พาราเซตามอล ยาสามัญที่ต้องระวัง

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--30 ส.ค.--โฟร์ ฮันเดรท

แพทย์หญิง ประพิมพ์พร ฉัตรานุกูลชัย Prapimporn Shantavasinkul, MD แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ และโภชนวิทยาทางคลินิก โรงพยาบาลบีเอ็นเอช พาราเซตามอลเป็นยาแก้ปวด และลดไข้ที่คนไทยนิยมใช้กันมากที่สุด เนื่องจากเชื่อว่าปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง จริงอยู่ที่พาราเซตามอลมีข้อดีที่ไม่ระคายเคืองกระเพาะ แต่แท้จริงแล้วพาราเซตามอลมีผลข้างเคียงที่อันตรายที่สุด คือ การเกิดพิษต่อตับ หากใช้เกินขนาดหรือใช้ติดต่อกันนานเกินไป ภาวะเป็นพิษต่อตับจากยาพาราเซตามอลนั้น เกิดได้ทั้งจากความตั้งใจรับประทานยาเกินขนาดเพื่อทำร้ายตัวเอง ในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่าการรับประทานยาพาราเซตามอลเกินขนาดเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดตับอักเสบเฉียบพลัน และเกิดภาวะตับวาย ซึ่งอาการอาจรุนแรงถึงขั้นต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนตับ หรือเสียชีวิตหากไปรับการรักษาไม่ทันท่วงที ส่วนผู้ป่วยกลุ่มที่เกิดภาวะเป็นพิษต่อตับโดยความไม่ตั้งใจนั้นพบได้บ่อยในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรัง ซึ่งผู้ป่วยส่วนหนึ่งไม่ทราบว่ากำลังทำร้ายตัวเองด้วยการรับประทานยาแก้ปวดที่มีผลทำร้ายตับต่อเนื่องเป็นเวลานาน การรับประทานยาพาราเซตามอลเป็นเวลานาน แม้ว่าจะรับประทานไม่เกินขนาดที่แนะนำ แต่ถ้ารับประทานต่อเนื่องเป็นเวลานานก็มีโอกาสที่จะเกิดตับอักเสบได้เช่นเดียวกัน ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะไปรับการรักษาช้า เนื่องจากไม่ตระหนักถึงพิษภัยที่อาจเกิดขึ้นได้จากการรับประทานยาพาราเซตามอลเป็นเวลานาน เมื่อเดือนมกราคมปีพ.ศ. 2554 องค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา (U.S. Food and Drug Administration หรือ USFDA) ได้ออกประกาศให้บริษัทยาที่ผลิตยาแก้ปวดสูตรผสมที่มีพาราเซตามอลเป็นส่วนประกอบ ให้ลดปริมาณยาพาราเซตามอลลงจากเดิม จากขนาด 500 มิลลิกรัมต่อเม็ดเป็น 325 มิลลิกรัมต่อเม็ด เพื่อลดความเสี่ยงของผู้บริโภคในการที่จะได้รับปริมาณยาพาราเซตามอลเกินขนาด และลดความเสี่ยงที่จะเกิดพิษต่อตับ นอกจากนี้ยังได้กำหนดให้ระบุถึงผลข้างเคียงของยาพาราเซตามอล ที่ฉลากยาให้ชัดเจนว่า “ยามีผลทำให้เกิดพิษต่อตับอย่างรุนแรงได้” นอกเหนือจากผลข้างเคียงอื่นที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น อาการแพ้ยาหรือผื่นคัน แม้ว่ายาพาราเซตามอลจะเป็นยาแก้ปวดลดไข้ที่มีประโยชน์ แต่หากใช้ผิดวิธีก็อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ จึงต้องระมัดระวังในการใช้ยา และหากอาการไม่ดีขึ้นหลังรับประทานยาควรรีบไปพบ แพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุเสมอ ข้อควรระวังที่ควรทราบเกี่ยวกับยาพาราเซตามอล คือ ไม่ควรรับประทานเป็นประจำต่อเนื่องเป็นเวลานานและไม่ควรรับประทานยาพาราเซตามอลเกินวันละ 4 กรัม ในประเทศไทยซึ่งยามักจะอยู่ในรูปแบบเม็ดละ 500 มิลลิกรัม คือ รับประทานได้ไม่เกิน 8 เม็ดต่อวัน และไม่เกิน 1-2 เม็ดต่อครั้ง (ผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 50 กิโลกรัมควรรับประทานพาราเซตามอลครั้งละ 1 เม็ดเท่านั้น) นอกจากนี้ไม่ควรดื่มสุรา หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม ขณะที่รับประทานยาพาราเซตามอล ส่วนผู้ป่วยที่มีโรคตับเรื้อรัง ตับแข็ง หรือ ดื่มสุราเป็นประจำจะมีความเสี่ยงในการเกิดพิษต่อตับง่ายกว่าคนปกติจึงควรงดเว้นการรับประทานพาราเซตามอล หรือ หากจำเป็นจริงๆก็ควรรับประทานให้น้อยที่สุด ข้อควรระวังอีกอย่างคือ มียาสูตรผสมเป็นจำนวนมากที่มีพาราเซตามอลเป็นส่วนประกอบ เช่น ยาแก้ไข้หวัด ยาแก้ปวดเมื่อย ยาคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งยาสูตรผสมเหล่านี้หากนำมารับประทานร่วมกันโดยไม่ทราบว่ามีพาราเซตามอลเป็นส่วนประกอบ เช่น รับประทานยาแก้ไข้หวัดพร้อม ๆ กับยาคลายกล้ามเนื้อ จะทำให้ได้รับยาเกินขนาดและเกิดตับอักเสบหรือตับวายเฉียบพลันได้ ดังนั้นก่อนรับประทานยาทุกชนิดจึงควรอ่านฉลากยาให้ละเอียดเสมอ ถ้าไม่แน่ใจว่ายามีส่วนประกอบของพาราเซตามอลหรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนบริโภคยาทุกครั้ง เอกสารอ้างอิง http://www.fda.gov/Drugs/DrugSafety/ucm239821.htm Watkins PB, Kaplowitz N, Slattery JJ, et al: Aminotransferase elevations in healthy adults receiving 4 grams of acetaminophen daily—A randomized controlled trial. JAMA. 2006;296:87-93 Schmidt LE, Dalhoff K, Poulsen HE: Acute versus chronic alcohol consumption in acetaminophen-induced hepatotoxicity. Hepatology 2002;35:876–882 -กผ- สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าวประพิมพ์พร ฉัตรานุกูลชัย+โรงพยาบาลบีเอ็นเอชวันนี้

