ราคาทองคำในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น US$ 11.65 ต่อออนซ์ ปิดที่ระดับ US$1,236.16 ต่อออนซ์ (Gold spot) ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์การนำเข้าทองคำของประเทศจีนและกลุ่มกองทุนที่ปรับสถานะการลงทุนในช่วงต้นปีหลังราคาปรับตัวลงหนักในปีที่แล้ว ทังนี้การปราศรัยของประธานเฟดนายเบน เบอร์นันเก้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมายังคงมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯซึ่งทำให้มีการคาดการณ์ว่า FED อาจจะปรับลดวงเงิน QE เพิ่มเติมในปี 2014 นี้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯปรับแข็งค่าขึ้น สัปดาห์นี้ตลาดให้ความสนใจไปที่การเปิดเผยข้อมูลแรงงานสหรัฐฯและรายงานการประชุม FOMC เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าใกล้ระดับ 33.09 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ SPDR รายงานการถือครองทองคำคงที่ระดับ 794.62 ตัน
ราคาทองคำโลกเช้านี้ (Gold Spot) เคลื่อนไหวใกล้ระดับ US$1,240 โกลด์ฟิวเจอร์สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนกุมภาพันธ์ 2557 (GFG14) ราคาเปิดเช้านี้ที่ 19,660 บาท ส่วนราคาทองคำที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำวันนี้ ราคาเสนอซื้อ 19,350 บาท ราคาเสนอขาย 19,450 บาท เพิ่มขึ้น 100 บาท
แนวโน้มทองคำ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัดและผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ราคาทองคำในช่วงนี้ยังคงเป็นการฟื้นตัวจากแรงซื้อทางเทคนิคและช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน แต่ยังคงเคลื่อนไหวได้ไม่มากเนื่องจากแรงกดดันความกังวลที่ว่า FED จะชะลอมาตรการ QE เพิ่มเติมจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในประเทศยังต้องติดตามประเด็นทางการเมืองที่ยังเป็นแรงกดดันค่าเงินที่สำคัญซึ่งหนุนราคาทองคำในประเทศ โดยสัปดาห์นี้จับตาตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯและรายงานการประชุม FOMC ของเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ทางเทคนิค ราคายังฟื้นตัวต่อเนื่องโดยหากผ่านแนว US$1,250 ลุ้นแนวต้านสำคัญถัดไปบริเวณ US$1,270-80 แนวรับ US$1,220-1,200
GT Wealth Management
www.gtwm.co.th
TEL : 02-673-9911
ทิศทางราคาทองคำ ราคาทองคำค่อนข้างมีความผันผวนอย่างมากในคืนวันศุกร์ หลังจากสหรัฐฯประกาศตัวเลขการจ้างงานออกมาค่อนข้างดีมาก โดย Non-Farm Employment Change ปรับสูงขึ้นเกือบเท่าตัว จากเดิม 176,000 ตำแหน่ง เพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 312,000 ตำแหน่ง ขณะที่ราคาทองคำปรับร่วงลงเกือบ 10 เหรียญ ลงมาทำจุดต่ำสุดที่ 1276.52 เหรียญ แต่ในคืนวันศุกร์เช่นเดียวกัน จะมีการเสวนาร่วมกันระหว่างบรรดาประธานเฟด ซึ่งได้แก่ นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดคนปัจจุบัน ตามด้วยนางเจเน็ต เยลเลน และนายเบน เบอร์นันเก้ อดีตประธานเฟดทั้ง 2