โรคสะเก็ดเงินที่เล็บ

18 Aug 2021

โรคสะเก็ดเงินที่เล็บ (nail psoriasis) เป็นความผิดปกติของเล็บที่พบในโรคสะเก็ดเงิน อาจมีอาการเป็นเฉพาะที่เล็บหรือพบร่วมกับอาการอื่นของโรคสะเก็ดเงิน เช่น รอยโรคสะเก็ดเงินที่ผิวหนัง ขุยที่หนังศีรษะ หรืออาจมีข้ออักเสบร่วมด้วยได้ สาเหตุเกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนังที่ผิดปกติบริเวณใต้โคนเล็บ และบริเวณใต้แผ่นเล็บ ทำให้เกิดการอักเสบและมีรอยโรคเกิดขึ้นที่แผ่นเล็บ

โรคสะเก็ดเงินที่เล็บ

อ.พญ.ชนิตว์วัณณ์ วิชญชาคร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อาการแสดงของโรคสะเก็ดเงินมักเกิดขึ้นที่ใต้โคนเล็บ (nail matrix disease) เล็บที่งอกออกมาอาจพบรอยหลุม, ร่องขวาง, เล็บแยกชั้น, เล็บขรุขระไม่เรียบ, หรืออาจพบจุดขาวที่เล็บ หากรอยโรคสะเก็ดเงินเกิดขึ้นที่ใต้แผ่นเล็บที่งอกออกมา อาจมีลักษณะหนาและแข็ง, แผ่นเล็บไม่ติดกับฐานเล็บ, มีจุดเลือดออกใต้เล็บ, หรืออาจพบวงคราบสีเหลืองหรือสีส้มที่เล็บ การวินิจฉัยโรคสามารถให้การวินิจฉัยจากลักษณะของเล็บที่ผิดปกติดังกล่าวข้างต้น ร่วมกับการมีรอยโรคสะเก็ดเงินที่อื่น ๆ ของร่างกาย หากรอยโรคไม่ชัดเจน สามารถยืนยันการวินิจฉัยด้วยการตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจทางพยาธิสภาพเพิ่มเติม

การวินิจฉัยแยกโรค ควรแยกออกจากโรคอื่น ๆ ที่เล็บ เช่น เชื้อราที่เล็บ, การอักเสบที่เล็บชนิดอื่น ๆ เช่น lichen planus การรักษา โรคนี้เป็นโรคที่รักษาค่อนข้างยาก อาจต้องใช้การรักษาร่วมกันหลายวิธี ได้แก่ 1.หลีกเลี่ยงการชนหรือการกระแทกซ้ำ ๆ ที่เล็บ 2.ใช้ยาทา ซึ่งมีอยู่สองกลุ่มคือ สเตียรอยด์ และ Calciprotriene 3. ฉีดยาสเตียรอยด์ ที่เล็บเป็นวิธีที่ได้ผลดี แต่มีข้อเสีย คือ จะเจ็บปวดมากขณะฉีดยา 4. ยากินมักใช้ในรายที่เป็นมาก หรือมีอาการทางระบบอื่นๆร่วมด้วย ยาที่นำมาใช้ ได้แก่ acitretin, methotrexate, cyclosporine หรือยากลุ่ม biologics ซึ่งยากลุ่มเหล่านี้ มักมีผลข้างเคียงกับระบบอื่น ๆ จึงจำเป็นต้องมาพบแพทย์ เพื่อปรับยา และเฝ้าระวังอาการข้างเคียงอย่างสม่ำเสมอและ 5. เลเซอร์ชนิด pulsed dye laser จากการศึกษาพบว่าได้ผลค่อนข้างดี ต้องทำเดือนละครั้งติดต่อกัน 3-5 ครั้ง ข้อเสียคือค่อนข้างเจ็บปวด และมีค่าใช้จ่ายสูง

โรคสะเก็ดเงินที่เล็บ เป็นโรคที่รักษาค่อนข้างยาก มีโอกาสกลับเป็นซ้ำได้ ดังนั้นคำแนะนำสำหรับการดูแลเบื้องต้น
ด้วยตนเอง คือ1. ควรหลีกเลี่ยงการชนหรือการกระแทกซ้ำ ๆ ที่เล็บเนื่องจากอาจกระตุ้นให้ตัวโรคเป็นมากขึ้น 2. ควรทาครีมให้ความชุ่มชื้นที่มือและเล็บบ่อย ๆ และสม่ำเสมอ3.ควรหลีกเลี่ยงการทำเล็บ แต่งเล็บ 4. ควรตัดเล็บให้สั้น 5. ควรใส่ถุงมือ เมื่อต้องใช้มือทำงานบ้าน หรือทำงานที่มีคราบน้ำมัน และ 6.หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมี และตัวทำละลายโดยตรง

โรคสะเก็ดเงินที่เล็บ
ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit