ทีซีซี แลนด์ ประกาศแผนพัฒนา 3 โปรเจคกลุ่มรีเทลรับปี 2558 มอบหมายทีมพัฒนา 'เอเชียทีค' ต่อยอดความสำเร็จสู่อนาคต

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          - พร้อมนำทีมงานเดินหน้าเนรมิตเอเชียทีคเฟส 2 สร้างโปรเจคใหม่เซ็นเตอร์พ้อย ออฟ สยามสแควร์ และปรับโฉมเกทเวย์ เอกมัย -

          ทีซีซี แลนด์ ผงาดรับเออีซี ดึงทีม 'เอเชียทีค' เป็นหัวหอกหลักพัฒนาพร้อมปรับโฉม 3 โปรเจคยักษ์ 'เอเชียทีค เฟส 2, ดิจิตอล เกทเวย์ สยาม สแควร์ และเกทเวย์ เอกมัย' หลังปั้น 'เอเชียทีค' ติดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว เดินหน้านำเสนอคอนเซปต์ 'ไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้ง' รูปแบบใหม่ตอบช่องว่างตลาด คาดกระแสตอบรับไม่แพ้ 'เอเชียทีค'
          นายณภัทร เจริญกุล กรรมการผู้จัดการกลุ่มรีเทล บริษัท ทีซีซี แลนด์ จำกัด บริษัทผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบรีเทลที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในประเทศไทย เปิดเผยว่า จากความสำเร็จของการพัฒนาโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกสำเร็จ ทำให้บริษัทฯ มั่นใจ ในประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทีมงาน พร้อมเห็นโอกาสและช่องว่างในการพัฒนาโครงการในเชิง 'Community Shopping Center' คอนเซปต์ใหม่ของแหล่งช้อปปิ้งในไทยที่มีขนาดใหญ่กว่า Community Mall แต่เล็กกว่า Shopping Center เพื่อเสนอเป็นทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน โดยคอนเซปต์ใหม่ดังกล่าวจะถูกนำมาพัฒนาใช้กับโครงการเกทเวย์เอกมัย นอกจากนี้ ยังได้วางแผนพัฒนาโครงการในระยะที่ 2 เพื่อเสริมศักยภาพของเอเชียทีคในปัจจุบัน ตบท้ายด้วยการพลิกฟื้นตำนานศูนย์กลางของวัยรุ่นด้วยการปรับโฉม 'ดิจิตอล เกทเวย์ สยาม สแควร์' สู่ 'เซ็นเตอร์ พอยท์ ออฟ สยาม สแควร์ (Center Point of Siam Square)' เพื่อเจาะกลุ่มวัยรุ่นและวัยเริ่มต้นของการทำงานดังเช่นในอดีตที่ผ่านมา
          “ตลอดระยะเวลา 3 ปีในการพัฒนาเอเชียทีค ย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของทีมงานของเราได้เป็นอย่างดี จากพิจารณาในเชิงปริมาณพบว่าจากเดิมเราตั้งเป้าจำนวนลูกค้าของเอเชียทีคในวันธรรมดาไว้สูงสุดที่ 15,000 คนต่อวัน แต่ตัวเลขจริงที่เกิดขึ้นคือ 30,000 คนต่อวัน และพุ่งสูงถึง 200,000 คนต่อวันในช่วงเทศกาลสำคัญคือ สงกรานต์, ลอยกระทง และเคานท์ดาวน์ นอกจากนี้ เรายังได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยว องค์กร และนักลงทุนต่างประเทศ จนเป็นหนึ่งในสถาน ที่ท่องเที่ยวที่ต้องระบุไว้ในตารางการท่องเที่ยวของบริษัททัวร์ต่างๆ กว่า 300 บริษัทในปัจจุบัน ทำให้มีปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของ Tour group, FIT, MICE ทั้งยังได้รับเกียรติจากองค์กรต่างประเทศในการนำเอเชียทีคไปประชาสัมพันธ์ในทุกทวีปของโลก โดยล่าสุด เอเชียทีค ได้รับเลือกจาก Trip Advisor ในการเป็น First Shopping Partner แห่งแรกของโลก อีกทั้งที่ผ่านมาเราได้มีราชวงศ์ ผู้บริหารประเทศจากทั่วทุกมุมโลกให้เกียรติมาเยือนอย่างต่อเนื่อง และได้รับการติดต่อแล้วจากนักลงทุนรายใหญ่จาก 4 ประเทศคือ จีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา ในการเชิญเอเชียทีคไปเปิดโครงการ ในประเทศนั้นๆ” 
          นายณภัทร เจริญกุลกล่าว “เรารู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมากที่ ณ วันนี้ เราสามารถพลิกโฉมการพัฒนาที่ดินริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาให้กลับมามีคุณภาพทางเศรษฐกิจขึ้นอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะและประเทศชาติสูงสุด ดังเช่นความสำเร็จในการยกระดับการเป็น Night Market ที่มีมาตรฐานระดับโลก ทั้งในแง่ของความสะอาด ความเป็นระเบียบ สีสัน คุณภาพสินค้า/บริการ และความปลอดภัย ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้ คือสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของทีมงานเอเชียทีคที่สามารถสร้างโกดังเก่า รกร้างริมแม่น้ำเจ้าพระยา บนถนน 4 ช่องจราจรขนาดเล็กที่ประชาชนส่วนใหญ่ลืมเลือน ให้ก้าวมาถึงวันนี้ได้ และวันนี้ทีมงานเอเชียทีคพร้อมแล้วที่จะสรรสร้างความสำเร็จให้แก่โครงการใหม่ตามสโลแกนของทีมงานที่ว่า “เราสร้างแต่ที่สุดของ Lifestyle ที่แตกต่าง” ต่อไป”
          
