ซิมพานา® โซลูชั่น เซต (Simpana® Solution Sets) โซลูชั่นการทำงานชุดใหม่นี้นำเสนอทางเลือกในเรื่องของราคาและโปรแกรมในแพ็คเกจที่ทำให้ดูง่ายขึ้น ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้ทำงานร่วมกับระบบการจัดการเครื่องเสมือนจริง (virtual machine management) การกู้คืนแอพพลิเคชั่น (application recovery) ระบบการป้องกันข้อมูลปลายทาง (endpoint data protection) และการจัดเก็บคลังอาร์ไคฟ์ของอีเมลล์ (email archives)
โซลูชั่นดังกล่าวได้นำเสนอวิธีที่ง่ายในการจัดการข้อมูลที่ครอบคลุมโดยใช้โครงสร้างแบบแพลตฟอร์มเดี่ยวที่ผ่านการทดสอบแล้วของคอมม์วอลท์
คอมม์วอลท์มีบริการที่รองรับการใช้งานรูปแบบคลาวด์มากกว่าผู้ให้บริการซอฟต์แวร์รายอื่นๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการข้อมูลผ่านระบบคลาวด์ (Cloud) แพลตฟอร์มไฮเปอร์ไวเซอร์ (Hypervisor) และแพลตฟอร์มจัดเก็บข้อมูล (storage platforms) ได้อย่างต่อเนื่องและลงตัว ทั้งนี้ยังรวมไปถึงความสามารถใหม่ในการรองรับบริการต่างๆของ อเมซอนเว็บเซอร์วิส (Amazon Web Services) ไมโครซอฟท์อะซัว (Microsoft Azure) ไมโครซอฟท์ไฮเปอร์-วี (Microsoft Hyper-V) วีเอ็มแวร์ วีสเฟียร์ (VMware vSphere) ซิทริกซ์เซ็นเซิร์ฟเวอร์ (Citrix XenServer) เอชดีเอส (HDS) และระบบเน็ทแอพ (NetApp)
“การจัดการข้อมูลได้กลายเป็นความท้าทายสำหรับทุกองค์กรในประเทศไทย ความซับซ้อนของการจัดการข้อมูลในปัจจุบันนี้ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีคลาวด์มาใช้นั้นเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้ประกอบการไทยหลายๆ เจ้าเริ่มมองหาวิธีการที่รวดเร็วและง่ายสำหรับการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมต่างๆ ของบริษัทให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น โซลูชั่นการทำงานชุดใหม่ของคอมม์วอลท์ได้พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าของเราในประเทศไทยมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และเราก็ได้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ของเราได้รับความสนใจจากองค์กรไทยหลายองค์กรเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์กรที่มีการใช้ชุดซอร์ฟแวร์แบบเครื่องเสมือน (virtualization set)” คุณสมุจจ์ ถนัดสร้าง ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท คอมม์วอลท์ ซิสเต็มส์ จำกัด กล่าว “ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีการทำงานแบบแยกส่วนของคอมม์วอลท์จะช่วยให้ลูกค้าสามารถระบุปัญหาเฉพาะจุดได้ พร้อมทั้งความยืดหยุ่นในการอัพเกรดไปเป็นชุดซอฟต์แวร์ซิมพานาแบบเต็มรูปแบบในคราวต่อไปได้”
มุ่งหน้าสู่ระบบคลาวด์
มีผู้ประกอบการไทยจำนวนมากขึ้นกำลังเชื่อมโยงรวมโครงสร้างพื้นฐานไอทีเข้ากับระบบคลาวด์แบบใช้งานภายในองค์กรและยังได้เริ่มต้นใช้งานคลาวด์แบบสาธารณะสำหรับ ในบางกรณีเช่น การพัฒนา การทดสอบ และการจัดเก็บแบบอาร์ไคฟ์ ในขณะเดียวกัน บริษัทที่มีขนาดเล็กกว่าก็ได้ทำการย้ายข้อมูลไปเก็บยังคลาวด์เพื่อป้องกันข้อมูล และเพื่อกู้ข้อมูลคืนจากความเสียหาย[1]
การทำงานแบบคลาวด์กำลังเข้ามาปรับเปลี่ยนวิธีการทุกอย่างในด้านคอมพิวเตอร์และไอทีเป็นอย่างสำคัญ ในรูปแบบของการนำส่งการบริการ (service delivery models) บริษัท การ์ทเนอร์ (Gartner) ได้มีการคาดการณ์ถึงการใช้บริการคลาวด์สาธารณะว่าจะเติบโตไปถึง 137 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ด้วยอัตราการเติบโตประจำปี (CAGR) ถึงร้อยละ 16.9 ภายในปี 2560 ในขณะที่พื้นที่ความจุของระบบคลาวด์แบบส่วนตัวถูกคาดหวังว่าจะแซงหน้าความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลทั่วโลกถึง 1.5 เท่า (ร้อยละ 60 ถึงร้อยละ 40) อย่างไรก็ตาม การนำระบบคลาวด์มาใช้ในปัจจุบันนี้ได้ถูกจำกัดจากค่าใช้จ่ายและความซับซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการฮาร์ดแวร์และทรัพยากรบุคคลที่จะสามารถควบคุมปริมาณข้อมูลที่ถาโถมมาพร้อมกันอย่างมหาศาลได้ ซึ่งเกินกว่าที่ โครงสร้างพื้นฐานเดิมจะรองรับได้
เผยศักยภาพการทำงานของระบบแบบเสมือนจริง
เมื่อหลายปีที่ผ่านมา บริษัทต่างๆ เริ่มมีการนำการทำงานเซิร์ฟเวอร์แบบเสมือนจริงมาใช้เพื่อที่จะรวมโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและการใช้งานต่างๆ เข้าด้วยกัน แต่ในปัจจุบันนี้ เครื่องเดสก์ท็อปเสมือนจริง (desktop virtualization) ผนวกกับแนวโน้มของเทคโนโลยี เช่น ลักษณะการทำงานและความต้องการของผู้ใช้งานที่มีอุปกรณ์ไอทีต่างๆ มากกว่าหนึ่งตัวและต้องการนำเอาอุปกรณ์เหล่านั้นเข้ามาใช้งานในองค์กร (consumerization of IT) ได้เพิ่มความซับซ้อนให้กับวิธีจัดการทางไอที การควบคุม และปกป้องข้อมูลที่สำคัญขององค์กรไว้ นอกจากนี้ จำนวนที่เพิ่มขึ้นของทรัพยากรที่จำเป็นที่เกิดจากการขยายตัวของคอมพิวเตอร์เสมือนจริง (VM) ที่หลายบริษัทโดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ต้องเผชิญอยู่ และรูปแบบธุรกิจที่มีต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา (always-on business model) ทำให้เป็นการยากขึ้นสำหรับการที่บริษัทจะจัดการกับข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่าย
