จิตแพทย์เตือน “เศร้าเกินเหตุ-สุขเกินไป” อย่าวางใจ สัญญาณอันตราย “ไบโพลาร์” รีบรักษาก่อน “สูญเสีย”

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--6 ก.ย.--ไอแอมพีอาร์

จากสถิติสากลระบุว่าในกลุ่มประชากรโลกมีผู้ป่วยโรคไบโพลาร์ หรือ โรคอารมณ์ 2 ขั้ว จำนวน 1% เมื่อเทียบอัตราส่วนประชากร แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีผู้ป่วยด้วยโรคดังกล่าวสูงถึง 6 ล้านคน!!! แต่โรคไบโพลาร์ยังไม่เป็นที่ตื่นตัวในประชาชนทั่วไปมากนัก เพราะผู้ป่วยสามารถหายเป็นปกติได้ยาวนานเป็นปีกระทั่งลืมไปว่าตนเองเคยป่วย จนเมื่อกลับมาสำแดงอาการอีกครั้ง...โรคดังกล่าวก็อาจทำให้สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของทั้งตนเอง ครอบครัว และสังคมไปอย่างไม่อาจเรียกคืนได้ ล่าสุดโรคไบโพลาร์กลับเป็นที่กล่าวถึงอีกครั้ง เมื่อมีการเผยแพร่ภาพอดีตนางแบบอินเตอร์ชาวไทยระดับตำนานซึ่งเคยมีรายได้ถึงปีละ 50 ล้านบาท ในลักษณะบุคคลเร่ร่อนไร้บ้าน สร้างความแปลกใจให้สังคมไทยว่าเหตุใดเธอจึงดำเนินชีวิตอย่างยากลำบาก จนกระทั่งมีผู้ที่เคยอยู่ใกล้ชิดให้ข้อมูลว่าเธอเคยมีประวัติป่วยเป็นโรคไบโพลาร์ ยิ่งก่อให้เกิดข้อสงสัยว่าโรคดังกล่าวสามารถทำให้ชีวิตคนๆ หนึ่งพลิกผันได้มากถึงขนาดนี้จริงหรือไม่ นายแพทย์โกวิทย์ นพพร จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรงพยาบาลมนารมย์ โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางด้านสุขภาพจิต กล่าวถึงกรณี “เมื่อคนใกล้ตัวเป็นไบโพลาร์” ว่า ไบโพลาร์ มาจากคำว่า "Bi" แปลว่าสอง และ "Polar" แปลว่าขั้ว รวมแล้วมีความหมายว่า โรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว ซึ่งเป็นลักษณะของพื้นอารมณ์ ที่ผิดปกติ คือ สุขมากเกินไปจนมีลักษณะคึกคัก และ ทุกข์มากเกินไปจนเข้าข่ายซึมเศร้า โดยอารมณ์ในที่นี้หมายถึงการแสดงออกทางสีหน้าและพฤติกรรม ที่เกิดจากมุมมองที่มีต่อตัวเอง มุมมองต่อผู้อื่น มุมมองต่อสิ่งแวดล้อมและมุมมองต่ออนาคต ที่ไม่เป็นไปตามความเป็นจริง “ผู้ป่วยโรคไบโพลาร์จะมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่ผิดเพี้ยนไปจากปกติ มีผลต่อวิจารณญาณ การคิด การใช้เหตุผลและการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ จนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและผลกระทบต่อคนรอบข้าง โดยพฤติกรรมของขั้วที่สุขมากเกินไป ผู้ป่วยจะขาดสมาธิ พูดมากไม่หยุด คิดและตัดสินใจเร็ว ไม่อยู่นิ่ง ขาดความยับยั้งชั่งใจ มั่นใจในตัวเองสูงเกินจริง คิดว่าตนเองถูกต้องคนเดียว ใช้เงินสิ้นเปลืองอย่างไม่สมเหตุผล มีพฤติกรรมแสดงออกทางเพศมากขึ้น ไม่สามารถควบคุมความคิดให้อยู่นิ่งได้ ดูเป็นคนคึกคักครื้นเครง แต่ในบางครั้งจะหงุดหงิดก้าวร้าวเมื่อไม่ได้ดั่งใจ ในผู้ป่วยที่อาการไม่มากจะสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ดี เพราะมีความคิดบรรเจิด แต่ในรายที่เป็นระดับรุนแรงอาจก่อหนี้สินล้นพ้นตัว เพราะมีสิ่งที่ต้องการทำมากมาย การซื้อทรัพย์สิน