“ทิศทางพลังงานของประเทศไทยกำลังเดินมาถึงทางแยกที่สำคัญ ประชาชนกำลังจับตามองการตัดสินใจของผู้นำประเทศว่าจะทำอนาคตพลังงานไปในทิศทางใด ระหว่างยึดติดกับเชื้อเพลิงถ่านหินที่สกปรกหรือพัฒนาไปสู่ระบบพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและปลอดภัย” นายธารา บัวคำศรี ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าว “การเสนอแผนโครงการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเทียบเรือขนถ่ายถ่านหินที่กระบี่ที่นั้นเป็นการเลือกที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง”
โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกำลังผลิต 870 เมกะวัตต์ เป็นโครงการภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP 2010 ปรับปรุงครั้งที่ 3) ดำเนินการโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บนพื้นที่โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนที่มีอยู่เดิมในตำบลปกาสัย อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ซึ่งปัจจุบันผลิตกระแสไฟฟ้าจากน้ำมันเตา ในขณะนี้โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเทียบเรือขนถ่านหินอยู่ในระหว่างกระบวนการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) โดยมีแผนจะเริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2558 และเริ่มจ่ายกระแสไฟฟ้าในปี พ.ศ. 2562
“ประโยชน์โดยรวมที่จะเกิดขึ้นจากโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จะสร้างขึ้นที่กระบี่ ไม่มีทางที่จะมาชดเชยความสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจ วิถีชีวิตและการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ได้เลย กระบี่นอกจากจะเป็นศูนย์กลางความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลของภูมิภาคแล้ว ยังเป็นแหล่งชีวิตความเป็นอยู่และแหล่งรายได้ของคนในท้องถิ่น มูลค่าการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศบริเวณปากแม่น้ำกระบี่ (1) เพื่อการสันทนาการและการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียวอยู่ที่ 9.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 311 ล้านบาท) ต่อปี โดยข้อมูลดังกล่าวยังไม่รวมผลประโยชน์ที่เป็นตัวเงินจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น การทำเกษตรกรรม การเพาะเลี้ยงชายฝั่งและการประมง” นายธารา กล่าวเพิ่มเติม
รายงาน “กระบี่บนทางแพร่ง : ถ่านหินสกปรก หรือ ระบบพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด” อธิบายถึงแผนการของรัฐบาลและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเพื่อขยายโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จังหวัดกระบี่แม้ว่ากระบวนการจัดทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพนั้นประสบความล้มเหลว และทั้งๆที่จังหวัดกระบี่เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญด้านความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล และมีพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ รายงานยังระบุถึงผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจท้องถิ่น ผลกระทบที่เคยเกิดขึ้นในอดีตจากโรงไฟฟ้าถ่านหินเก่าของจังหวัดกระบี่ ความล้มเหลวของการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ที่สำคัญ รายงานได้นำเสนอข้อเสนอเชิงนโยบายด้านทางออกระบบพลังงานหมุนเวียนแบบกระจายศูนย์และผสมผสาน (decentralized Hybrid Renewable Energy System) (2)
“จังหวัดกระบี่มีศักยภาพในการเป็นต้นแบบและเป็นผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียนของประเทศ โดยสามารถพัฒนาระบบพลังงานหมุนเวียนแบบกระจายศูนย์และผสมผสานจากศักยภาพพลังงานที่มีในท้องถิ่น เช่น ชีวมวล ก๊าซชีวภาพ แสงอาทิตย์และลม” ผศ. ดร. จอมภพ แววศักดิ์ หัวหน้าศูนย์วิจัยด้านพลังงานลมและแสงอาทิตย์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยพลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง กล่าว
“ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ริเริ่มนโยบายสนับสนุนการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน มีโครงการมากมายที่สนับสนุนผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) และผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) ทำให้ดึงดูดนักลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียน เนื่องจากนักลงทุนสามารถเห็นสภาวะที่คาดการณ์ได้ในการขายไฟฟ้าให้แก่ภาครัฐ การริเริ่มดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการขยายให้เกิดการลงทุนในวงกว้าง และภาครัฐควรให้การส่งเสริม” ผศ.ดร. จอมภพกล่าวเสริม
กรีนพีซเชื่อว่าการพัฒนาระบบพลังงานหมุนเวียนแบบผสมผสานที่กระบี่เป็นทางออกที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ทั้งการปกป้องสภาพภูมิอากาศ ตอบสนองความต้องการไฟฟ้าในพื้นที่ ปกป้องสุขภาพของประชาชน การประมง และการเกษตร ส่งเสริมการสร้างงาน สร้างความเป็นธรรมทางพลังงาน และให้โอกาสในการขยายตัวของการลงทุนของภาคธุรกิจไทย ไม่ใช่การพึ่งพิงเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างถ่านหินที่ไม่ปลอดภัย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ไม่ก่อให้เกิดความมั่นคงทางพลังงานทั้งในระดับท้องถิ่นและในระดับประเทศ
กรีนพีซยื่นข้อเสนอเชิงนโยบาย ดังนี้
- การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยและรัฐบาลภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยกเลิกโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่ เพื่อรักษาพื้นที่ชุ่มน้ำที่เปราะบาง และระบบนิเวศวิทยาทางทะเลอันอุดมสมบูรณ์ที่ซึ่งประชาชนนับล้านคนพึ่งพาอาศัยทรัพยากรอันมีค่านี้
- รัฐบาลดำเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงานปี 2554-2573 และแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกปี 2555-2564 และเพื่อเป็นการสนับสนุนแผนทั้งสองนี้ควรพิจารณาวางกลไกที่ละเอียดรอบคอบเช่น ร่างกฎหมายพลังงานหมุนเวียน
- รัฐบาลควรมุ่งไปที่การพัฒนาพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและปลอดภัยในจังหวัดกระบี่ ภาครัฐและกฟผ.ในจังหวัดกระบี่สามารถดำเนินการตามแผน 5 ขั้นตอน นั่นคือ 1) ประเมินทรัพยากรพลังงานหมุนเวียน 2) ประมาณความต้องการใช้ไฟฟ้า 3) กำหนดสัดส่วนแหล่งกำเนิดไฟฟ้า 4) ออกแบบเครือข่าย และ 5) พิจารณาระบบควบคุมเพื่อนำพลังงานหมุนเวียนมาเพื่อประชาชน
หมายเหตุ
(1) รายงาน Assessing the Value of Krabi River Estuary Ramsar Site Conservation and Development โดย เพ็ญพร เจนการกิจ ARE Working Paper No. 2553/4, ธันวาคม 2553. http://core.kmi.open.ac.uk/download/pdf/6262443.pdf
(2) ระบบพลังงานหมุนเวียนแบบกระจายศูนย์และผสมผสาน คือ การผลิตพลังงานจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนสองแหล่งขึ้นไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานและสร้างความสมดุลของแหล่งพลังงาน พลังงานไฟฟ้าผลิตมาจากเทคโนโลยีผลิตพลังงานสองรูปแบบที่ให้กระแสไฟฟ้าและพลังงานความร้อน (บางครั้งพลังงานความเย็น) ส่งกระจายผ่านเครือข่ายชุมชน
(3) สามารถดาวน์โหลดรายงาน “กระบี่บนทางแพร่ง: ถ่านหินสกปรก หรือ ระบบพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด” ได้ที่ http://www.greenpeace.org/seasia/th/press/reports/Krabi-at-the-Crossroads/
KBank ผนึก แสนสิริ - EGAT - INNOPOWER - ION สนับสนุนลูกบ้านสร้างรายได้จากโซลาร์ ผ่านแพลตฟอร์ม GreenPass
ยูโอบี และ กสิกรไทย สนับสนุนสินเชื่อสีเขียวแก่ Levanta Renewables เข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 34 โครงการ ในประเทศไทย
TSE โชว์กำไร 100 ล้านบาท! ลุยขยายพอร์ตโรงไฟฟ้าขยะ-โซลาร์ชุมชน
เปิดงาน IEEE PES GTD Asia 2025
SUPER สตรอง! ทริสฯ คงเครดิตองค์กรระดับ "BBB" ตอกย้ำคุณภาพพอร์ตโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ 1.4 GW หนุนกระแสเงินสดมั่นคง เดินหน้าขยายการลงทุน ดันอนาคตเติบโตยั่งยืน
NPS เปิดบ้านต้อนรับ กลุ่มผู้นำชุมชน เยี่ยมชมโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ
ฮิตาชิ เอนเนอร์ยี่ พลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานของประเทศไทย สู่ Net Zero
Carbon Markets Club ลงนามข้อตกลงกับตลาดคาร์บอนนานาชาติมาเก๊า (MEX) ร่วมเชื่อมโยงและเสริมสร้างศักยภาพตลาดคาร์บอนในเอเชีย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำในภูมิภาค
GPSC จับมือ GCL ร่วมศึกษาพัฒนา Data Center และพลังงานสะอาด พร้อมเพิ่มมูลค่าจากโครงข่ายไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพสูงสุด สนับสนุน AI ภาคพลังงานและอุตสาหกรรม