นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 ตุลาคม 2557 ซึ่งเป็นช่วงระหว่างการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 2557 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ สำนักงานใหญ่ธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ กรุงวอชิงตัน ดี ซี ประเทศสหรัฐอเมริกา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ร่วมในพิธีลงนามในความตกลงเพื่อการจัดตั้งสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 (ASEAN+3 Macroeconomic Research Office: AMRO) ให้เป็นองค์การระหว่างประเทศ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลเพื่อลงนามในความตกลงฯ ในนามของประเทศไทย
ความตกลงฉบับนี้เป็นความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน+3 ได้แก่ ประเทศกลุ่มอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับ AMRO จากสถานะบริษัทจำกัดขึ้นเป็นองค์การระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในการติดตาม ประเมิน และรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินของแต่ละประเทศสมาชิกและของภูมิภาคอาเซียน+3 ประเมินความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินในภูมิภาค และเสนอแนะนโยบายที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญ AMRO จะมีบทบาทหลักในการสนับสนุนการดำเนินงานของมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation: CMIM) ซึ่งเป็นกลไกทางการเงินที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน+3 ที่จัดตั้งขึ้นภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กันและกันในกรณีที่สมาชิกประสบวิกฤตหรือกำลังจะประสบวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นความช่วยเหลือที่เสริมเพิ่มเติมจากความช่วยเหลือทางการเงินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF)
การยกระดับ AMRO เป็นองค์การระหว่างประเทศนี้ จะส่งผลดีต่อทั้งประเทศไทยและต่อภูมิภาคอาเซียน+3 โดยจะเป็นการสร้างความมั่นใจว่าประเทศสมาชิกอาเซียน+3 จะมีองค์กรถาวรในการเฝ้าระวังทางเศรษฐกิจและการเงินของภูมิภาคที่มีประสิทธิภาพ มีความน่าเชื่อถือ มีสถานะและความสำคัญเท่าเทียมกับองค์กรทางการเงินระหว่างประเทศอื่นๆ รวมทั้งยังสามารถดึงดูดให้บุคลากรที่มีคุณภาพสูงมาทำงาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์และติดตามภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกและของภูมิภาค
ลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 31 ธันวาคม 2568 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ขานรับนโยบายนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมกรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC3) เพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) ให้กลับมามีความสามารถในการผ่อนชำระเงินงวดได้ตามปกติ เพื่อรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและเงินงวด นานสูงสุด 1 ปี ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์
Easy Money ร่วมงานมหกรรมการเงิน Money Expo 2025 Bangkok พร้อมสินค้าหลุดจำนำคุณภาพ และกิจกรรมสุดพิเศษ
—
Easy Money ร่วมงานมหกรรมการเงิน Money Expo 2025 Ban...
สมาคมประกันวินาศภัยไทย ร่วมเปิดงาน MONEY EXPO 2025 BANGKOK
—
ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย ร่วมพิธีเปิดงานมหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 25...
"รมว.คลัง" เยี่ยมชมบูธกรุงไทย "ALIVE อิสระทางการเงินที่ยั่งยืน" ในงาน Money Expo 2025
—
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ...
SME D Bank เปิดกระหึ่มในงาน 'MONEY EXPO 2025' ยกทัพสินเชื่อเพื่อเอสเอ็มอีไทย ดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3%ต่อปี
—
นายพิชิต มิทราวงศ์ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางแล...
ธนาคารกรุงไทย ร่วมฉลองครบรอบ 150 ปี กระทรวงการคลัง เคียงข้างไทยในทุกก้าวสำคัญ
—
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกียร...
อสังหาฯ คึกคัก! มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 47 เปิดฉาก ย้ำบทบาทฟันเฟืองเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางมาตรการรัฐปลุกกำลังซื้อต้นปี 2568
—
มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่...
ออมสิน ท็อปฟอร์ม! คว้า 7 รางวัลรัฐวิสาหกิจ ปี 2567 "ระดับดีเด่น" มากสุดเป็นประวัติการณ์
—
ออมสิน ท็อปฟอร์ม! คว้า 7 รางวัลรัฐวิสาหกิจ ปี 2567 "ระดับดีเด่น"...
19 ปีแห่งความภูมิใจ ปตท. คว้า 6 รางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น มุ่งดำเนินธุรกิจยั่งยืนอย่างสมดุล
—
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค...
บางกอกทูเดย์จัดเสวนา "2568 สัญญาณอันตรายรัฐบาล ในสายตากูรูการเมือง"
—
นายภูวนารถ ณ สงขลา บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวบางกอกทูเดย์ เป็นประธานจัดงานฉลองครบรอบ...