ลงทุนและเล่นการพนัน ซึ่งไม่อาจหยุดทำได้ ในขณะที่พฤติกรรมของขั้วที่ทุกข์มากเกินไปจะมีลักษณะซึมเศร้า ท้อแท้ เบื่อหน่ายกับชีวิต กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เฉยชา หงุดหงิด กังวล ไร้เรี่ยวแรง รู้สึกว่าตัวเองป่วยเป็นโรคต่างๆ มีความรู้สึกผิดเกินกว่าที่ควรจะเป็น ไม่สมเหตุผล บางรายที่มีอาการมากจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี ไร้ค่า มีความคิดหรือการกระทำเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายร่วมด้วย” นพ.โกวิทย์อธิบาย โรคไบโพลาร์มีลักษณะการดำเนินโรคแบบเป็นๆ หายๆ ไม่สามารถกำหนดช่วงเวลาการแสดงอาการได้แน่นอนว่าจะเป็นยาวนานเท่าไร หรือจะกลับเป็นปกติได้นานเพียงใดก่อนที่จะกลับไปแสดงอาการอีกครั้ง โดยปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคไบโพลาร์มี 4 ประการ ได้แก่ 1.ญาติพี่น้องมีประวัติป่วยหรือเคยป่วยโรคไบโพลาร์ 2.เป็นคนที่มีความเครียดสูง 3.เคยติดยาหรือใช้สารเสพติด 4.ประสบกับวิกฤตชีวิตรุนแรง เป็นต้น “ต้นตอสำคัญของโรคเกิดจากกรรมพันธุ์ และระดับสารเคมีในสมองผิดปกติทำให้สมองทำงานผิดปกติตามไปด้วย ในขั้นตอนการรักษาจิตแพทย์จะต้องซักประวัติทั้งของผู้ป่วยและเครือญาติสืบย้อนไปในอดีต เพื่อค้นหาสาเหตุการเกิดโรคที่แท้จริงเพื่อวางแผนแนวทางการรักษาให้ตรงจุด ทั้งการรักษาด้วยยา และการรักษาด้วยการบำบัด เช่น จิตบำบัด พฤติกรรมบำบัด กลุ่มบำบัด และครอบครัวบำบัด หากผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องก็สามารถหายได้และกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย เช่น ติดยาเสพติด มีปัญหายุ่งยากด้านการเงิน เป็นหนี้เป็นสิน บ้านถูกยึด ทำผิดกฎหมาย ไม่สามารถปรับตัวอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ และอาจรุนแรงถึงขั้นฆ่าตัวตายได้ในที่สุด” จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรงพยาบาล มนารมย์กล่าวสรุป ดังนั้น ผู้ป่วยโรคไบโพลาร์ไม่ว่าจะแสดงอาการในขั้วอารมณ์ใด ล้วนจำเป็นต้องได้รับกำลังใจและความเข้าใจจากคนรอบข้าง รวมถึงการรักษาที่เหมาะสมต่อเนื่อง เพราะเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายจากอาการป่วยและดำเนินชีวิตตามปกติได้ แต่ก็สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีก หากไม่ได้รับการเอาใจใส่ ติดตามดูแลอย่างเหมาะสม ในกรณีอดีตนางแบบที่กำลังตกเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ หากวิเคราะห์ตามที่ผู้ใกล้ชิดเปิดเผยต่อสื่อ ก็สะท้อนให้เห็นว่าโรคไบโพลาร์สามารถสร้างความสูญเสียได้ไม่แพ้โรคทางกายอื่นๆ ดังนั้นหากพบว่ามีคนใกล้ตัวเป็นไบโพลาร์ ญาติมิตรและผู้ที่อยู่ใกล้ชิดควรหมั่นให้กำลังใจและเฝ้าสังเกตพฤติกรรมและกระตุ้นให้ติดตามรับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเป็นซ้ำซึ่งอาจสร้างความสูญเสียที่รุนแรงต่อตัวผู้ป่วยเองและครอบครัวได้ -กผ- สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าวโรคไบโพลาร์+ประเทศไทยวันนี้