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปลายปี 2557 เป็นต้นไป ทีซีซี แลนด์ ได้วางแผนในการพัฒนาโครงการใหม่รวม 3 โครงการ ประกอบด้วย การพัฒนาและเนรมิตการกลับมาของ 'เซ็นเตอร์ พอยท์ ออฟ สยามสแควร์', การนำเสนอคอนเซปต์ใหม่ของธุรกิจไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้งในไทยที่จะเกิดที่ เกทเวย์ เอกมัย และสุดท้ายกับการพัฒนาโครงการในระยะที่ 2 เพื่อเสริมแกร่งให้โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ โดยรายละเอียดการพัฒนาของทั้ง 3 โครงการนั้น นายณภัทร กล่าวเสริมในรายละเอียดดังกล่าวว่า “การปรับรูปแบบของ เกทเวย์ เอกมัย เป็นการปรับในเชิง Market Repositioning คือการคงชื่อแบรนด์และลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเดิมของโครงการไว้ หากแต่ปรับส่วนผสมภายในของโครงการให้ตอบสนองต่อพฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด กล่าวคือรูปแบบของ เกทเวย์ เอกมัย จะปรับเปลี่ยนเป็น Community Shopping Center แห่งแรกของเมืองไทย โดยรูปแบบดังกล่าวเป็นรูปแบบลูกผสมระหว่าง Community Mall และ Shopping Center โดยรูปแบบดังกล่าวประสบความสำเร็จอย่างสูงในต่างประเทศเพราะสามารถตอบโจทย์ลูกค้าชุมชนได้อย่างลงตัวที่สุดและสามารถลดจุดอ่อนของรูปแบบ Community Mall ซึ่งมีขนาดเล็กเกินไป (พื้นที่ขายประมาณ 6,000-8,000 ตรม) ทำให้มีร้านค้าในโครงการน้อยจนเกินไปไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างครบถ้วน ในขณะเดียวกันก็พยายามที่จะลดจุดอ่อนของรูปแบบ Shopping Center ที่มีขนาดใหญ่เกินไป (พื้นที่ขายประมาณ 60,000-100,000 ตรม) ทำให้ลูกค้าเสียเวลาในการเข้าไปใช้บริการ โดย Community Shopping Center ส่วนใหญ่จะมีขนาดพื้นที่ขายประมาณ 25,000-35,000 ตรม ตอบโจทย์ครบครันทั้งในส่วนของความต้องการพื้นฐานและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา มีความหลากหลายในจำนวนร้านค้าทำให้ลูกค้าสามารถมาใช้บริการได้บ่อยขึ้น และที่สำคัญคือลูกค้าไม่ต้องใช้เวลานานการตอบสนองความต้องการในบรรยากาศเป็นกันเองเหมือนบ้านที่สองของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งพื้นที่ย่านเอกมัยเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมกับรูปแบบใหม่ของ เกทเวย์ เอกมัย อย่างมากเพราะเป็นพื้นที่อยู่อาศัยหนาแน่นครอบคลุมตั้งแต่ทองหล่อ เอกมัย พระรามที่ 4 และพระโขนงเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS โดยตรง อีกทั้งยังไม่มีศูนย์การค้าขนาดใหญ่ในรัศมี 5 กิโลเมตร นี่คือจุดได้เปรียบของ เกทเวย์ เอกมัย Community Shopping Center ใหม่ บ้านที่สองของชุมชน ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงกลางปี 2558”
          ในส่วนของดิจิตอล เกทเวย์ สยามสแควร์ นั้น นายณภัทรกล่าวว่า “เราจะสร้างแบรนด์ใหม่ให้เกิดขึ้นภายใต้ชื่อ Center Point of Siam Square โดยจะตกแต่งในบรรยากาศใหม่ ร้านค้าใหม่ และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ ซึ่งถือเป็นการปลุกตำนานจุดศูนย์รวมของวัยรุ่นที่มีชื่อเสียงที่สุดกลับมาอีกครั้งหนึ่ง โดย Center Point of Siam Square จะนำเสนอบรรยากาศ
ความเป็นสถานที่สำหรับวัยรุ่นอย่างแท้จริง โดยโครงการจะเน้นไปที่วัยรุ่นอายุตั้งแต่ 15 ปี จนถึง First Jobber อายุประมาณ 25 ปี ดังนั้นร้านค้าและการตกแต่งทั้งภายในและภายนอกจะมุ่งเน้นความเป็น Beauty Fashion เป็นสำคัญ ร้านค้าภายในจะเริ่มทยอยปรับเปลี่ยนตั้งปลายปี 2557 นี้ไปจนถึงกลางปี 2558 โดยพื้นที่ด้านหน้าโครงการได้จัดให้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมของเหล่าวัยรุ่นและสถานที่พบปะและ Hang Out ของวัยรุ่นอีกด้วย ทีมงานเชื่อมั่นว่าการกลับมาของ Center Point of Siam Square จะยิ่งใหญ่เหมือนในอดีตสมดั่งการเป็นจุดศูนย์กลางของสยามสแควร์ต่อไป
          “และสุดท้ายกับความยิ่งใหญ่ของการพัฒนาโครงการในเฟสที่ 2 ของ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ซึ่งนอกจากจะปรับรูปแบบร้านค้าในโครงการปัจจุบันให้สอดคล้องกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและลูกค้าคนไทยแล้ว โครงการ Asiatique จะขยายเฟส 2 ในบริเวณที่จอดรถด้านข้างโครงการติดกับลานกิจกรรมใหญ่ริมน้ำ โดยแนวคิดในการทำเฟส 2 คือการเติมเต็มในสิ่งที่ยังขาดหาย เช่น ร้านอาหารสำหรับครอบครัว ร้านค้าแฟชั่น สินค้าดีไซน์สำหรับลูกค้าคนไทย และสินค้า แบรนด์บางประเภทที่เป็นที่ต้องการของทั้งลูกค้าคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นอกจากนี้ยังมีการสร้างโรงแรมเพื่อรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาพักริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงห้องจัดประชุมสัมนา เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้า MICE จากทั้งในประเทศและต่างประเทศซึ่งต้องการจัดกิจกรรมทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืนที่ Asiatiqueอีกด้วย 
          จากประสบการณ์ทำให้ทีมงานทราบถึงความต้องการในหลากหลายรูปแบบที่มีเข้ามายังอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นทีมงานจึงมั่นใจเป็นอย่างยิ่งสิ่งที่เราจะพัฒนาเพิ่มในเฟส 2 นี้ เพื่อให้ เอเชียทีค กลายเป็น Landmark ริมน้ำที่ลูกค้าสามารถสัมผัสได้อย่างแท้จริง และวางแผนเตรียมเปิดตัวในช่วงปลายปี 2559” นายณภัทรกล่าวอย่างมั่นใจ
          “จากประสบการณ์และการต่อสู้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาของทีมงานเอเชียทีค ทำให้เราเข้าใจพฤติกรรมความต้องการของลูกค้า ตลอดจนความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาโครงการรูปแบบใหม่ๆ นำเสนอสู่ตลาดเมืองไทยและที่สำคัญคือความแข็งแกร่งของบริษัทแม่ ทำให้เรามั่นใจว่าทั้ง 3 โครงการที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับโครงการเอเชียทีค และด้วยการเป็น Prime Location ของอีก 2 โครงการคือใจกลางสยามสแควร์และใจกลางย่านทองหล่อ-เอกมัย-พระโขนง เมื่อเทียบกับ Location ของ Asiatique ก่อนเริ่มพัฒนายิ่งทำให้ทีมงานมั่นใจในความสำเร็จหลังการปรับปรุงและพัฒนาเสร็จสิ้น และจะเป็น Brand ที่ทีมงานจะใช้ในการต่อยอดสาขาอื่นๆ ต่อไปในอนาคต โดยทั้ง 3 โครงการมีกำหนดการพัฒนาแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2558 – ปลายปี 2559” นายณภัทร กล่าวสรุป
ทีซีซี แลนด์ ประกาศแผนพัฒนา 3 โปรเจคกลุ่มรีเทลรับปี 2558 มอบหมายทีมพัฒนา 'เอเชียทีค' ต่อยอดความสำเร็จสู่อนาคต
ทีซีซี แลนด์ ประกาศแผนพัฒนา 3 โปรเจคกลุ่มรีเทลรับปี 2558 มอบหมายทีมพัฒนา 'เอเชียทีค' ต่อยอดความสำเร็จสู่อนาคต

ข่าวสถานที่ท่องเที่ยว+ณภัทร เจริญกุลวันนี้

Coaching English ร่วมกับ ททท. อุบลราชธานี เปิดตัวโครงการ TTA ครั้งที่ 2 ร่วมผลักดัน การท่องเที่ยวไทยด้วยความสามารถด้านภาษาอังกฤษของเยาวชนไทย

สถาบันสอนภาษา Coaching English ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดอุบลราชธานี จัดเปิดตัวโครงการ Thailand Young Tourism Ambassador 2025 เพื่อสนับสนุนการใช้ภาษาอังกฤษ และปลูกฝังความรักบ้านเกิดให้กับเยาวชนไทย พร้อมเปิดโอกาสให้เยาวชนได้ใช้ความรู้ ความสามารถ ทั้งด้านเทคโนโลยี และความรู้ด้านภาษาอังกฤษ ทำคลิปวีดีโอเพื่อประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยว TTA มีวัตถุประสงค์ เพื่อการส่งเสริมความรู้ ความสามารถของเยาวชน ที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาล, ประถมศึกษาต้น และประถมศึกษาปลาย ในด้านการใช้ภาษาอังกฤษ

Maxim ประเทศไทย แอปเรียกรถชั้นนำ ร่วมมือก... Maxim ร่วมกับ ททท. ลำปาง เปิดตัวฟีเจอร์ 'คู่มือการเดินทาง' หนุนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวจังหวัด — Maxim ประเทศไทย แอปเรียกรถชั้นนำ ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแ...

กับ Soft Power ความสวยงามของสถานที่ท่องเท... เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ผนึก เป๊ปซี่, ห้าดาว และ UIP Thailand เปิดการผจญภัยบทใหม่ — กับ Soft Power ความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวไทยผ่านภาพยนตร์ "Jurass...

ตอนนี้นักท่องเที่ยวชาวไทยหลายคนกำลังมองหา... เตรียมแพ็คกระเป๋า! นิวซีแลนด์ชวนคู่รักไทยออกเดินทาง ท่ามกลางฤดูหนาวสุดโรแมนติก — ตอนนี้นักท่องเที่ยวชาวไทยหลายคนกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ซ้ำเดิม แ...