KTIS ชี้หุ้นบริษัทพื้นฐานแกร่ง เดินหน้าขยายโรงงานทั้งไฟฟ้า น้ำเชื่อม น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ และปุ๋ยชีวภาพ

02 May 2014
KTIS ชี้หุ้นบริษัทพื้นฐานแกร่ง เดินหน้าขยายโรงงานทั้งไฟฟ้า น้ำเชื่อม น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ และปุ๋ยชีวภาพ ชี้พันธมิตรยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ซูมิโตโม่ และนิสชิน ชูการ์เข้ามาลงทุนตอกย้ำความเชื่อมั่นในหุ้น KTIS

ผู้บริหาร KTIS ขอให้นักลงทุนเชื่อมั่นในพื้นฐานบริษัท ยันอยู่ในธุรกิจน้ำตาลมากว่า 50 ปี ไม่มีทางขายหุ้นทิ้ง ชี้ราคาหุ้นต่ำจองส่วนหนึ่งมาจากภาวะตลาดที่ผันผวน ลั่นบริษัทมีกำไรแข็งแกร่ง เดินหน้าโครงการในอนาคตโรงไฟฟ้าชีวมวลสองแห่งขนาด 100 เมกะวัตต์ คาดรับรู้รายได้ไตรมาส 4 ปีนี้ รวมถึงลุยสร้างโรงงานผลิตน้ำเชื่อม น้ำตาลทรายขาวบริสุทธ์ และปุ๋ยชีวภาพ

บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (KTIS) - นายประพันธ์ ศิริวิริยะกุล กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม KTIS ผู้นำธุรกิจน้ำตาลทรายและอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจรเปิดเผยว่าบริษัท ฯ ขอให้ความเชื่อมั่นกับนักลงทุนว่าบริษัท ฯ เป็นผู้ดำเนินธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ และชำนาญในธุรกิจอ้อยน้ำตาล และอยู่ในธุรกิจนี้มานานกว่า 50 ปี ซึ่งบริษัท ฯ มีพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยมีโรงงานน้ำตาลทรายรวม 3 แห่ง ได้แก่ โรงงานน้ำตาลเกษตรไทย โรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ และโรงงานน้ำตาลรวมผลฯ ซึ่งโรงงานน้ำตาลเกษตรไทยเป็นโรงงานที่มีกำลังการผลิตใหญ่ที่สุดในโลกถึง 55,000 ตันอ้อยต่อวัน และรวมกับโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ที่มีกำลังการผลิต 18,000 ตันอ้อยต่อวัน โรงงานรวมผลฯที่มีกำลังการผลิต 15,000 ตันอ้อยต่อวัน เท่ากับว่าโรงงานน้ำตาลของบริษัทมีกำลังการผลิตรวม 88,000 ตันอ้อยต่อวัน นอกจากธุรกิจอ้อยและน้ำตาลแล้ว กลุ่มKTIS ยังดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมต่อเนื่องอย่างครบวงจร ได้แก่ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษฟอกขาวจากชานอ้อย ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล ธุรกิจไฟฟ้าชีวมวล และธุรกิจผลิตและจำหน่ายปุ๋ยชีวภาพ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันพื้นฐานของบริษัทก็ยังแข็งแกร่งไม่ได้เปลี่ยนแปลง

“อย่างไรก็ตามการที่หุ้นเข้าเทรดในตลาด และมีราคาต่ำกว่าราคาจองนั้น บริษัท ฯ ขอชี้แจงว่าเป็นไปตามสภาวะตลาดที่ผันผวน ตลาดมีการปรับฐาน อีกประการหุ้น KTIS ถือเป็นหุ้นพื้นฐานธุรกิจ ไม่ใช่หุ้นปั่น หรือหุ้นเก็งกำไร เหมาะแก่การถือในระยะยาวและรับเงินปันผล ด้วยนโยบายของบริษัท ฯ ที่จะจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ และในส่วนของผู้บริหารของบริษัท ฯ นั้นทุกคนติดเงื่อนไขในการขายหุ้น (silent period) จึงไม่มีความเป็นไปได้ที่จะมีการเทขายหุ้นทิ้งเพื่อเก็งกำไร หรือขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในราคา Discount ให้กับนักลงทุนรายใดเป็นกรณีพิเศษ อีกประการคือธุรกิจนี้เป็นธุรกิจครอบครัว ซึ่งดำเนินธุรกิจนี้มานานกว่า 50 ปี และจะยังคงดำเนินธุรกิจนี้ต่อไปด้วยการบริหารงานอย่างโปร่งใส และเป็นมืออาชีพ นอกจากนี้เงินที่ระดมได้ในตลาด ฯ บริษัท ได้นำเอาไปเร่งเดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลจำนวน 2 โรง ที่จังหวัดนครสวรรค์ และอุตรดิตถ์ โดยจะเป็นโรงไฟฟ้ากำลังการผลิตโรงละ 50 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จ และเริ่มรับรู้รายได้ประมาณไตรมาส 4 ของปีนี้ นอกจากนี้มีโครงการผลิตน้ำเชื่อม (Liquid Sugar) และโครงการผลิตน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์พิเศษ (Super Refined Sugar) ประมาณ 980 ล้านบาท ลงทุนในการสร้างโรงงานปุ๋ยชีวภาพ ประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ” นายประพันธ์กล่าว

นายประพันธ์กล่าวต่อไปว่า “เมื่อเร็วๆนี้สองบริษัทยักษ์ใหญ่ คือ ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น บริษัทเทรดดิ้งชั้นนำระดับโลก และ นิสชิน ชูการ์ ผู้ผลิตน้ำตาลรีไฟน์รายใหญ่อันดับ 2 ของญี่ปุ่น ได้เล็งเห็นศักยภาพของกลุ่ม KTIS และได้เข้ามาถือหุ้นของบริษัทฯ ผ่านบริษัทร่วมทุน (joint venture) โดยเป็นการซื้อบนกระดานรายใหญ่ในราคา 12.42 บาท เมื่อวันที่ 28 เมษายน ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจที่สองบริษัทยักษ์ใหญ่มีต่อหุ้น KTIS ซึ่งพันธมิตรทางธุรกิจทั้งสองจะนำความรู้ความชำนาญและประสบการณ์มาพัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน และสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับกลุ่ม KTIS มากขึ้น โดยซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น เป็นบริษัทเทรดดิ้งรายใหญ่ของโลกที่มีตลาดทั่วโลกทำให้บริษัทสามารถขยายตลาด และฐานลูกค้า ส่วนนิสชิน ชูการ์ เป็นบริษัทที่มีknowhow และเทคโนโลยต่างๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าและความหลากหลายให้ผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม KTIS มากยิ่งขึ้น”