ความท้าทายของการพัฒนาวัคซีน ในมุมของ...ผู้ผลิตในประเทศ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--9 ส.ค.--โฟร์ พี แอดส์

ปัจจุบันการวิจัยพัฒนาวัคซีนชนิดต่างๆของประเทศไทยเพื่อนำมาใช้ในการป้องกันโรคต่างๆ มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ วัคซีนไข้เลือดออก ฯลฯ โดยที่ผ่านมามีการทดสอบทางคลินิกตามลำดับขั้นที่เหมาะสมจนสามารถขึ้นทะเบียนอนุญาตให้ใช้ในการป้องกันโรคได้แล้ว อีกทั้งยังมีการต่อยอดในเชิงธุรกิจเพื่อออกขายสู่ตลาดโลกอีกด้วย การวิจัยพัฒนาวัคซีนจึงไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับประเทศไทยอีกต่อไป ศ.(พิเศษ) ภญ.ดร.สุมนา ขมวิลัย รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร สถานเสาวภา สภากาชาดไทย กล่าวในงานประชุมวิชาการวัคซีนแห่งชาติครั้งที่ 5 ประจำปี 2556 ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ ถึงความท้าทายของการพัฒนาวัคซีนในมุมของผู้ผลิตในประเทศไทยว่าการที่ประเทศสามารถวิจัยและพัฒนาวัคซีนได้เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตวัคซีนตั้งแต่ต้นน้ำจะถือเป็นความมั่นคงอย่างยั่งยืนของประเทศที่สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง เมื่อเป็นอย่างนั้นรัฐบาลควรต้องมีการลงทุนด้านการผลิตวัคซีนและควรมีมาตรการดึงภาคเอกชนให้มาลงทุนร่วมด้วยและควรสนับสนุนผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการพัฒนาบุคลากรด้านวัคซีนร่วมกันทั้งภาครัฐและเอกชน ควรมีกฎระเบียบที่เกื้อหนุนให้ผู้ผลิตสามารถปฏิบัติได้อย่างรวดเร็ว เพื่อแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านและเตรียมพร้อมเข้าสู่การเปิดตลาดของประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ.2558 ในขณะที่มูลค่าทางการตลาดของวัคซีนทั่วโลกขณะนี้มีมากกว่า 21 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 16.3 แสนล้านบาท และมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 10 ปีที่ผ่านมา และนับตั้งแต่ปี 2005-2012 ตลาดวัคซีนเติบโตเพิ่มขึ้นจาก 10.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 18-20 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2017 ตลาดวัคซีนจะเติบโตถึง 32.21 พันล้านเหรียญสหรัฐ “ปัญหาการผลิตวัคซีนคือการวิจัยพัฒนาที่มีความยุ่งยาก ต้องใช้เวลานานและซับซ้อนมาก อีกทั้งความล้มเหลวในการวิจัยวัคซีนต่างๆยังสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกขั้นตอน ซึ่งเราต้องเริ่มทำตั้งแต่ต้นน้ำ วัคซีนที่ผลิตได้ต้องมีความปลอดภัย มีคุณภาพและประสิทธิภาพเพื่อออกขายสู่ตลาดได้ด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นกฎระเบียบเวลาที่เวลาเราจะจดทะเบียนก็มีขั้นตอนมากมาย ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย หรือแม้กระทั่งเครื่องมือที่เราใช้ก็ต้องให้ได้มาตรฐาน เพื่อให้วัคซีนที่ผลิตได้มีความถูกต้องไม่มีสิ่งแปลกปลอมเจือปน” ศ.(พิเศษ) ภญ.ดร.สุมนากล่าวอีกว่าการผลิตวัคซีนต้องทำทั้งเชิงรุกและเชิงรับโดยเชิงรุกต้องดูว่าเมื่อผลิตวัคซีนแล้ว เอกชนมีความสามารถในการแข่งขันหรือไม่ เพราะทุกวันนี้เด็กไทยเกิดน้อยลงทุกปี หากผลิตวัคซีนปีละล้านโดสจะนำไปขายให้ใคร จึงต้องมองตลาดในภูมิภาคที่มีอยู่ด้วย ส่วนเชิงรับต้องทำให้ภูมิภาคมีความร่วมมือกัน ซึ่งสถานเสาวภาเองก็ได้ส่งบุคลากรไปฝึกงานร่วมกับต่างประเทศ เพื่อเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ อุปกรณ์ที่ทันสมัยเพื่อนำมาปรับใช้กับโรงงานผลิตวัคซีนของเราด้วย ในมุมของสถานเสาวภาในฐานะที่มีภารกิจหลักในการผลิตวัคซีนบีซีจี ฝ่ายผลิตก็ต้องผลิตวัคซีนให้เพียงพอกับความต้องการของประเทศด้วย เพื่อนำไปใช้ในการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันวัณโรคให้แก่เด็กแรกเกิดทุกคน เพราะวัคซีนบีซีจีจัดอยู่ในประเภทวัคซีนพื้นฐาน (EPI vaccine) ตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนดและเป็นชีววัตถุที่ต้องมีการควบคุมกำกับคุณภาพตามมาตรฐานสากลโดยหน่วยงานของรัฐได้แก่ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ซึ่งได้มีการควบคุมตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตหรือ GMP สถานเสาวภาในฐานะผู้ผลิตก็ต้องขออนุญาตผลิตและขอขึ้นทะเบียนตำรับชีววัตถุและต้องขอรับการประเมินผลการตรวจ GMP จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาด้วย อีกทั้งต้องรับผิดชอบภารกิจรองในการผลิตน้ำยาทูเบอร์คูลิน (TRC-TUBERCULIN PPD) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทดสอบภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนบีซีจีและใช้ทดสอบร่วมกับการวินิจฉัยการติดเชื้อวัณโรคตามโรงพยาบาลต่างๆทั้งของรัฐและเอกชน และยังได้เตรียมงานด้านการวิจัยวัคซีนป้องกันวัณโรคชนิดใหม่ (New TB Vaccine) เพื่อที่จะพัฒนาวัคซีนให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันวัณโรคในประชากรไทยได้ดีกว่าวัคซีนบีซีจีชนิดที่ใช้อยู่ในปัจจุบันด้วย เพื่อนำไปใช้ทดแทนกันในอนาคต “สำหรับสิ่งที่เป็นความท้าทายต่อการพัฒนาวัคซีนในมุมมองของผู้ผลิตภายในประเทศ คือในเมื่อรัฐบาลได้มียุทธศาสตร์ต่อการพัฒนาระบบยาแห่งชาติโดยมีคณะกรรมการโดยตรง มีการพัฒนาทั้ง 4 ด้าน ทั้งด้านการเข้าถึงยา การใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล การพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตยา รวมถึงความปลอดภัยของยาและวัคซีน เมื่อรัฐบาลออกกฎระเบียบและยุทธศาสตร์ออกมาก็ต้องทำตามที่กำหนดไว้ด้วย และเมื่อเรากำลังจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) มีการเปิดเสรีทางการค้าและการแข่งขัน ในอนาคตเราไม่รู้เลยว่าจะมีวัคซีนอะไรที่จะผสมกันมากขึ้นเพราะวัคซีนมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่รวดเร็วเพื่อจะได้มีวัคซีนใหม่ๆ ที่มีคุณภาพดี รัฐบาลก็ควรจะกำหนดมาตรฐานและกฎระเบียบต่างๆเกี่ยวกับวัคซีนไว้ เช่นการจัดซื้อวัคซีน เราก็ต้องจัดซื้ออย่างโปร่งใสโดยมีการแข่งขันด้านคุณภาพคู่กับราคาที่ยุติธรรมด้วย” ศ.(พิเศษ) ภญ. ดร.สุมนา กล่าวสรุป -กผ- สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าวงานประชุมวิชาการ+การป้องกันโรควันนี้

