โรคแบคทีเรียกินเนื้อ โรคติดเชื้อที่อันตรายถึงชีวิต

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย เตือนโรคแบคทีเรียกินเนื้อ ถึงแม้จะเป็นโรคที่พบได้น้อย แต่อันตรายมาก ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ถ้ารับการรักษาไม่ทันท่วงที
          พญ. จรัสศรี ฬียาพรรณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และสมาชิกสามัญ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวว่าตามที่มีข่าวกรณีชายถูกเงี่ยงปลาตำ มีเนื้อเยื่อเน่าตาย มีการติดเชื้อในกระแสเลือด แล้วเสียชีวิต จากโรคแบคทีเรียกินเนี้อนั้น โรคนี้คีออะไรกันแน่ อันตรายมากน้อยแค่ไหน และจะป้องกันได้อย่างไร ซึ่งทางสมาคมแพทย์ผิวหนังฯเป็นห่วงเรื่องนี้อย่างยิ่ง สำหรับ แบคทีเรียกินเนื้อ (flesh-eating disease) หรือศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่า necrotizing fasciitis เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังชั้นลึก ตั้งแต่ชั้นหนังกำพร้า ชั้นหนังแท้ ชั้นไขมัน ลงไปจนถึงชั้นเนื้อเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ (fascia) เป็นภาวะที่พบได้น้อยมาก มักพบในผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันต่ำ มีโรคเบาหวาน หรือโรคตับแข็ง การติดเชื้อมักพบหลังประสบอุบัติเหตุทำให้เกิดแผลและสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่มีเชื้อแบคทีเรีย จะมีอาการและอาการแสดงรุนแรง มักมีไข้ ปวดบวม แดงร้อนบริเวณบาดแผล การวินิจฉัยและรักษาในระยะต้นของโรคจะสามารถลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยลงได้

สาเหตุของโรคนี้ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียได้หลายชนิด ได้แก่ Group A streptococcus (Streptococcus pyogenes), Staphylococcus aureus, Clostridium perfringens, Bacteroides fragilis, Aeromonas hydrophila โดยแบ่งเป็น 2 ชนิด ชนิดที่แรก เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียหลายชนิดร่วมกัน และชนิดที่สอง เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดเดียว ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเกิดจากการติดเชื้อหลายชนิดร่วมกัน ในอดีตการติดเชื้อชนิดเดียวมักเกิดจาก group A streptococcus และ Staphylococcus spp. แต่ปัจจุบันพบว่าเกิดจากเชื้อ methicillin-resistant Staphylococcus aureus (MRSA) เพิ่มมากขึ้น ลักษณะอาการแสดงที่พบในระยะแรก คือ มีอาการเจ็บปวดบวม แดง ร้อน ที่ผิวหนังอย่างมาก โดยมักพบบ่อยที่บริเวณแขนและขา อาการบวมแดงจะลามอย่างรวดเร็ว อาจมีตุ่มน้ำร่วมด้วย ต่อมาสีของผิวหนังจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงและมีเนื้อตายเกิดขึ้น เมื่อมีเนื้อตายเกิดขึ้นผู้ป่วยอาจมีอาการชามาแทนที่อาการเจ็บปวด มักจะมีไข้สูงและการติดเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือดร่วมด้วย ผู้ป่วยอาจเกิดภาวะช็อคและมีการทำงานของตับไตที่ลดลง

พญ. จรัสศรี กล่าว่า การวินิจฉัยที่สำคัญ คือ การผ่าตัด โดยจะพบว่ามีการติดเชื้อหรือการตายของเนื้อเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ ร่วมถึงการตัดชื้นเนื้อส่งเพาะเชื้อเพื่อหาเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรค ทั้งนี้ต้องทำการวินิจฉัยแยกโรคจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่น, เชื้อวัณโรคชนิดอื่น และโรคเส้นเลือดอักเสบรุนแรงที่อาจทำให้เกิดเนื้อตายได้ ส่วนการรักษา ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาล การรักษาเฉพาะ คือ การใช้ยาต้านจุลชีพในรูปยาฉีดร่วมกับการผ่าตัด ด้านการพยากรณ์โรค ผู้ป่วยโรคนี้มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 17-49 % ขึ้นกับโรคประจำตัวของผู้ป่วยและบริเวณของการติดเชื้อ ถ้าผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันต่ำ เป็นโรคเบาหวาน หรือเป็นโรคตับแข็ง จะทำให้มีโอกาสที่เชื้อจะลุกลามอย่างรวดเร็ว ส่วนบริเวณของการติดเชื้อที่กว้างหรือลึกมากจะทำให้ผู้ป่วยมีอัตราการเสียชีวิตที่มากขึ้น พบว่าการวินิจฉัยโรคและการรักษาตั้งแต่ระยะต้นของโรคสามารถลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยได้

