ประเทศไทยกำลังถูกจับตามองภายใต้แผนปฏิบัติการแห่งชาติเพื่อควบคุมการค้างาช้าง

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

           แผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทยที่รัฐบาลไทยเสนอต่อ คณะกรรมาธิการไซเตส เมื่อวันที่ 30 กันยายน ดูเหมือนจะไม่ตอบสนองตามข้อเรียกร้องของประชาคมนานาชาติที่ต้องให้มีการปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนต่อปัญหาการค้างาช้างผิดกฎหมายภายในประเทศ WWF หรือ กองทุนสัตว์ป่าโลกกล่าว
          แผนปฏิบัติการดังกล่าวไม่ได้ระบุรายละเอียดที่จะช่วยให้ผู้บริโภคหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐตรวจสอบได้ว่า งาช้างที่ยังคงเหลืออยู่ในตลาดค้าปลีกนั้นไม่ได้มาจากการนำเข้าอย่างผิดกฎหมายจากช้างที่ถูกล่า เนื่องจากแผนปฏิบัติการงาช้างฉบับนี้ยังมิได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับข้อกำหนดที่นำเสนอในแผน อีกทั้งบทลงโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎข้อบังคับภายใต้แผนปฏิบัติการฉบับนี้ยังไม่เพียงพอ ส่งผลให้ไม่มีกระบวนการขัดขวางการค้างาช้างผิดกฎหมาย
          WWF เสนอว่าวิธีการที่ง่ายและมีประสิทธิภาพมากที่สุดที่จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรทางการค้าในระดับโลกภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (The Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora: CITES) คือ การยุติตลาดการค้างาช้างภายในประเทศ ซึ่งเป็นตลาดที่เอื้อให้เครือข่ายอาชญากรรมสามารถดำเนินการฟอกงาช้างที่ถูกลักลอบนำเข้ามาอย่างผิดกฎหมายให้เป็นงาช้างที่ถูกกฎหมายได้
          “แผนปฏิบัติการฯ ที่ประเทศไทยยื่นเสนอมิได้แสดงให้เห็นถึง วิกฤตการณ์ปัจจุบันที่ช้างทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ อันจะทำให้ประเทศไทยเสี่ยงต่อการคว่ำบาตรทางการค้า ซึ่งจะทำให้ประเทศต้องสูญเสียรายได้กว่า 9,700 ล้านบาทต่อปี (US$297 Million)” ดร.โคลแมน โอ คริโอเดน ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าสัตว์ป่า ของ WWF กล่าว 
          “นาทีนี้คือนาทีที่ประเทศไทยสามารถแสดงถึงความเป็นผู้นำของโลกในเรื่องของช้าง อันเป็นสัญลักษณ์ของประเทศที่คนไทยเคารพนับถือและเป็นผู้นำในเรื่องแก้ไขปัญหาทุจริตอีกด้วย”
          พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ได้ให้ความสำคัญกับการกำจัดปัญหาการทุจริตและการลักลอบตัดไม้เป็นประเด็นสำคัญลำดับต้นๆของประเทศชาติ การยุติการค้างาช้างจึงเป็นประเด็นที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประเด็นที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ในการรายงานสถานการณ์ของประเทศชาติต่อประชาชนครั้งล่าสุดนายกรัฐมนตรีได้กล่างถึงความสำคัญเรื่องการจัดการการค้างาช้างผิดกฎหมาย
          “อนุสัญญาไซเตสได้กำหนดระยะเวลาให้ประเทศไทย 6 เดือน ภายในช่วงเวลานี้ รัฐบาลยังคงมีโอกาสที่จะปรับปรุงแผนปฏิบัติการดังกล่าว ตราบใดที่รัฐบาลยังเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน” ดร.โคลแมน โอ คริโอเดน กล่าวเสริม
          คณะกรรมาธิการประจำไซเตสได้มีการประชุมกันเมื่อเดือนกรกฎาคมปีนี้ และมีข้อสรุปว่า กฎข้อบังคับของประเทศไทยเกี่ยวกับการจัดการตลาดการค้างาช้างภายในประเทศยังไม่เพียงพอ ตัวแทนรัฐบาลจากประเทศต่างๆที่เป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการประจำฯ ได้ข้อสรุปนี้หลังจากที่ประเทศไทยไม่ได้แสดงให้เห็นความคืบหน้าที่มีนัยยะของแผนปฏิบัติการก่อนหน้านี้และหลังจากที่มีการสำรวจตลาดการค้างาช้างในประเทศไทยโดย TRAFFIC หรือ องค์กรเครือข่ายเฝ้าระวังการค้าสัตว์ป่าและพืชพันธุ์ TRAFFIC พบว่าจำนวนงาช้างโดยรวมที่วางขายมีมากเกินกว่าจำนวนงาช้างที่มาจากช้างบ้านในประเทศไทย ดังนั้น งาช้างที่มีวางขายในตลาดอยู่นั้น ต้องมาจากการนำเข้างาช้างผิดกฎหมายอย่างแน่นอน
          ประเทศไทยได้มีเวลาถึงวันที่ 30 กันยายน นี้ที่จะนำเสนอแผนปฏิบัติการฉบับปรับปรุงในการควบคุมการค้าและการครอบครองงาช้างภายในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ และควรเสนอบทลงโทษที่เข้มงวดในกรณีของการครอบครองหรือการค้างาช้างผิดกฎหมายภายในประเทศ และประเทศไทยยังมีเวลาถึงวันที่ 31 มีนาคม 2558 ในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการอย่างเข้มข้น มิฉะนั้นประเทศไทยจะเสี่ยงต่อการถูกคว่ำบาตรทางการค้าในกลุ่มสินค้าภายใต้การควบคุมของอนุสัญญาไซเตส อันนำรายได้มาสู่ประเทศ เช่น กล้วยไม้และหนังจระเข้ เป็นต้น
          "วิธีที่ดีที่สุดที่ประเทศไทยสามารถแก้ไขข้อห่วงใยของคณะกรรมาธิการฯ และสามารถแสดงความเป็นผู้นำในประเด็นนี้ในสายตานานาชาติไว้ได้คือ การยุติการค้างาช้างภายในประเทศเท่านั้น ข้อเสนอใดๆที่น้อยกว่าการยุติการค้างาช้างไม่สามารถแก้ปัญหาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่กับสถานการณ์ที่มีปริมาณงาช้างผิดกฎหมายหมุนเวียนอยู่ในตลาดเป็นจำนวนมาก และประเทศไทยยังต้องรับมือกับเครือข่ายอาชญากรรมที่กำลังทำให้ตลาดประเทศไทยเป็นแหล่งฟอกงาช้างผิดกฎหมาย” ดร.โคลแมน โอ คริโอเดน กล่าว
 

ข่าวกองทุนสัตว์ป่าโลก+งาช้างผิดกฎหมายวันนี้

นิทรรศการ ช.ช้าง ช่วยช้าง ณ หอศิลปกรุงเทพฯ

WWF-ประเทศไทย หรือกองทุนสัตว์ป่าโลกซึ่งดำเนินโครงการรณรงค์ต่อต้านการค้างาช้างผิดกฎหมายและแคมเปญ "ช.ช้าง ช่วยช้าง" ที่ผ่านมา จะจัดนิทรรศการ ช.ช้าง ช่วยช้าง พร้อมช้างไม้จำลองใหญ่ "ช้างบุญช่วย" ที่สร้างจากภาพคอลลาจของประชาชนจากทั้งหมดกว่า 1.2 ล้านคนที่ได้แสดงพลังต้านการฆ่าช้างเอางาผ่านแคมเปญ "ช.ช้าง ช่วยช้าง" ที่ผ่านมา เพื่อเผยแพร่ความรู้และรณรงค์ต้านการฆ่าช้างเอางาในประชาชนวงกว้างและนักท่องเที่ยว ณ ลานหน้าหอศิลปกรุงเทพฯระหว่างวันที่ 23 มิถุนายน 19 กรกฎาคม 2558 ในการนี้ WWF-ประเทศไทยขอความอนุ

13 มีนาคม วันช้างไทย

เนื่องในวันที่ 13 มีนาคมของทุกปี เป็นวันช้างไทย และ WWF-ประเทศไทย หรือกองทุนสัตว์ป่าโลก ซึ่งดำเนินโครงการรณรงค์ต่อต้านการค้างาช้างผิดกฎหมายและแคมเปญ “ช.ช้าง ช่วยช้าง” ที่ผ่านมา จะจัดนิทรรศการ “ช้างบุญช่วย” ช้างไม้จำลองใหญ่ที่สร้างจากภาพคอลลาจของประชาชนจากทั้งหมดกว่า 1 ล้านคนที่...

WWF ส่งมอบช้าง “บุญช่วย” ให้แก่รัฐบาล แสดงพลังคนรักช้าง ร่วมต้านการฆ่าช้างเอางา

WWF-ประเทศไทย หรือ กองทุนสัตว์ป่าโลก ส่งมอบช้างจำลอง “บุญช่วย” ให้แก่ พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แสดงพลังของคนไทยที่ รักช้างและร่วมต้านการฆ่าช้างเอางาผ่านแคมเปญ “ช.ช้าง...

อโกด้า แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยว ... อโกด้ามุ่งพัฒนาโปรแกรม Eco Deals จัดสรรงบประมาณสูงสุดถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนโครงการอนุรักษ์ ครอบคลุม 10 ประเทศทั่วเอเชีย ร่วมกับ WWF — อโกด้า แพลต...

ช้างป่าที่อาศัยอยู่ในเขตภูมิภาคเอเชียตะวั... WWF เปิดตัวโครงการใหม่เพื่อช้างเอเชียในระดับภูมิภาค เชิญชวน "พันธมิตรช่วยช้าง" เข้าร่วมมือ — ช้างป่าที่อาศัยอยู่ในเขตภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเท...

ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น ประกาศความร่วมม... เอปสันสานความร่วมมือ WWF ฟื้นฟูผืนป่าทั่วโลก — ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น ประกาศความร่วมมือกับองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือ WWF องค์กรอนุรักษ์สิ่ง...

ผู้บริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด... เอปสันจับมือ WWF จัดค่ายฯ วิทย์ทะเล — ผู้บริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด โดยนายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร และนายคณินธรรมภิบาลอุดม...

- ขยายกิจกรรมอนุรักษ์ทางทะเลไปยัง 3 ประเท... LANEIGE-WWF ลงนามความร่วมมือระดับโลกด้านการอนุรักษ์ทางทะเล — - ขยายกิจกรรมอนุรักษ์ทางทะเลไปยัง 3 ประเทศทั่วโลก (เกาหลี จีน และไทย) และดำเนินกิจกรรมอนุรักษ...