”การขยายตัวเพิ่มขึ้นจนล้นและถูกละทิ้งจากการดูแลบำรุงรักษาของคอมพิวเตอร์เสมือนจริง (VM) สามารถทำให้ระบบคอมพิวเตอร์หยุดทำงานชั่วคราวซึ่งก่อให้เกิดความไม่ต่อเนื่องในการใช้งาน และยังทำให้ระยะเวลาที่ใช้ในการสำรองข้อมูล และการเก็บรักษาอีเมลล์ในเอฟเอสไอ (FSI) นานขึ้นกว่าเดิม โซลูชั่นซิมพานาเซตชุดใหม่นี้จะช่วยบ่งชี้แต่ละจุดแบบองค์รวมเพื่อสามารถให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ อีกทั้งยังช่วยลดความซับซ้อนในการบริหารจัดการ รวมทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายให้กับองค์กรไทย” คุณสมุจจ์ ถนัดสร้าง ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท คอมม์วอลท์ ซิสเต็มส์ จำกัด อธิบายเพิ่มเติม
ในขณะที่ผู้ประกอบการหลายเจ้าได้นำระบบคลาวด์ทั้งแบบส่วนตัวและแบบไฮบริดมาใช้งานเพื่อเพิ่มความคล่องตัวทางธุรกิจ โซลูชั่นซิมพานาเซตชุดใหม่จึงได้ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเร็วในการใช้ระบบคลาวด์ พร้อมด้วยการทำศูนย์ข้อมูลให้ทันสมัยขึ้นโดยการนำนวัตกรรมของซอฟต์แวร์เจเนอเรชั่นใหม่มาใช้ เพื่อเป็นการรองรับความสามารถในการใช้งานเมื่ออยู่ที่ไหนก็ได้และปรับปรุงการเข้าถึงบริการด้วยตนเองที่ดีขึ้น โซลูชั่นซิมพานาเซตชุดใหม่นี้จะช่วยให้ลูกค้าลดทั้งค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงด้วยการจัดการข้อมูลและสารสนเทศสำหรับระบบชั้นนำต่างๆ เช่น คลาวด์ ไฮเปอร์ไวเซอร์ (hypervisor) และแพลตฟอร์มการจัดเก็บต่างๆ เป็นต้น
ด้วยความเป็นผู้นำที่ให้บริการด้านแพลตฟอร์มสำหรับการจัดเก็บแบบระบบคลาวด์ส่วนใหญ่แล้ว ในขณะเดียวกันคอมม์วอลท์ได้มีการเพิ่มความสามารถต่างๆ เพื่อรองรับการทำงานร่วมกับอเมซอน เว็บ เซอร์วิส (Amazon Web Services) และไมโครซอฟท์อะซัว (Microsoft Azure) ซึ่งรวมการรายงานคลาวด์ (cloud reporting) ที่สมบูรณ์ รวมถึงการจัดเตรียมบริการแบบบริการด้วยตนเองสำหรับผู้ใช้งาน (end user self-service provisioning) การกู้คืนข้อมูล (recovery) ซอร์ฟแวร์ สแนปชอต (software snapshots) และการจัดการทรัพยากรของเครื่องเสมือนจริง
แนะนำโซลูชั่นการทำงานใหม่ล่าสุดจากคอมม์วอลท์
โซลูชั่นซิมพานาชุดใหม่นี้สามารถใช้งานได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสำหรับแต่ละกรณี หรือจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องข้อมูลและของโซลูชั่นการจัดการข้อมูลที่ครอบคลุมก็ได้
ซิมพานาสำหรับการสำรองข้อมูลของคอมพิวเตอร์เสมือนจริง (VM Backup) การกู้คืนข้อมูล (Recovery) และการจัดการระบบคลาวด์ (Cloud Management) ช่วยให้ผู้ดูแลจัดการเครื่องเสมือนจริง รวมทั้งผู้ใช้งานสามารถสร้าง ป้องกัน และเพิ่มประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานเสมือนจริงและคลาวด์ได้เอง
ซอฟท์แวร์ซิมพานานี้มีความแตกต่างจากโซลูชั่นทั่วไปที่เพียงช่วยแก้ปัญหาเฉพาะจุดในการสำรองข้อมูลของวีเอ็ม ซึ่งช่วยให้เจ้าของและผู้ถือครองสามารถจัดการดำเนินงานต่างๆ ของคอมพิวเตอร์เสมือน (VM) ไม่ว่าจะเป็นการจัดเตรียม การบริหารจัดการ การสำรองข้อมูล การกู้คืน การปลดข้อมูลที่หมดอายุ และการจัดเก็บในคลัง โดยผ่านอินเตอร์เฟซเดียวจากหลายๆ แพลตฟอร์ม ซึ่งรวมไปถึงอเมซอนเว็บเซอร์วิส (Amazon Web Services) ไมโครซอฟท์อะซัว (Microsoft Azure) ไมโครซอฟท์ไฮเปอร์-วี (Microsoft Hyper-V) วีเอ็มแวร์ (VMware) และซิทริกซ์เซ็นเซิร์ฟเวอร์ (Citrix XenServer)
ราคาของผลิตภัณฑ์จะขึ้นอยู่กับชนิดไลเซนส์ต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ จะคิดราคาต่อซ็อกเก็ตหรือต่อ 10 วีเอ็มแพ็ค ผลิตภัณฑ์ชุดโซลูชั่นซิมพานาวีเอ็ม (Simpana VM) ประกอบด้วยตัวชี้วัดการรายงาน (Metrics reporting) ระบบขจัดข้อมูลซ้ำซ้อนทั่วโลก (global deduplication) และการจำลองของระบบขจัดข้อมูลซ้ำซ้อน (deduplication-aware replication) การกู้คืนวีเอ็มแบบทันที (instant VM recovery) และการบำรุงรักษาเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งแตกต่างจากข้อเสนอของผู้ให้บริการอื่นๆที่มีอยู่ในขณะนี้
ซิมพานา อินเทลลิสแนป รีคัพเวอรี (Simpana IntelliSnap® Recovery) ได้รวบรวมและเพิ่มความคล่องตัวในด้านต่างๆ เช่น ฮาร์ดแวร์สแน็ปช็อตที่คำนึงถึงแอพพลิเคชั่นเป็นหลัก (application-aware hardware snapshot) การจำลองแบบ และการกู้คืนเพื่อให้สินทรัพย์ข้อมูลพร้อมใช้อย่างเต็มที่อย่างเต็มที่ในขณะที่ขนาดและความซับซ้อนมีมากขึ้น
ลูกค้าสามารถบริหารจัดการสแน็ปช็อตจากฮาร์ดแวร์ (hardware-based snapshot) สำหรับโครงสร้างพื้นฐานแอพพลิเคชั่นทั้งทางกายภาพและแบบเสมือนจริงที่ใหญ่ที่สุดได้โดยอัตโนมัติ
การบูรณาการซอฟท์แวร์ใหม่ของซิมพานาสำหรับตู้สตอเรจและแอพพลิเคชั่นต่างๆ รวมทั้งระบบเน็ตแอพ (NetApp) เอชดีเอส (HDS) และออราเคิล (Oracle)
ตัวเลือกราคาสำหรับสแน็ปช็อตการป้องกันข้อมูล (data protection snapshot) การจำลองแบบ (replication) และการบริการประมวลผลแบบระยะทางไกล (remote services) ได้แบ่งเป็นสองแบบคือ การวัดจากปริมาณข้อมูลที่ใช้งานจริงหรือตามจำนวนของตู้สตอเรจที่ใช้
ซิมพานาสำหรับการป้องกันข้อมูลปลายทาง (Simpana for Endpoint Data Protection) ช่วยป้องกันและช่วยให้สามารถทำงานเมื่ออยู่ที่ไหนก็ได้ โดยการช่วยสำรองข้อมูลในอุปกรณ์ใช้งานต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพและการจัดหาช่องการเข้าถึงที่ปลอดภัยพร้อมทั้งความสามารถในการค้นหาได้ด้วยตนเอง
ฟีเจอร์ใหม่นี้จะช่วยปกป้องไฟล์งานต่างๆ และโฟลเดอร์ที่ใช้งานร่วมกัน การป้องกันการสูญหายของข้อมูล และรักษาความปลอดภัย รวมถึงทำงานร่วมกันเพื่อปกป้องข้อมูลที่ใช้อุปกรณ์ที่ช่วยในการอัพโหลด
ลดความเสี่ยงและลดค่าใช้จ่ายที่มีต่อการค้นหาข้อมูลอิเล็กทรอนิก (eDiscovery) และกระบวนการเก็บรักษาข้อมูลที่ถือตามกฎหมาย (legal hold) สำหรับการจัดการข้อมูลทั้งหมด
การสำรองข้อมูลปลายทาง การใช้ไฟล์ร่วมกัน และการค้นหาโซลูชั่นต่างๆ จะเป็นการให้ไลเซนส์แบบหนึ่งไลเซนส์ต่อหนึ่งผู้ใช้งาน
ซิมพานาสำหรับอีเมลล์แบบอาร์ไคฟ์ (Simpana for Email Archive) ช่วยเพิ่มผลผลิต ลดความเสี่ยงในการปฏิบัติตามกฎระเบียบและปรับปรุงข้อมูลเชิงลึกโดยการบูรณาการช่องทางเข้าถึงการบริการค้วยตนเอง การค้นหาข้อมูลอิเล็กทรอนิก (eDiscovery) และกระบวนการรักษาข้อมูลที่ถือตามกฎหมาย ที่มีการปรับเปลี่ยนให้ง่ายขึ้น รวมไปถึงการจัดเก็บระยะยาวที่คุ้มค่าและมีประสิทธิผล
ฟังก์ชั่นการวิเคราะห์แบบบิวท์อินที่เข้ามาช่วยปรับปรุงการวางแผนการจัดเก็บข้อมูลและช่วยตัดสินใจสำหรับนโยบายการจัดเก็บอีเมลล์ในคลัง
โซลูชั่นเซตชุดใหม่นี้สามารถนำไปใช้ได้ทั้งในระบบคลาวด์ของแต่ละองค์กร ส่วนตัว หรือไฮบริด พร้อมทั้งสนับสนุนการทำงานร่วมกับ ออฟฟิศ 365 (Microsoft Office 365) เอาท์ลุค (Microsoft Outlook) และไมโครซอร์ฟ เอ็กซ์เชนจ์ (Microsoft Exchange) และไอบีเอ็ม โลตัส โน๊ต (IBM Lotus Notes)
การจัดเก็บคลังอาร์ไคฟ์มีการคิดไลเซนส์ตามจำนวนเมลล์บ๊อกซ์ ซึ่งรวมถึงการทำอาร์ไคฟ์ การค้นหา และการเลือกปฏิบัติตามข้อกำหนดอีกด้วย
Tinder ส่งสติ๊กเกอร์ Pride ฉลองความหลากหลายและความรักไร้ขีดจำกัด
5 กุญแจสำคัญในการสร้าง Healthy Relationship
สร้างแอพพลิเคชั่นให้โดนใจผู้ใช้: เคล็ดลับ UX/UI ที่นักพัฒนามือใหม่ต้องรู้
Bitkub Group ร่วมงาน CATIZEN Night ที่ฮ่องกง เผยแผนสนับสนุนการเติบโตของระบบนิเวศ Telegram และ LINE
สยามเซ็นเตอร์ มอบแรงบันดาลใจและโมเม้นต์แห่งความอบอุ่นในเทศกาลวันแม่ ด้วยเค้กสุดพิเศษจาก Summer Forest
สลีค อีวี โชว์ศักยภาพมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเทคโนโลยีสุดประหยัด คุ้มค่า ปลอดภัย เซฟเงิน เซฟโลก
อลิอันซ์ อยุธยา จัดแคมเปญ Care Day ส่งความห่วงใยให้ลูกค้าห่างไกลไข้เลือดออก
LIT ปลื้ม! บ.ย่อย "ยูไลท์ ดิจิตอล" สุดฮอต! แอป "Ulite" ซื้อก่อน ผ่อนทีหลัง ผลตอบรับดีเกินคาดเปิดฟังก์ชั่นใหม่เจาะวัยทำงาน หวังปี 66 ยอดผู้ใช้ทะลุ 2 ล้านราย
Generative AI จะมาพลิกโฉม "ประสบการณ์ลูกค้า" ได้อย่างไร