คำแนะนำในการดูแลเบื้องต้นและการป้องกันโรค นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ได้แก่ การป้องกันและระมัดระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุมีบาดแผลที่ผิวหนัง แต่ถ้ามีบาดแผลที่ผิวหนังแล้วต้องไม่ให้บาดแผลไปสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่สกปรก ควรล้างทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาดหรือสบู่ทันที ไม่ควรบ่งด้วยเข็มหรือกรีดเปิดแผลด้วยตัวเอง เนื่องจากอุปกรณ์ที่ไม่สะอาดจะส่งเสริมการติดเชื้อให้เพิ่มมากขึ้น, ถ้าบาดแผลที่ผิวหนังมีอาการปวดบวมแดงร้อน หรือมีไข้ ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาโดยทันที, สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ โรคเบาหวาน โรคตับแข็ง เมื่อมีบาดแผลจะมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ จะต้องให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
          หากต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับโรคแบคทีเรียกินเนื้อ สามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ของสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย www.dst.or.th หรือ http://www.dst.or.th/html/index.php?op=article-detail&id=1220&cid=12#.U9RvauOSz5t

โรคแบคทีเรียกินเนื้อ โรคติดเชื้อที่อันตรายถึงชีวิต

ข่าวสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย+คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลวันนี้

สมาคมแพทย์ผิวหนังฯ จัดงานประชุมกลางปี 2565 "Back to The Future In Practical Dermatology"

สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ขอเชิญแพทย์ผู้สนใจที่เป็นสมาชิกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ทั้งในส่วนราชการและเอกชนเข้าร่วมการประชุมวิชาการ "การประชุมกลางปี 2565" ในวันที่ 16 กันยายน 2565 ตั้งแต่เวลา 07.00-17.30 น. ณ ชั้น 23 โรงแรมเซ็นทารา เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์โดยการประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำความรู้และเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาพัฒนาการศึกษาค้นคว้าวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อแพทย์สมาชิก ให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ตลอดจนเพื่อเพิ่มพูนความรู้ความชำนาญ สาขาตจวิทยา ในด้านเวชปฏิบัติ

ปัจจุบันในสถานการณ์ที่มีการระบาดอย่างรุนแ... 7 คำถามของโรคสะเก็ดเงินกับโควิด-19 — ปัจจุบันในสถานการณ์ที่มีการระบาดอย่างรุนแรงของโควิด19 ทำให้มีคำถามจากผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินหลากหลายประเด็น จึงขอเลือก...

สวัสดีครับ หมอเชื่อว่า หลายท่านน่าจะรู้จั... รู้จักลมพิษให้ดีขึ้น — สวัสดีครับ หมอเชื่อว่า หลายท่านน่าจะรู้จักหรือเคยได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับลมพิษกันมาบ้างแล้วนะครับ สำหรับในวันที่ 1 ตุลาคม ของทุก ๆ ปี...

สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ขอเชิญแพทย... สมาคมแพทย์ผิวหนังฯ เชิญแพทย์ เข้าร่วมงานDST Mid-Year Meeting 2021 — สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ขอเชิญแพทย์ผู้สนใจที่เป็นสมาชิกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งป...

โรคสะเก็ดเงินที่เล็บ (nail psoriasis) เป็... โรคสะเก็ดเงินที่เล็บ — โรคสะเก็ดเงินที่เล็บ (nail psoriasis) เป็นความผิดปกติของเล็บที่พบในโรคสะเก็ดเงิน อาจมีอาการเป็นเฉพาะที่...

แม้ว่าโรคโควิด-19 จะเป็นโรคที่เกี่ยวข้องก... โรคโควิด-19 กับอาการทางผิวหนังที่ไม่ควรมองข้าม (ตอนที่ 1) — แม้ว่าโรคโควิด-19 จะเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจเป็นหลัก แต่ก็อาจทำให้เกิดความผิดปก...

แม้ว่าโรคโควิด-19 จะเป็นโรคที่เกี่ยวข้องก... โรคโควิด-19 กับอาการทางผิวหนังที่ไม่ควรมองข้าม (ตอนที่ 1) — แม้ว่าโรคโควิด-19 จะเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจเป็นหลัก แต่ก็อาจทำให้เกิดความผิดปก...