รมว.คลังไทยร่วมลงนามเพื่อยกระดับสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 (ASEAN+3 Macroeconomic Research Office: AMRO) ให้เป็นองค์การระหว่างประเทศ

14 Oct 2014
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 ตุลาคม 2557 ซึ่งเป็นช่วงระหว่างการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 2557 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ สำนักงานใหญ่ธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ กรุงวอชิงตัน ดี ซี ประเทศสหรัฐอเมริกา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ร่วมในพิธีลงนามในความตกลงเพื่อการจัดตั้งสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 (ASEAN+3 Macroeconomic Research Office: AMRO) ให้เป็นองค์การระหว่างประเทศ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลเพื่อลงนามในความตกลงฯ ในนามของประเทศไทย

ความตกลงฉบับนี้เป็นความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน+3 ได้แก่ ประเทศกลุ่มอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับ AMRO จากสถานะบริษัทจำกัดขึ้นเป็นองค์การระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในการติดตาม ประเมิน และรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินของแต่ละประเทศสมาชิกและของภูมิภาคอาเซียน+3 ประเมินความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินในภูมิภาค และเสนอแนะนโยบายที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญ AMRO จะมีบทบาทหลักในการสนับสนุนการดำเนินงานของมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation: CMIM) ซึ่งเป็นกลไกทางการเงินที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน+3 ที่จัดตั้งขึ้นภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กันและกันในกรณีที่สมาชิกประสบวิกฤตหรือกำลังจะประสบวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นความช่วยเหลือที่เสริมเพิ่มเติมจากความช่วยเหลือทางการเงินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF)

การยกระดับ AMRO เป็นองค์การระหว่างประเทศนี้ จะส่งผลดีต่อทั้งประเทศไทยและต่อภูมิภาคอาเซียน+3 โดยจะเป็นการสร้างความมั่นใจว่าประเทศสมาชิกอาเซียน+3 จะมีองค์กรถาวรในการเฝ้าระวังทางเศรษฐกิจและการเงินของภูมิภาคที่มีประสิทธิภาพ มีความน่าเชื่อถือ มีสถานะและความสำคัญเท่าเทียมกับองค์กรทางการเงินระหว่างประเทศอื่นๆ รวมทั้งยังสามารถดึงดูดให้บุคลากรที่มีคุณภาพสูงมาทำงาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์และติดตามภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกและของภูมิภาค