สภาวะตลาดวันที่ 17 มกราคม 2557 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,239.70-1,244.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFG14 อยู่ที่ 19,420 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 30 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,390 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVG14 อยู่ที่ 671 บาท โดยราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 671 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.48 น.ของวันที่ 17/01/14)
แนวโน้มวันที่ 20 มกราคม 2557
นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวถึงมาตรการตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำและมาตรการเข้าซื้อตราสารหนี้ว่าก่อให้เกิดประโยชน์ในช่วงที่ผ่านมาและกล่าวว่ามาตรการทั้งสองไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหาย เฟด สร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำต่อไป เป็นเวลานาน ซึ่งเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับใกล้ 0 % ต่อไป เป็นเวลาอีกนานหลังจากอัตราการว่างงานร่วงลงสู่ 6.5 % ไปแล้ว โดยเฉพาะถ้าหากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 2 % ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานของสหรัฐขยับขึ้นเพียง 0.1 % ในเดือนธันวาคม ซึ่งบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ และมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดจับตามองอยู่ในระดับเพียงแค่ 1.1 % ต่อปีซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2 % และปัจจัยนี้ ส่งผลบวกต่อราคาทองคำ แต่อย่างไรก็ตามราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบโดยนักลงทุนบ้างส่วนรอดูอยู่นอกตลาดเนื่องจากไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในจันทร์ขณะที่ตลาดหุ้น, ตลาดการเงิน และหน่วยงานราชการสหรัฐปิดทำการเนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนเพิ่มความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ส่งผลให้ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันและมีแรงขายออกมาประกอบกับการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ทองคำมีราคาแพงมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าแนวโน้มราคาทองคำอาจมีการดีดตัวขึ้นอีกครั้ง โดยบริเวณแนวต้านโซน 1,250-1,252 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้หรือไม่สามารถดีดตัวขึ้นได้ ก็จะเกิดแรงขายออกมาเช่นเดิม
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,250-1,252 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้จะทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงมา โดยหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับ 1,230-1,233 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าราคาน่ากลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านอีกครั้ง แต่หากยืนไม่ได้ต้องระมัดระวังแรงขายที่ออกมาอาจทำให้ราคาย่อตัวลงสู่แนวรับถัดไป สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือรอดูบริเวณ 1,230-1,233 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนได้อย่างมั่นคงถือเป็นจุดซื้อเก็งกำไรระยะอีกครั้ง แต่หากราคาหลุดแนวรับ 1,223-1,220 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,233 (19,120บาท) 1,223 (18,970บาท) 1,213 (18,820บาท)
แนวต้าน 1,252 (19,420บาท) 1,262 (19,570บาท) 1,275 (19,780บาท)
GOLD FUTURES (GFG14)
แนวรับ 1,233 (19,310บาท) 1,223 (19,160บาท) 1,213 (19,000บาท)
แนวต้าน 1,252 (19,610บาท) 1,262 (19,760บาท) 1,275 (19,970บาท)
SILVER FUTURES (SVG14)
แนวรับ 19.80 (664 บาท) 19.55 (656 บาท) 19.40 (651 บาท)
แนวต้าน 20.25 (679 บาท) 20.60 (690 บาท) 20.85 (699 บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999 และการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร.02-687-9888
สนใจลงทุนทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส สามารถติดตามสัมมนาทุกสัปดาห์ได้ที่ www.ylgbullion.co.th หรือ www.ylgfutures.co.th สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9999 ต่อ 4148
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.48 น.ของวันที่ 17/01/14)
แนวโน้มวันที่ 20 มกราคม 2557
นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวถึงมาตรการตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำและมาตรการเข้าซื้อตราสารหนี้ว่าก่อให้เกิดประโยชน์ในช่วงที่ผ่านมาและกล่าวว่ามาตรการทั้งสองไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหาย เฟด สร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำต่อไป เป็นเวลานาน ซึ่งเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับใกล้ 0 % ต่อไป เป็นเวลาอีกนานหลังจากอัตราการว่างงานร่วงลงสู่ 6.5 % ไปแล้ว โดยเฉพาะถ้าหากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 2 % ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานของสหรัฐขยับขึ้นเพียง 0.1 % ในเดือนธันวาคม ซึ่งบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ และมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดจับตามองอยู่ในระดับเพียงแค่ 1.1 % ต่อปีซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2 % และปัจจัยนี้ ส่งผลบวกต่อราคาทองคำ แต่อย่างไรก็ตามราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบโดยนักลงทุนบ้างส่วนรอดูอยู่นอกตลาดเนื่องจากไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในจันทร์ขณะที่ตลาดหุ้น, ตลาดการเงิน และหน่วยงานราชการสหรัฐปิดทำการเนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนเพิ่มความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ส่งผลให้ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันและมีแรงขายออกมาประกอบกับการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ทองคำมีราคาแพงมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าแนวโน้มราคาทองคำอาจมีการดีดตัวขึ้นอีกครั้ง โดยบริเวณแนวต้านโซน 1,250-1,252 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้หรือไม่สามารถดีดตัวขึ้นได้ ก็จะเกิดแรงขายออกมาเช่นเดิม
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,250-1,252 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้จะทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงมา โดยหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับ 1,230-1,233 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าราคาน่ากลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านอีกครั้ง แต่หากยืนไม่ได้ต้องระมัดระวังแรงขายที่ออกมาอาจทำให้ราคาย่อตัวลงสู่แนวรับถัดไป สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือรอดูบริเวณ 1,230-1,233 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนได้อย่างมั่นคงถือเป็นจุดซื้อเก็งกำไรระยะอีกครั้ง แต่หากราคาหลุดแนวรับ 1,223-1,220 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,233 (19,120บาท) 1,223 (18,970บาท) 1,213 (18,820บาท)
แนวต้าน 1,252 (19,420บาท) 1,262 (19,570บาท) 1,275 (19,780บาท)
GOLD FUTURES (GFG14)
แนวรับ 1,233 (19,310บาท) 1,223 (19,160บาท) 1,213 (19,000บาท)
แนวต้าน 1,252 (19,610บาท) 1,262 (19,760บาท) 1,275 (19,970บาท)
SILVER FUTURES (SVG14)
แนวรับ 19.80 (664 บาท) 19.55 (656 บาท) 19.40 (651 บาท)
แนวต้าน 20.25 (679 บาท) 20.60 (690 บาท) 20.85 (699 บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999 และการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร.02-687-9888
สนใจลงทุนทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส สามารถติดตามสัมมนาทุกสัปดาห์ได้ที่ www.ylgbullion.co.th หรือ www.ylgfutures.co.th สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9999 ต่อ 4148
KTX คาดกระแสเงินทุนโลกจะไหลออกจากสหรัฐฯ มุ่งสู่เอเชีย หนุนเป้าหมาย SET ที่ 1,640 จุด
บลจ. ไทยพาณิชย์ เปิดตัว Thai ESG น้องใหม่ กองทุน SCBTD(ThaiESG) โอกาสลงทุนหุ้นไทยปันผลที่โดดเด่นด้าน ESG เปิด IPO วันที่ 5 - 11 พ.ย. 67
ดอกเบี้ยขาลง หนุน 4 สินทรัพย์กำไรติดปีก ธ.ทิสโก้ฟันธง เหมาะลงทุนไตรมาส 4 ฝ่าตลาดผันผวน
ทิสโก้แนะกระจายซื้อ "บอนด์สั้น" หวั่นหุ้นสหรัฐฯ ปรับฐาน
ทิสโก้เผย Fed ลดดอกเบี้ยมากกว่าคาด ชี้! ปีนี้อาจลดต่ออีก 0.5% และปี 68 ลงอีก 1 - 1.25%
ลจ. ไทยพาณิชย์ จัดเต็ม! ชุดเซตกองทุนลดหย่อนภาษีสุดคุ้ม รวมครบกองทุน Thai ESG - RMF - SSF พร้อมโปรโมชัน Fund Back สูงสุด 1,600 บาท(*) เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2567 ถึง 30 ธันวาคม 2567
ระลอกคลื่นของปี 2023: ข้อมูลเชิงลึกของ FBS เกี่ยวกับแนวโน้มทางการเงินทั่วโลกในปี 2024
KKP ออกรายงาน The Year Ahead 2024 แนะนำเพิ่มการลงทุนหุ้นไทยครั้งแรกในรอบ 15 ปี และมองตราสารหนี้คุณภาพสูงในต่างประเทศ (Investment Grade Bond) โดดเด่น