บทความ "ชะลอคิวอี โลกพร้อมหรือยัง??" โดย จีทีเวลธ์ แมเนจเมนท์

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--26 มิ.ย.--GT Wealth Management

ชะลอคิวอี โลกพร้อมหรือยัง ?? เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าสัญญาณการชะลอมาตรการคิวอีของธนาคารกลางสหรัฐฯ นั้น กดดันสินทรัพย์แทบจะทุกประเภท โดยหลังการรายงานผลการประชุมในช่วงวันที่ 19 ที่ผ่านมาราคาหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงทันที ไม่เว้นแม้แต่ราคาน้ำมันดิบและราคาทองคำก็ร่วงลงตามกัน ซึ่งในภาวะปกติสถานการณ์ที่เราเห็นการร่วงลงของสินทรัพย์เสี่ยงแรง ๆ นั้น มักจะตามมาด้วยการเพิ่มขึ้นของราคาสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูง เพื่อเป็นการพักเงินหรือหนีความผันผวนแต่เหตการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันคือการร่วงลงอย่างหนักของตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ และต่อเนื่องถึงตลาดพันธบัตรในชาติอื่น จากสิ่งที่เกิดขึ้นเราพอจะกล่าวได้หรือไม่ว่าความสำคัญของนโยบายสภาพคล่องหรือ QE สหรัฐฯ มีความสำคัญต่อตลาดการลงทุนโลก และคำถามที่สำคัญกว่านั้นคือโลกพร้อมหรือยังที่จะออกจากการพึงพานโยบายสภาพคล่อง ซึ่งในมุมมองส่วนตัวผมเชื่อว่า “ยังไม่พร้อม” ก่อนที่จะอธิบายถึงความไม่พร้อมในการ “exit policy” ผมก็อธิบายสิ่งที่เกิดในตลาดพันธบัตรและทิศทางดอกเบี้ยกันเป็นปฐมก่อน หลังการส่งสัญญาณชะลอ QE ของสหรัฐ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของชาติต่าง ๆ ทั่วโลกดีดตัวสูงขึ้นอย่างมากตัวอย่างเช่น อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 10 ปีสหรัฐฯ พุ่งขึ้นประมาณ 40 basis point หรือ 0.40% อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 10 ปีญี่ปุ่น พุ่งขึ้นประมาณ 3 basis point หรือ 0.03% อิตาลี สเปนและโปรตุเกสปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยราว 30 basis point ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ของไทยเพิ่มขึ้นประมาณ 27 basis point หรือประมาณ 0.27% ทำให้ประเมินโดยรวมจึงอาจจะกล่าวได้ว่าจุดต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยในตลาดอาจจะผ่านไปแล้ว หมายถึงทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นในอนาคต อัตราผลตอบแทนพันธบัตรและการขยับขึ้นของดอกเบี้ย (ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากความวิตกชะลอ QE) สำหรับประเทศไทยในระยะกลางอาจจะกระทบเพียงเล็กน้อย แต่ระยะสั้นความผันผวนจากการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วส่งผลต่อค่าเงินบาท ส่วนระยะยาวต้องขึ้นอยู่กับโครงสร้างและความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทย แต่สำหรับบางประเทศการเร่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจที่เปราะบางอยู่แล้วมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยุโรป ญี่ปุ่น และตัวสหรัฐอเมริกาเอง สำหรับยุโรปแล้วชาติที่น่าห่วงคือกลุ่มที่กำลังประสบปัญหาหนี้สินอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงปริมาณหนี้แล้วระดับของหนี้สินยังไม่ได้ลดลง โดยหนี้ที่ครบกำหนดชำระมีการ refinance ผ่านการรับเงินช่วยเหลือและการออกพันธบัตรเพิ่ม การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยทำให้การ refinance ในอนาคตมีต้นทุนที่สูงขึ้น และเมื่อภาระดอกเบี้ยสูงขึ้นความสามารถในการชำระหนี้ในอนาคตก็จะลดลง และเป็นตัวแปรสำคัญต่อเครดิตความน่าเชื่อถือ ขณะที่ชาติที่ยังไม่ได้ประสบปัญหาหนี้สินโดยตรงก็มีการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างเห็นได้ชัดไม่เว้นแม้แต่ชาติผู้นำกลุ่มอย่าง เยอรมนีและฝรั่งเศส การเดินหน้าเพื่อลดความเข้มงวดในการขาดดุลในอนาคตเป็นสิ่งที่มีความเป็นไปได้ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ถ้าอัตราดอกเบี้ยขยับขึ้นก็จะไปบดบังความน่าสนใจในการลงทุนภาคเอกชนขณะที่เพิ่มภาระให้ภาครัฐ เนื่องจากการขาดดุลที่เพิ่มขึ้นจะยิ่งทำให้อัตราการกู้ยืนเงินของภาครัฐเพิ่มขึ้นเช่นกัน ขณะที่สหรัฐฯ เองมีความอ่อนแอในภาคการเงินและอสังหาฯ การขยับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในตลาดก็อาจจะไปชะลอการฟื้นตัวที่เป็นไปอย่างอ่อนแออยู่แล้วในปัจจุบัน ประกอบกับราคาสินทรัพย์ที่ร่วงลงยิ่งลดสัญญาณบวกทางเศรษฐกิจและกระทบต่อภาคการลงทุน ด้านการพึ่งพานโยบายการคลังสหรัฐฯ เองยังประสบปัญหาการผ่านมาตรการต่าง ๆ ในสภาคองเกรส และด้วย sequestration ที่ลดทอนรายจ่ายการคลังอยู่แล้วยิ่งทำให้การพึ่งพาการใช้จ่ายภาครัฐทำได้น้อยลง ดังนั้นโดยสรุปผมเชื่อว่าโดยสภาวะที่เราอยู่ในปัจจุบันนั้น เรายังไม่พร้อมที่จะออกจากทิศทางนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราเหมาะกับการผ่อนคลายนโยบายตลอดไป ท้ายสุดไม่ทางใดก็ทางหนึ่งนโยบายการเงินต้องมีทางลง มิเช่นนั้นก็จะก่อให้เกิดปัญหาในรูปแบบอื่นตามมา เพียงแต่จังหวะเวลาและขั้นตอนในการก้าวลงต่างหากที่ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนผลกระทบที่เกิดกับตลาดการลงทุนก็คงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าพื้นฐานของสิ่งที่เราลงทุนยังดี ผมเชื่อว่าโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคตก็มีเช่นกัน โดย กมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด GT Wealth Management www.gtwm.co.th TEL : 02-673-9911 -นท-

