได้ทันที 3.Response(การตอบโต้)ในช่วงเกิดอุทกภัย ประกอบด้วยมาตรการสำคัญ 4 ประการได้แก่ 1.การเฝ้าระวังโรค 2.การป้องกันโรคล่วงหน้า 3.การควบคุมโรคเมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดปกติซึ่งจะมีทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) จำนวน 1,030 ทีมทั่วประเทศและทีมเสริม 58 ทีม ที่พร้อมจะดำเนินการสอบสวนควบคุมโรคที่สำคัญเมื่อได้รับรายงานเหตุการณ์ผิดปกติ และ4.คือการสื่อสารความเสี่ยงถึงประชาชน ผ่านช่องทางสื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ สื่อออนไลน์ สื่อเสียง อสม. ฯลฯ โดยกำหนดหลักปฏิบัติง่ายๆ ในการป้องกันโรคเป็น 3 ระยะคือ ระยะที่1น้ำท่วมหลากให้ระวังอันตรายจากการจมน้ำ ไฟดูด สัตว์มีพิษกัด ระยะที่2 น้ำท่วมขังให้ระวังอันตรายจากโรคฉี่หนู ไข้หวัดใหญ่ โรคอุจจาระร่วง ระยะที่ 3น้ำลดให้ระวังอันตรายจากโรคไข้เลือดออก และการทำความสะอาดบ้านเรือน เพราะการที่ประชาชนผู้ประสบภัย ปฏิบัติตนตามคำแนะนำในการป้องกันโรคถือเป็นการควบคุมโรคระบาดที่มีประสิทธิภาพที่สุด ด้าน นายแพทย์วัฒนา โรจนวิจิตรกุลนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนนทบุรีกล่าวเสริมว่าผลสำเร็จในการควบคุมป้องกันโรคระบาดจากเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอบางกรวย อำเภอบางใหญ่ ที่ผ่านมา เกิดจากการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันของทุกหน่วยงานด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการทำงานเชิงรุกในระดับพื้นที่ที่มีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ได้รับการอบรมความรู้ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานเฝ้าระวังป้องกันโรคระบาดสำคัญๆที่มากับน้ำท่วม ได้แก่ โรคไข้หวัด โรคไข้หวัดใหญ่ โรคอาหารเป็นพิษและอุจจาระร่วง โรคไข้เลือดออก โรคฉี่หนู โรคตาแดง และภัยจากการจมน้ำ ไฟฟ้าดูด ซึ่งงาน อสม.ของประเทศไทยเป็นรูปแบบหนึ่งที่ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพของตนเอง ครอบครัว และชุมชน เป็นปัจจัยความสำเร็จของงานสาธารณสุขมูลฐานของประเทศไทย และเป็นพลังสำคัญพัฒนาระบบสุขภาพท้องถิ่น ขณะนี้ทั่วประเทศมี อสม.จำนวน 1.6 ล้านคน กลุ่มเผยแพร่ สำนักงานเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค โทรศัพท์:0-2590-3862 / โทรสาร: 0-2590-3386 -กผ- สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าวกระทรวงสาธารณสุข+วิทยา บุรณศิริวันนี้

ชู 21 โรงแรม 21 แหล่งท่องเที่ยว กรมอนามัย มอบรางวัลเชิดชูเกียรติ GREEN Health Hotel Quality Awards 2025 และ GREEN Health Attraction 2025

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จัดการประชุมคณะกรรมการตัดสินรางวัล GREEN Health Hotel Quality Awards 2025 และ GREEN Health Attraction 2025 ระดับประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2568 เพื่อเชิดชูเกียรติโรงแรมและแหล่งท่องเที่ยวที่มีการจัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมและสุขภาพตามมาตรฐานโรงแรมและแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (GREEN Health Hotel & GREEN Health Attraction)อย่างต่อเนื่อง และเป็นต้นแบบให้กับโรงแรมและแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ นายแพทย์ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า รางวัลเชิดชู

นางสาวพิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักก... กทม. สร้างภูมิคุ้มกันนักเรียนรณรงค์ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในสถานศึกษา — นางสาวพิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา (สนศ.) กทม. กล่าวถึงมาตรกา...

นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร (ที่3 จากซ้าย) ประ... BKGI ผนึกกรมวิทย์ฯ รับถ่ายทอดเทคโนโลยีเซลล์บำบัด ดันไทยสู่ศูนย์กลางการแพทย์ภูมิภาค — นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร (ที่3 จากซ้าย) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แบงค...

ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ... พิธีเปิดงานการประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์การแพทย์ ครั้งที่ 33 — ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางคว...

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรว... ขอนแก่นม่วนซื่น ฟิตกาย ฟิตใจแฮง! ในงานมหกรรมคนรักสุขภาพดี ต้านภัยโรค NCDs — นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชวนชาวขอนแก่นมาม่วนซื่น ฟิ...

"ความร่วมมือในการยกระดับมาตรฐานการรักษาผู... สมาคมแพทย์โรคหัวใจฯ ร่วมกับกระทรว สาธารณสุข และแอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย เปิดตัวโครงการ — "ความร่วมมือในการยกระดับมาตรฐานการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลวแบบ...