อันดับตามจำนวนหน่วย
จากจำนวนบริษัททั้งหมดประมาณ 400 บริษัท สามารถจัดเรียงตามจำนวนหน่วยที่เปิดตัวใหม่ในครึ่งปีแรกของปี 2557 ได้ ทั้งนี้สำหรับอับดับตามจำนวนหน่วยเป็นดังนี้
อันดับ |
ชื่อบริษัท |
จำนวนโครงการ |
จำนวนหน่วยเปิดใหม่ |
สัดส่วนจากทั้งตลาด |
1 |
บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท |
32 |
9,116 |
18.30% |
2 |
บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลอปเมนท์ |
5 |
6,448 |
12.90% |
3 |
บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) + เอพี เอ็มอี (กรุงเทพ) |
11 |
3,238 |
6.50% |
4 |
บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ |
8 |
2,660 |
5.30% |
5 |
บมจ.แสนสิริ |
5 |
2,308 |
4.60% |
6 |
บจก.แกรนด์ยูนิตี้ดิเวลล็อปเมนท์ (บมจ.ยูนิเวนเจอร์ TCC) |
3 |
2,163 |
4.30% |
7 |
บมจ.ศุภาลัย |
4 |
1,872 |
3.80% |
8 |
บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ + คาซาวิลล์ + กัสโตวิลเลจ |
5 |
1,232 |
2.50% |
9 |
บจก.รื่นฤดีดีเวลล็อปเมนท์ |
3 |
1,011 |
2.00% |
10 |
บจก.พนาสนธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ |
1 |
909 |
1.80% |
11 |
บจก.ไอริสกรุ๊ป |
1 |
900 |
1.80% |
12 |
บมจ.เจ. เอส. พี. พร็อพเพอร์ตี้ |
1 |
874 |
1.80% |
13 |
บจก.สิรารมย์7 |
2 |
647 |
1.30% |
14 |
บจก.สยามนุวัตร |
1 |
622 |
1.20% |
15 |
บจก.วี.วี.พร๊อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป |
1 |
585 |
1.20% |
16 |
บมจ.อีสเทอร์นสตาร์เรียลเอสเตท |
1 |
554 |
1.10% |
17 |
บจก.เคหะกำจร |
1 |
546 |
1.10% |
18 |
บจก.กานดาเดคคอร์ |
2 |
541 |
1.10% |
19 |
บจก.พิศาลแลนด์ |
1 |
479 |
1.00% |
20 |
บจก.อัลไบร์ทโฮลดิ้งส์ |
1 |
471 |
0.90% |
ส่วนหากพิจารณาจากมูลค่าของหน่วยขายที่เปิดใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 จะสามารถอับดับตามมูลค่าได้ ดังนี้
อันดับ |
ชื่อบริษัท |
มูลค่า (ล้านบาท) |
สัดส่วนจากทั้งตลาด |
1 |
บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท |
22,576 |
16.40% |
2 |
บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) + เอพี เอ็มอี (กรุงเทพ) |
13,841 |
10.00% |
3 |
บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ |
12,555 |
9.10% |
4 |
บมจ.แสนสิริ |
7,737 |
5.60% |
5 |
บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลอปเมนท์ |
7,562 |
5.50% |
6 |
บ.แกรนด์ยูนิตี้ดิเวลล็อปเมนท์ (บมจ.ยูนิเวนเจอร์ TCC) |
6,608 |
4.80% |
7 |
บมจ.ศุภาลัย |
4,329 |
3.10% |
8 |
บจก.สยามนุวัตร |
3,638 |
2.10% |
9 |
บจก.อัลไบร์ทโฮลดิ้งส์ |
2,889 |
1.80% |
10 |
บจก.รื่นฤดีดีเวลล็อปเมนท์ |
2,529 |
1.20% |
11 |
บมจ.ปริญสิริ |
2,126 |
1.50% |
12 |
บมจ.อีสเทอร์นสตาร์เรียลเอสเตท |
1,896 |
1.40% |
13 |
บจก.พนาสนธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ |
1,710 |
1.20% |
14 |
บจก.เฟรเกรนท์พร็อพเพอร์ตี้ |
1,625 |
0.90% |
15 |
บจก.กานดาเดคคอร์ |
1,307 |
0.80% |
16 |
บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ + คาซาวิลล์ + กัสโตวิลเลจ |
1,232 |
2.50% |
17 |
บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ |
1,157 |
0.80% |
18 |
บจก.วี.เอ็ม.พี.ซี. |
1,142 |
0.70% |
19 |
บจก.ไอริสกรุ๊ป |
990 |
0.70% |
20 |
บจก.พิศาลแลนด์ |
905 |
0.60% |
จะเห็นได้ว่าบริษัทที่ใหญ่ที่สุดก็คือ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท โดยมีนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์เป็นประธานคณะกรรมการ ทั้งนี้มีหน่วยขายเปิดใหม่ 9,116 หน่วย จาก 32 โครงการ หรือมีสัดส่วนถึง 18.3% ของทั้งตลาด หรือเกือบหนึ่งในห้าของทั้งตลาด และหากพิจารณาจากมูลค่าที่เปิดใหม่ ณ 22,576 ล้านบาท ก็จะมีสัดส่วน 16.4% ของทั้งตลาด หรือหนึ่งในหกของทั้งตลาดนั่นเอง
ในแง่ของจำนวนหน่วย บริษัท 10 อันดับแรก ครองส่วนแบ่งในตลาดถึง 62.1% แต่ในแง่มูลค่าครองอยู่ 59.6% และเมื่อพิจารณารวม 20 บริษัทแรก ปรากฏว่า 74.6% หรือสามในสี่อยู่ในมือของผู้ประกอบการ 20 รายแรก แต่ในแง่มูลค่า 20 รายแรกครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ 70.8% สถานการณ์ในยามนี้ จึงยังไม่ค่อยมีบริษัทขนาดเล็กลงแข่งขันมากนัก เพราะสถานการณ์ยังมีความไม่มั่นคงพอสมควร ในอนาคต หากสถานการณ์ดีขึ้นคงจะมีบริษัทเข้ามาในตลาดที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น
อาจกล่าวได้ว่าขนาดของ บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท มีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวมกันมากกว่าการเคหะแห่งชาติที่เป็นรัฐวิสาหกิจเสียอีก (หากไม่นับรวมจำนวนที่อยู่อาศัยที่อยู่ในโครงการปรับปรุงชุมชนแออัด และบ้านในโครงการเอื้ออาทร) เป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์มากที่บริษัทแห่งนี้เติบโตขึ้นมาในระยะ 20 ปีที่ผ่านมาจากบริษัทรับเหมาสร้างบ้านให้บริษัทมหาชนรายใหญ่ในสมัยก่อน และทำโครงการราคาถูกในระยะแรก ๆ จะก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทอันดับหนึ่งติดต่อกันมาหลายปี
อาจกล่าวได้ว่าบริษัทพัฒนาที่ดินไทยทั้งบริษัทมหาชนและบริษัทเอกชนทั่วไปสามารถแบกรับภาระการจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนโดยรัฐบาลไม่ต้องใช้เงินภาษีอากรเข้าอุดหนุน หรือเป็นทุนในการดำเนินการเช่นในกรณีรัฐวิสาหกิจ อีกทั้งยังสามารถสร้างกำไรได้ดี จนเป็นบริษัทชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์หลายแห่ง
รัฐบาลจึงควรส่งเสริมการพัฒนาที่อยู่อาศัยของภาคเอกชน รวมทั้งการร่วมมือกันจัดหาที่ดินเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัของภาคเอกชนมากกว่าที่จะดำเนินการเอง ยกเว้นโครงการปรับปรุงชุมชนแออัด หรือโครงการที่จำเป็นอื่น ๆ