ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตธนาคารรัฐ 6 แห่งในประเทศไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

           บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตธนาคารรัฐ 6 แห่งได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (BAAC) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (GH BANK) ธนาคารออมสิน (GSB) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (IBANK) และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME BANK) ในขณะเดียวกัน ฟิทช์ได้ประกาศยกเลิกอันดับเครดิตสนับสนุนของ BAAC, GH BANK และ GSB เนื่องจากอันดับเครดิตดังกล่าวมิได้มีนัยสำคัญเพียงพอในการติดตามทำการวิเคราะห์อีกต่อไป

          สำหรับรายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดแสดงไว้ในส่วนท้าย
          ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต 
          อันดับเครดิตทั้งหมดสะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ว่ามีความเป็นไปได้อย่างสูงที่ธนาคารรัฐดังกล่าวจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย 
          ธนาคารรัฐทั้ง 6 แห่งนี้มีความสัมพันธ์กับรัฐบาลในระดับสูงและทั้งหมดถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้พระราชบัญญัติเฉพาะกิจเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล นอกจากนี้รัฐบาลยังได้ให้ความช่วยเหลือแก่ธนาคารรัฐเหล่านี้มาอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่นการชดเชยทางการเงินจากความเสียหายที่เกิดจากการดำเนินงานที่สนับสนุนนโยบายของภาครัฐ หรือการเพิ่มเงินทุนให้กับธนาคารในกรณีที่มีความจำเป็น
          กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดใน EXIM GSB และ GH BANK และถือหุ้นเกือบทั้งหมดใน BAAC และ SME BANK สำหรับ IBANK สัดส่วนการถือหุ้นโดยทางตรงของกระทรวงการคลังในธนาคาร ถูกจำกัดที่ 49% แต่การถือหุ้นใน IBANK โดยธนาคารรัฐอื่น ส่งผลให้รัฐบาลมีสัดส่วนการถือครองหุ้นใน IBANK เกิน 98%
          อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term IDR) ของ EXIM และ SME BANK อยู่ในระดับเดียวกันกับรัฐบาลไทย อันดับเครดิตภายในประเทศของ BAAC EXIM GH BANK และ SME Bank เป็นอันดับเครดิตที่สูงที่สุด
          อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวและอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ IBANK อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตของรัฐบาล 2 อันดับ สะท้อนถึงระดับการถือหุ้นทางตรงของกระทรวงการคลังในระดับที่ต่ำกว่าธนาคารรัฐอื่น และการระบุถึงการสนับสนุนที่รัฐบาลจะให้กับธนาคารในพระราชบัญญัติจัดตั้งธนาคารที่มีความชัดเจนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารรัฐอื่น
          แม้ว่าฟิทช์คาดว่ารัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารรัฐเหล่านี้ได้อย่างทันท่วงทีในกรณีที่มีความจำเป็น อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของ BAAC EXIM GH BANK และ GSB ที่ผ่านมาไม่ได้อยู่ในระดับที่มีความจำเป็นที่จะต้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล อย่างไรก็ตาม SME BANK และ IBANK ได้เผชิญกับผลประกอบการที่ตกต่ำและปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ของลูกหนี้ แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์มองว่าผลประกอบการที่อ่อนแอลงของธนาคารทั้งสองแห่งไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อโอกาสที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคาร ทั้งนี้รัฐบาลได้มีการเตรียมแผนการเพิ่มทุนให้กับธนาคารทั้งสองแห่งไว้แล้ว

          ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต -อันดับเครดิตสากลและอันดับเครดิตภายในประเทศ
          อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (ของ EXIM IBANK และ SME BANK) จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกันกับการเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของประเทศไทย แต่อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารรัฐเหล่านี้ไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทย เนื่องจากรัฐบาลไทยน่าจะยังคงมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ (default risk) ที่ต่ำที่สุดในประเทศ
          การปรับตัวลดลงของโอกาสที่ธนาคารแต่ละแห่งจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอาจส่งผลให้มีการปรับลดอันดับเครดิตสากลและอันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารนั้น อาทิเช่น การลดลงอย่างมีนัยสำคัญของสัดส่วนการถือหุ้นของรัฐบาล การเปลี่ยนแปลงสถานะทางกฎหมาย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจบ่งชี้ถึงการให้ความสนับสนุนของรัฐบาลที่ลดลงและจะส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต อย่างไรก็ตามฟิทช์มองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้นถึงระยะปานกลาง

รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมด มีดังนี้
BAAC
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘AAA(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F1+(tha)’
- อันดับเครดิตสนับสนุนคงอันดับที่ ‘2’ และยกเลิกอันดับเครดิต

EXIM:
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘BBB+’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F2’
- อันดับเครดิตสนับสนุนคงอันดับที่ ‘2’
- อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำคงอันดับที่ ‘BBB+’
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘AAA(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F1+(tha)’

GH Bank
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘AAA(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F1+(tha)’
- อันดับเครดิตสนับสนุนคงอันดับที่ ‘2’ และยกเลิกอันดับเครดิต


GSB
- อันดับเครดิตสนับสนุนคงอันดับที่ ‘2’ และยกเลิกอันดับเครดิต

IBANK
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘BBB-’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F3’
- อันดับเครดิตสนับสนุนคงอันดับที่ ‘2’
- อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำคงอันดับที่ ‘BBB-’
- อันดับเครดิตในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘AA(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F1+(tha)’

SME Bank
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘BBB+’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F2’
- อันดับเครดิตสนับสนุนคงอันดับที่ ‘2’
- อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำคงอันดับที่ ‘BBB+’
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘AAA(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F1+(tha)’
 
 
 
 

ข่าวธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย+ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยวันนี้

SME D Bank ร่วมบรรยายพิเศษหลักสูตร "2MORROW SCALER" ชู BCG Model กุญแจพาธุรกิจก้าวไกลเติบโตไร้พรมแดน

นายโมกุล โปษยะพิสิษฐ์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ร่วมเป็นวิทยากร บรรยายพิเศษ กับ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ในงานเสวนาหัวข้อ "Scale ธุรกิจไร้พรมแดน ด้วยความเข้าใจแหล่งทุน" จัดขึ้นเพื่อมอบความรู้ให้แก่ผู้เข้าร่วมหลักสูตร "2MORROW SCALER" รุ่น 7 ซึ่งเป็นหลักสูตรเพื่อผู้ประกอบการ และผู้บริหารยุคใหม่ โดย SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย พร้อมสนับสนุนผ่านกระบวนการ

เปิดรับผู้บริหาร-ทายาทเอสเอ็มอี เข้าถึงบร... SME D Bank จัดยิ่งใหญ่ 'โครงการ D CEO Network รุ่นที่ 3' — เปิดรับผู้บริหาร-ทายาทเอสเอ็มอี เข้าถึงบริการ 'พัฒนาคู่เติมทุน' ติดปีกโตก้าวกระโดด ธนาคารพัฒนาว...