BNH Hospital ตอกย้ำหนึ่งเดียวในเอเชีย! การรักษาต่อมลูกหมากโตโดยไม่ต้องผ่าตัด กับ 2 นวัตกรรม iTind และ Rezum

โรงพยาบาลบีเอ็นเอช (BNH Hospital) เป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกและเก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย ด้วยประสบการณ์กว่า 125 ปี สู่การบริการทางการแพทย์แบบครบวงจร โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญครบทุกสาขา มีทีมรักษาและทีมสหวิชาชีพผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย และไม่หยุดพัฒนา ทั้งยังได้นำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้รักษาอีกด้วย ในปัจจุบันเปิดศูนย์ M Centre by BNH Hospital ศูนย์ดูแลสุขภาพสำหรับผู้ชาย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เข้าใจทุกปัญหาและแก้ไขได้อย่างตรงจุด ล่าสุด นายแพทย์นพรัตน์ พานทองวิริยะกุล

นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ(กลาง) รองกรรมการผ... อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดตัว แคมเปญดูแลสุขภาพ #กันก่อน ดีที่สุด — นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ(กลาง) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบริหารงานลูกค้า นายวิร...

ธนาคารทิสโก้ นำโดย นายพิชา รัตนธรรม ผู้ช่... ธ.ทิสโก้ ร่วมสนับสนุน "กองทุนสมิติเวช เพื่อชีวิตใหม่" — ธนาคารทิสโก้ นำโดย นายพิชา รัตนธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารทิสโก้ (ที่สองจากซ้าย)...

นพ.ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่... บริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน) คว้ารางวัล Thailand's Best Managed Companies 2023 จากดีลอยท์ ประเทศไทย — นพ.ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ...

สมิติเวช ผนึกกำลัง เอไอเอ ประเทศไทย ช่วยคนไทยหมดกังวล ฝ่าวิกฤติโควิด-เศรษฐกิจ "ส่องกล้อง-ผ่าตัด" ราคาพิเศษ

โรงพยาบาลสมิติเวช และ เอไอเอ ประเทศไทย ประกาศความร่วมมือพิเศษด้านการแพทย์เฉพาะทาง AIA SPECIAL COOPERATION ใน 3 ด้านความเชี่ยวชาญของสมิติเวช ประกอบด้วย การส่องกล้องกระเพาะอาหารและลำไส้...

กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช ในเครือกรุงเทพดุสิ... สมิติเวช สานพลัง แกร็บ ร่วมมือยกระดับสุขภาพในประเทศไทย — กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช ในเครือกรุงเทพดุสิตเวชการ ผู้ให้บริการด้านสุขภาพชั้นนำของภูมิภาคตะวันออกเฉ...