ทำไมความเศร้าบางครั้งอาจไม่ใช่แค่โรคซึมเศร้า? รู้จัก "โรคไบโพลาร์" ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้

ในยุคที่ทุกคนต้องเผชิญกับความเครียดและปัญหาต่าง ๆ จากการใช้ชีวิตในโลกที่เต็มไปด้วยความรวดเร็วและความไม่แน่นอน การดูแลสุขภาพจิตเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่เริ่มประสบปัญหาความรู้สึกเศร้า ท้อแท้ หรือหดหู่จนไม่สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ป่วยจะได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น โรค Bipolar หรือ "โรคอารมณ์สองขั้ว" เป็นหนึ่งในโรคจิตเวชที่หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นเคย โดยเฉพาะเมื่อผู้ป่วยมักแสดงอาการที่คล้ายกับโรคซึมเศร้าอย่างชัดเจน เช่น

โรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) หรือโรคอาร... เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย สัญญาณเตือนโรคไบโพลาร์ — โรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) หรือโรคอารมณ์สองขั้ว เป็นโรคจิตเวชอย่างหนึ่งที่เกิดจากความผิดปกติในก...

นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวั... กรมสุขภาพจิต แนะ 'ไบโพลาร์' โรคอารมณ์สองขั้ว รักษาหายได้ สำคัญที่ต้องกินยา — นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวเนื่องใน...

ขอเชิญผู้สนใจร่วมฟังการเสวนา “อยู่กับผู้ป่วยโรคไบโพลาร์อย่างไรให้มีความสุข”

เนื่องในวันไบโพลาร์โลก (World Bipolar Day) ชมรมจิตเวชศาสตร์ผู้สูงอายุและประสาทจิตเวชศาสตร์ไทย สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ชมรมจิตเวชเด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทย ชมรมความผิดปกติทางอารมณ์แห่งประเทศไทย และภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะ...

กรมสุขภาพจิต ย้ำ ผู้ป่วยทางจิต มีสิทธิ์ได้รับการคุ้มครอง เผย ไบโพลาร์ รักษาหายได้ สำคัญที่ต้องกินยาให้ต่อเนื่อง

นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า โรคไบโพลาร์ หรือโรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar Disorder) เป็นหนึ่งในกลุ่มโรคอารมณ์ผิดปกติที่พบได้บ่อยในทั่วโลก ประมาณ 1-2% พบได้ในผู้หญิงและผู้ชาย...

กรมสุขภาพจิต ย้ำ ไบโพลาร์ รักษาหายได้ กินยาอย่างต่อเนื่อง สำคัญที่สุด

กรมสุขภาพจิต เผยข้อมูลผู้ป่วยในสังกัด ปี 2556 พบ ไบโพลาร์ กว่า 5 หมื่นราย จากผู้ป่วยกลุ่มโรคอารมณ์ผิดปกติกว่า 1.5 แสนราย ย้ำ หากได้รับการรักษาถูกวิธีสามารถหายขาดได้ แนะ ผู้ป่วยและคนรอบข้างหมั่นสังเกตอาการ สร้างความเข้าใจและให้กำลัง...