ซีพีเอฟ หนุนนโยบาย Zero ASF ชู "ระบบไบโอซีเคียวริตี้" ป้องกันโรคสุกร ปลอดภัย 100%

ในงานประชุมวิชาการนานาชาติทางสัตวแพทย์และการเลี้ยงสัตว์ ครั้งที่ 45 (The International Conference On Veterinary Science 2022 : The ICVS 2022) คณาจารย์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ชำนาญการ ที่มีความเชี่ยวชาญระดับประเทศ เข้าร่วมเป็นวิทยากรบรรยาย ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม โดยหนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจ คือ การป้องกันโรค ASF ในสุกร ด้วย "ระบบไบโอซีเคียวริตี้" ซึ่งนอกจากจะช่วยป้องกันโรคต่างๆ ในสัตว์ได้แล้ว ยังช่วยให้ประเทศไทย ปลอดจากโรค ASF ด้วย สำหรับตัวอย่างภาคเอกชนที่ดำเนินการด้านการเฝ้าระวัง

นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ (กลาง) ประธานเ... MEDEZE ร่วมประชุม SMART ครั้งที่ 7 ยกระดับเวชศาสตร์ความงามไทยสู่มาตรฐานโลก — นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป ...

บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) "ซีเอ... "ซีเอ็ด อะคาเดมี" จัดงาน "Cambridge Associate Exclusive Meeting 2025" ครั้งที่ 4 — บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) "ซีเอ็ด" และ SE-ED ACADEMY ในฐานะ C...

รศ.ทพ.ดร. ศิริวิมล ศรีสวัสดิ์ (ที่ 5 จากซ... ประชุมวิชาการทันตแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ครั้งที่ 119 (1/2568) — รศ.ทพ.ดร. ศิริวิมล ศรีสวัสดิ์ (ที่ 5 จากซ้าย) นายกทันตแพทยสมาคมแห่งประเท...

ศูนย์ส่งเสริมและสนับสนุนมูลนิธิโครงการหลว... มจธ.ขอเชิญส่งบทความเข้าร่วมงานประชุมวิชาการความรู้และการวิจัยเพื่อสังคมที่เท่าเทียม : KRIS2025 — ศูนย์ส่งเสริมและสนับสนุนมูลนิธิโครงการหลวงและโครงการตามพร...

สมาคมสภาคณบดีคณะเทคโนโลยีสารสนเทศร่วมกับ ... คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรมดิจิทัล จัดประชุมวิชาการระดับชาติ NCCIT2025 และ IC2IT2025 — สมาคมสภาคณบดีคณะเทคโนโลยีสารสนเทศร่วมกับ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศแล...