วันที่ ๓๑ มี.ค. ๕๘ เวลา ๑๕.๓๐ น. ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายอนุสันต์ เทียนทอง โฆษก กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยภายหลังร่วมรับฟังการแถลงข่าวของทีมโฆษกรัฐบาล ว่า จากกรณีที่สื่อมวลชนได้รายงานสถานการณ์ลูกเรือประมงตกค้าง ณ เกาะอัมบน สาธารณรัฐอินโดนีเซียเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งที่ถูกจับกุม ถูกกักบริเวณ และหลบหนีซ่อนตัวอยู่บนเกาะ ประกอบด้วยแรงงานไทยและต่างชาติ ทั้งนี้ องค์กรเอกชนต่างๆ ได้แก่ มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN) ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ Anti Human Trafficking Network (ATN) ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือลูกเรือประมง Seafarers Action Center (SAC) ได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐลงพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติอย่างเร่งด่วน ซึ่งรัฐบาลไทย โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวนั้นกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้เร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยได้เชิญหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาและเห็นชอบให้จัดชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจจากหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเดินทางไปปฏิบัติงานเพื่อติดตามช่วยเหลือลูกเรือประมงไทยที่ประสบปัญหาต้องการความช่วยเหลือ ณ เกาะอัมบน สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งทีมชุดเฉพาะกิจ นำโดย พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย เอนกเวียง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เป็นหัวหน้าคณะ ประกอบด้วย กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กรมการกงสุล กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปเกาะ อัมบน สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ ๒๗ มีนาคม – ๕ เมษายน ๒๕๕๘ โดยมีภารกิจ ๔ ประการคือ
๑) การช่วยเหลือคนไทยที่ตกค้างอยู่บนเกาะอัมบน สาธารณรัฐอินโดนีเซีย
๒) การช่วยเหลือแรงงานที่ติดค้างบนเรือและผู้ที่ต้องการเดินทางกลับ
๓) การตรวจสอบศพคนไทยในสุสาน
๔) การส่งกลับประเทศไทยอย่างปลอดภัย
นายอนุสันต์ กล่าวต่อไปว่า ทีมชุดเฉพาะกิจฯ ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือลูกเรือประมง (One Stop Service) ที่เกาะอัมบนเรียบร้อยแล้ว และตนได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย เอนกเวียง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ในฐานะหัวหน้าคณะ ว่าหลังจากมีการจัดตั้งศูนย์ฯ เพื่อรับลงทะเบียนลูกเรือประมงแล้ว ๒ วัน (วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๘ ถึง ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘) พบลูกเรือประมงเข้ารายงานตัวกับชุดเฉพาะกิจจากประเทศไทยแล้ว จำนวนทั้งสิ้น ๑๐๑ คน เป็นคนไทย ๕๗ คน เมียนมาร์ ๓๙ คน ลาว ๒ คน และกัมพูชา ๓ คน โดยคาดว่าจะมีกำหนดกลับประเทศไทยในอีก ๒ สัปดาห์ข้างหน้า และสำหรับภารกิจของทีมชุดเฉพาะกิจฯในวันนี้ จะมีการเรียกเรือประมงไทยในน่านน้ำอินโดนีเซีย จำนวน ๘๒ ลำ เข้ามาตรวจสอบ โดยตั้งเป้าวันละ ๒๐ ลำ ซึ่งจะใช้เจ้าหน้าที่ทีมละ ๕ คน แบ่งเป็น ๒ ทีม ช่วยกันตรวจตราในด้านต่างๆ อาทิ ทะเบียนเรือ หนังสือคนประจำเรือ (Seaman book) สุขภาพของลูกเรือ เป็นต้น พร้อมทั้งสำรวจรายชื่อแรงงานไทยที่ไม่ประสงค์อยู่ต่อและต้องการเดินทางกลับภูมิลำเนา นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเตรียมเดินทางไปยังเกาะเบนจินา เพื่อตรวจสอบเรือประมงประมาณ ๕๐ ลำ และสำรวจลูกเรือประมงที่ตกค้างเพื่อดำเนินการช่วยเหลือต่อไป
นายอนุสันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณีลูกเรือประมงไทย ๒๑ คน ที่เดินทางกลับมาแล้วนั้น เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๘ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้ประสานทีมสหวิชาชีพประกอบด้วย พนักงานสอบสวนจากกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ นักสังคมสงเคราะห์จากกองต่อต้านการค้ามนุษย์ และสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ(ชาย) จังหวัดปทุมธานี ร่วมกันสัมภาษณ์คัดแยกผู้เสียหาย ที่สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ (ชาย) จังหวัดปทุมธานี โดยผลการคัดแยกพบว่า มีลูกเรือประมงที่เข้าข่ายเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จำนวน ๕ คน ซึ่งผู้เสียหายมีที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร นครราชสีมา ชลบุรี ชัยภูมิ และอุบลราชธานี ทั้งนี้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้มอบเงินกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์เป็นค่าครองชีพและการเดินทางกลับภูมิลำเนาสำหรับผู้เสียหายคนไทยส่งกลับจากต่างประเทศ คนละ ๓,๐๐๐ บาท และได้ประสานเจ้าหน้าที่จากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเพื่อดูแลช่วยเหลือด้านสิทธิประโยชน์ให้กับลูกเรือประมงทั้งหมดก่อนเดินทางกลับภูมิลำเนา นอกจากนี้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จะได้ติดตามดูแลครอบครัวตามภูมิลำเนาเดิมของลูกเรือประมงไทยทั้งหมด เพื่อช่วยเหลือครอบครัวอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ ยังคงมีลูกเรือประมงที่อยู่ในความคุ้มครองชั่วคราว ของสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ (ชาย) จังหวัดปทุมธานี จำนวน ๓ คน โดยเป็นผู้เสียหาย จำนวน ๒ คน และเป็นลูกเรือประมงที่ประสบปัญหา จำนวน ๑ คน นอกนั้นได้เดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาแล้ว
"นอกจากนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยกองต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้รับการประสานจากกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ว่ามีการส่งกลับลูกเรือประมงไทยจากเกาะอัมบน สาธารณรัฐอินโดนีเซีย จำนวนอีก ๖ คน กำหนดถึงท่าอากาศยานดอนเมือง ในวันที่๑ เมษายน ๒๕๕๘ โดยสายการบิน Air Asia เที่ยวบินที่ QZ ๒๕๒ เวลา ๒๐.๑๕ น. อย่างไรก็ตาม ตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่และงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามช่วยเหลือเยียวยาลูกเรือประมงไทยที่ประสบปัญหาทุกคนอย่างเต็มที่หลังเดินทางกลับถึงประเทศไทย ตามภารกิจของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ พร้อมทั้งประสานกับญาติของลูกเรือประมง เพื่อติดต่อรับกลับภูมิลำเนา ส่วนกรณีลูกเรือประมงไทย ๕๗ คน ที่รายงานตัวกับชุดเฉพาะกิจจากประเทศไทยที่เกาะอัมบนนั้น จะได้แจ้งสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (สนง.พมจ.) ดำเนินการประสางานแจ้งญาติที่อยู่ในภูมิลำเนาของลูกเรือให้ทราบต่อไป ทั้งนี้ หากประชาชนท่านใดที่ประสงค์จะสอบถามหรือขอความช่วยเหลือตามหาญาติ สามารถโทรมาสอบถามได้ที่ศูนย์ช่วยเหลือสังคม OSCCโทร ๑๓๐๐ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง” นายอนุสันต์ กล่าวท้าย
พม. จัดงานใหญ่ "วันคนพิการสากล ประจำปี 2568" เชิดชูเกียรติคนพิการต้นแบบ
พม. องค์กรด้านคนพิการ และภาคีเครือข่าย ชวนร่วมงาน "วันคนพิการสากล" 3 ธันวาคม 2568
กทม. เดินหน้า "สุขุมวิทโมเดล" จัดระเบียบผู้ค้า-คนไร้บ้าน-ขอทานต่างด้าว เพิ่มความปลอดภัยประชาชน-นักท่องเที่ยว
พาราไดซ์ พาร์ค จับมือ พม. ชวนช้อปของขวัญแทนใจ เติมเต็มความสุขและส่งต่อการให้ ในงาน "Gift to Give ครั้งที่ 7 มหกรรมของขวัญถูกใจได้บุญ 2025"
หลักสูตรไลฟ์ขายสินค้าออนไลน์ สู่อาชีพสร้างรายได้ คืนความเท่าเทียมผู้พิการ ความสำเร็จจากโครงการ Heart to Heart โดย อำพลฟูดส์ และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
หลักสูตรไลฟ์ขายสินค้าออนไลน์ สู่อาชีพสร้างรายได้ คืนความเท่าเทียมผู้พิการ ความสำเร็จจากโครงการ Heart to Heart โดย อำพลฟูดส์ และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
"It's Ok to be Artist" ปิดฉากอย่างงดงาม นิทรรศการศิลปะจากศิลปินออทิสติก ถ่ายทอดพลังแห่งความเข้าใจและแรงบันดาลใจสู่สังคม
กระแสตอบรับดี! พม. จัด "Job and Market Fair : มหกรรมสร้างงาน สร้างอาชีพคนพิการ" ประชาชนร่วมงานคึกคัก
เปิดประสบการณ์ศิลปะจากหัวใจ มรภ.บ้านสมเด็จฯ ชมงานนิทรรศการ "It's Ok to be Artist"