ส.อ.ท. จับมือ องค์กรชั้นนำร่วมจัดโครงการ “การขยายผลส่งเสริมการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กรในภาคอุตสาหกรรม” พร้อมเปิดตัว 35 องค์กร นำร่อง มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคอุตสาหกรรม
          สถาบันสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมกับ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และองค์กรนำร่องภาคอุตสาหกรรม จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการโครงการ “การขยายผลการส่งเสริมการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรในภาคอุตสาหกรรม” และร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในวันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม 2557 ณ ห้องประชุม 405 ชั้น 4 ศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช.ปทุมธานี เพื่อขยายผลให้มีการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรในภาคอุตสาหกรรม และวิเคราะห์แหล่งการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมต่างๆ ขององค์กร (Hot Spot) และหาแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรภาคอุตสาหกรรม อีกทั้งจัดให้มีการทวนสอบและรับรองผลการคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์การภาคอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมโครงการและสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบทวนสอบ โดยมีโรงงานอุตสาหกรรมเข้าร่วมเป็นองค์กรนำร่อง 35 แห่ง มีระยะเวลาดำเนินการ 11 เดือน (พฤศจิกายน 2556 – ตุลาคม 2557) ซึ่งโครงการนี้เป็นการขยายผลการดำเนินงานจากโครงการส่งเสริมการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรในภาคอุตสาหกรรม ในปี 2556 ที่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ได้ดำเนินโครงการร่วมกัน โดยมีองค์กรนำร่องภาคอุตสาหกรรมที่ร่วมดำเนินโครงการและได้รับการรับรองผลการประเมินค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรจาก อบก. จำนวนทั้งสิ้น 26 แห่ง
          จากผลกระทบของภาวะโลกร้อน ทำให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกตื่นตัวในการดำเนินงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แนวคิดการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization: CFO หรือ Corporate Carbon Footprint: CCF) เป็นวิธีการประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยจากกิจกรรมทั้งหมดขององค์กรและคำนวณออกมาในรูปคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า อันจะนำไปสู่การกำหนดแนวทางการบริหารจัดการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในระดับหน่วยงาน บริษัทหรือโรงงาน ระดับอุตสาหกรรม และระดับประเทศ
          การจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรเป็นวิธีในการแสดงข้อมูลปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยจากการดำเนินงานขององค์กร เพื่อส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมซึ่งเป็นภาคส่วนที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมาก มีการคำนวณข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโรงงานและจัดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้กับภาคอุตสาหกรรมในการเข้าสู่ระบบการซื้อขายใบอนุญาตปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emission Trading Scheme) ในกรณีที่ประเทศไทยต้องกำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตลอดจนการพัฒนาระบบการรับรองและทวนสอบข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กรของประเทศ อันจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรในประเทศไทยในการบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
          สำหรับโครงการการขยายผลการส่งเสริมการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรในภาคอุตสาหกรรม เป็นกิจกรรมที่สำคัญกิจกรรมหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาให้เกิดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรม โดยประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมทั้งหมดขององค์กร คำนวณออกมาในรูปคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าในเชิงปริมาณเป็นกิโลกรัมหรือตัน และนำข้อมูลที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาองค์กรให้เกิดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยครั้งนี้เป็นการเน้นกลุ่มเป้าหมาย โรงงานอุตสาหกรรมที่มีการใช้พลังงานสูง ได้แก่ อุตสาหกรรมเหล็ก อุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมผู้ผลิตไฟฟ้า อุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม อุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษ อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมแก้วและกระจก อุตสาหกรรมเซรามิกส์ อุตสาหกรรมอโลหะ และอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ เป็นต้น โดยมีโรงงานอุตสาหกรรมเข้าร่วมเป็นองค์กรนำร่อง 35 แห่ง เพื่อส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถคำนวณค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์และลดก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมชององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนมีความพร้อมที่จะเข้าสู่ระบบการซื้อขายใบอนุญาตปล่อยก๊าซเรือนกระจกหากมีการพัฒนาขึ้นมาในอนาคต และมีแนวทางในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรมได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาพรวมระดับประเทศลดลง
          “สำหรับการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในครั้งนี้ จะเป็นการเปิดตัว 35 องค์กรนำร่อง ที่ได้รับคัดเลือกจากบริษัทที่สนใจสมัครเข้าร่วมประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร ซึ่งจะเป็นสื่อกลางให้ทุกภาคส่วนเห็นถึงความสำคัญของการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจากองค์กรนั้นๆ นอกจากจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้กับผู้ประกอบการและธุรกิจของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกได้แล้ว ยังแสดงถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของตนให้สามารถบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนได้ และมีการดำเนินงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นจุดเริ่มต้นที่จะช่วยสนับสนุน และเป็นต้นแบบสำหรับองค์กรและหน่วยงานอื่นๆ ในการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร เพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงการดำเนินงานขององค์กรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนต่อไป” 
          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 
          โทร. 0-2345-1017 โทรสาร 0-2345-1296-9
                    
                            
                            บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สาขาตรัง ได้รับการรับรองเป็น "องค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก (CALO)"
                        
                            บริษัท ศรีตรัง รับเบอร์ แอนด์ แพลนเทชั่น จำกัด คว้ารางวัล "โครงการคาร์บอนเครดิตยอดเยี่ยมภาคเกษตร" ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่เกษตรกรรมยั่งยืน
                        
                            แม่กระทิงเพาเวอร์ จำกัด คว้ารางวัลโครงการรับรองคาร์บอนเครดิต ปี 2568 ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
                        
                            "เจียไต๋" รับมอบประกาศนียบัตรฉลากคาร์บอน ตอกย้ำผู้นำนวัตกรรมเกษตรเพื่อความยั่งยืน
                        
                            'เวฟ บีซีจี' ควง 'พีทีจี' รับรางวัล 'Premium T-VER Award' จาก อบก. ตอกย้ำความมุ่งมั่นผู้นำและพัฒนา สร้างคาร์บอนเครดิตระดับสากล
                        
                            PTG คว้ารางวัล Premium T-VER Award
                        
                            บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น โรงไฟฟ้าในเครือ CKPower รับประกาศนียบัตรฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นต์
                        
                            DEXON รับมอบฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร จากTGO ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่ Net Zero
                        
                            อีมิแน้นท์แอร์ คว้า 2 มาตรฐานใหญ่ด้านสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำผู้นำแอร์ไทยรักษ์โลก