ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ที่กระทรวงสาธารณสุขต้องการสื่อสารถึงประชาชนเพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ สามารถรับข้อมูลข่าวสารต่างๆเกี่ยวกับโรคฯอย่างมีสติ ตระหนักแต่ไม่ตื่นตระหนก
ถึงแม้โรคติเชื้อไวรัสอีโบลาจะเป็นโรคติดต่ออันตราย แต่พื้นที่การระบาดของโรคยังคงจำกัดอยู่ในทวีปแอฟริกาทางซีกตะวันตก และจนถึงวันนี้ยังไม่พบว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลาในประเทศไทย อย่างไรก็ตามกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้นิ่งนอนใจและไม่ได้ประมาท ได้มีการประชุมวอร์รูมติดตามสถานการณ์ของโรคอีโบลาอย่างใกล้ชิดทุกวันและได้เตรียมพร้อมเฝ้าระวังป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาอย่างเต็มที่ด้วย 5 มาตรการสำคัญคือ...
1.การเฝ้าระวังและควบคุมโรค ทั้งในคนและสัตว์ ที่ด่านเข้าออกระหว่างประเทศทั้งด่านทางบก เรือ และอากาศ เพื่อค้นหาผู้ที่อาจติดเชื้อที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงให้ได้ไวที่สุด ซึ่งทุกด่านจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรอง วัดอุณหภูมิร่างกาย กรอกเอกสารสุขภาพ ประวัติการเดินทาง สถานที่พักในไทย เบอร์โทรศัพท์ / อีเมล์ที่ติดต่อได้
2.การเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาล ทั้งโรงพยาบาล ทีมแพทย์และพยาบาลเพื่อให้การดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยให้ดีที่สุดตามมาตรฐานการรักษา
3.การเตรียมพร้อมทางห้องปฏิบัติการซึ่งมีทั้งของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และรพ.จุฬาฯเพื่อรองรับการตรวจวินิจฉัยให้ทราบว่าผู้ที่เข้าข่ายต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสอีโบลาหรือไม่
4.การสื่อสารให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน เพื่อลดความตระหนกและสร้างความร่วมมือกันในการเฝ้าระวังโรค
5.การบริหารจัดการ เช่นการสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ป้องกันตนเองสำหรับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานการสนับสนุนสื่อความรู้ต่างๆ
ข้อแนะนำสำหรับประชาชน ช่วงนี้หากไม่มีความจำเป็นควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปพื้นที่โรคระบาด จนกว่าการระบาดจะสงบ หากจำเป็นต้องเดินทางไปขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการประเทศนั้นอย่างเคร่งครัด เมื่อเดินทางกลับก็ให้ความร่วมมือในการติดตามเฝ้าระวังโรคตามระบบที่วางไว้ โดยกรมควบคุมโรคได้จัดทำคำแนะนำสำหรับประชาชนและผู้ประกอบการโรงแรมให้ช่วยร่วมเฝ้าระวังผู้เดินทางและเน้นการสังเกตอาการป่วย เช่น ไข้สูงเฉียบพลัน อ่อนเพลียมาก ปวดศีรษะและเจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อมาก อาเจียน ท้องเสีย และมีผื่นนูนแดงขึ้นตามตัว ให้รีบแนะนำหรือช่วยพาไปพบแพทย์ หรือแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้มาตรวจสอบโดยโรคนี้จะมีระยะฟักตัวประมาณ 2 - 21 วัน
***ขอย้ำว่าโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาติดต่อทางการสัมผัสเลือด น้ำเหลือง หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วยหรือศพของผู้ที่เสียชีวิตจากโรคนี้ แต่จะไม่ติดต่อทางการหายใจ ทางอาหาร ทางน้ำดื่มหรือถูกยุงกัด ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422***
สธ.-สปสช. ผนึกกำลัง! เปิดตัวชุดสิทธิประโยชน์ "เด็กฉลาดด้วยธาตุเหล็ก" ฟรี! เดินหน้าแก้วิกฤต "เด็กไทยซีด" หวังยกระดับไอคิวเด็กไทย
สธ. เดินหน้าปั้น 'Super CG' เสริมพลังระบบดูแลผู้สูงอายุ ครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 10,000 คน
ทีม SEhRT กรมอนามัย คุมเข้มสุขาภิบาล-สิ่งแวดล้อมศูนย์พักพิง เร่งเสริมคลอรีนและสบู่ล้างมือ ให้เพียงพอ
กรุงเทพประกันภัยส่งต่อพลังใจให้คนรุ่นใหม่ ผนึกกำลังกรมสุขภาพจิต ต่อยอดแนวคิด "ยินดีที่ได้รู้ใจ" ชวน "เขื่อน-หมอฟรัง" ร่วมเสริมเกราะป้องกันใจ ณ มทร.พระนคร
กรมอนามัย เตือนฝุ่นและก๊าซรอบกองขยะหลังน้ำลดในพื้นที่หาดใหญ่ แนะผู้ปฏิบัติงาน-ประชาชน ป้องกันตนเองเพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ
สธ.-มหาเถรสมาคม เดินหน้าพัฒนาศักยภาพพระธรรมนิเทศด้านสุขภาวะ ยกระดับ "พระแข็งแรง วัดมั่นคง ชุมชนเป็นสุข"
อนุทิน-พัฒนา" เร่งฟื้นฟูสุขาภิบาล-คุณภาพน้ำประปา และจัดการขยะหลังน้ำท่วม เผยพบเด็กเล็กเจ็บป่วยเพิ่ม แนะประชาชนเฝ้าระวังสุขอนามัย
สธ.คุมเข้มมาตรการสุขอนามัย-สิ่งแวดล้อม รองรับนักกีฬา 11 ชาติ แข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 33
กรมอนามัย ปั้นนักจัดการสุขภาพครอบครัว ทั่วไทยรอบรู้ ลดเสี่ยง NCDs