ข่าวจีทีเวลธ์ แมเนจเมนท์+ธนาคารกลางสหรัฐฯวันนี้

SCB FM มอง Fed ลดดอกเบี้ยกลางปีจากเศรษฐกิจที่ชะลอ ทำให้เงินบาทจะทยอยแข็งค่าได้ แต่ Tariffs อาจดันเงินเฟ้อและกดดันบาทอ่อนระยะสั้น

กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets: SCB FM) เปิดเผยว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คงดอกเบี้ยที่ 4.25-4.50% ตามคาด อย่างไรก็ดี แม้ Fed จะพยายามส่งสัญญาณว่าความไม่แน่นอนมากขึ้นและเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้น แต่ตลาดกลับให้โอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ยในปีนี้มีมากขึ้น โดย Price-in ที่ราว 75 bps ซึ่งมากกว่าที่ Fed สื่อสารใน Dot plot สำหรับมุมมองในระยะต่อไป SCB FM ยังคงมุมมองเดิมว่า Fed อาจลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ โดยการลดครั้งแรกอาจเป็นการประชุมเดือน มิ.ย. และอาจลดอีกครั้งในช่วง

บริษัท จีทีเวลธ์ แมเนจเมนท์จัด สัมมนา"ฟรี1 หลักสูตรกับ GTWealth จาก 4 หลักสูตรยอดฮิต"

บริษัท จีทีเวลธ์ แมเนจเมนท์จัด สัมมนา"ฟรี1 หลักสูตรกับ GTWealth จาก 4 หลักสูตรยอดฮิต": เปิดโอกาสให้นักลงทุนหน้าใหม่ได้เตรียมตัวติดอาวุธเพื่อต่อกรกับตลาด TFEX เพิ่มช่องทางการลงทุนใหม่ๆ โดยหากเปิดบัญชีกับ GTWealth จัด...

บทความ: "สะกดรอย....สภาพคล่อง" โดย จีทีเวลธ์ แมเนจเมนท์

สวัสดีครับดูเหมือนว่าผลกระทบที่เกิดจากสัญญาณการชะลอมาตรการคิวอีจะรุนแรงกว่าที่เราคาดการณ์และผมเชื่อว่ามากกว่าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดเช่นกัน การเกิดแรงขายสินทรัพย์ในเกือบจะทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นที่ตกลงทั่วโลกโดยไม่เลือกปฏิบัติว่าเป็นประ...

บทความ: "ไม่เคยหมดยุคทองในอินเดีย" โดย จีทีเวลธ์ แมเนจเมนท์

สวัสดีครับ กว่าหนึ่งเดือนแล้วนะครับหลังจากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของตลาดทองไทย ที่ราคาปรับตัวลดลงวันเดียวกว่า 2,400 บาท ต่อทองคำแท่งน้ำหนักหนึ่งบาท แม้จะมีการฟื้นตัวขึ้นมาบ้างในช่วงปลายเดือนก่อนแต่ท้ายสุดก็กลับมาเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 20,000...

บทความ "ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำ เดือนมีนาคม " โดย จีทีเวลธ์ แมเนจเมนท์

สวัสดีครับเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาด้วยความร่วมมือของสมาคมค้าทองคำ สมาคมเพชรพลอยเงินทองคำ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และบริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมน์ จำกัด พร้อมทั้งเปิดตัว “ดัชนีความ...

จีทีเวลธ์ แมเนจเมนท์ ร่วมกับ ตลาดอนุพันธ์(ประเทศไทย) จัดสัมมนาการซื้อขายสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯล่วงหน้า (USD Future) ในหัวข้อ “เจาะลึก เครื่องมือและปัจจัยทำกำไรค่าเงินล่วงหน้า”

บริษัท จีทีเวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด ร่วมกับ ตลาดอนุพันธ์(ประเทศไทย) จัดสัมมนาการซื้อขายสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯล่วงหน้า (USD...