อาเซียนจับมือรวมตัวทางการเงินเน้นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ในการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน (ASEAN Finance Ministers’ Meeting: AFMM) ครั้งที่ 19 การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน (ASEAN Finance Ministers and Central Bank Governors’ Meeting: AFMGM) ครั้งที่ 1 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 20-21 มีนาคม2558 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เปิดเผยว่า “การรวมตัวของประเทศอาเซียน 10 ประเทศเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(ASEAN Economic Community: AEC) มีความเป็นรูปธรรมชัดเจนมากขึ้น จะเห็นได้จากการที่อาเซียนได้ดำเนินการตามแผนการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้ตามเป้าหมายในช่วงระหว่าง ปี 2552-ปัจจุบัน ไปแล้วถึงร้อยละ 77.7 ขณะที่ในสาขาการเงินการคลังได้ดำเนินการตามเป้าหมาย ในช่วงระยะเวลาเดียวกันได้สูงถึงร้อยละ 80 และคาดว่าจะบรรลุตามเป้าหมายได้ภายในสิ้นปีนี้ และเพื่อเป็นการแสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวและความร่วมมือที่ใกล้ชิดในสาขาการเงินการคลังของประเทศอาเซียน 10 ประเทศ ที่ประชุมมีมติให้จัดการประชุมร่วมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน และเปลี่ยนชื่อการประชุมเป็น “การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน (ASEAN Finance Ministers and Central Bank Governors’ Meeting: AFMGM)” โดยการประชุมในครั้งนี้ถือเป็นการประชุมครั้งแรก”
          ที่ประชุมได้พิจารณาการดำเนินการกองทุนโครงสร้างพื้นฐานอาเซียน (ASEAN Infrastructure Fund: AIF) ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนเมษายน 2555 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้กู้แก่โครงการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อสนับสนุนการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานของอาเซียน (ASEAN Connectivity) โดยมีธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) เป็นผู้จัดการกองทุนดังกล่าว ปัจจุบัน AIF มีเงินกองทุน 485.3 ล้านเหรียญสหรัฐ และให้กู้ไปแล้วร่วมกับเงินกู้ของ ธนาคารพัฒนาเอเชียรวม 3 โครงการ ในประเทศอินโดนีเซียและเวียดนามเป็นเงิน 165 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งที่ประชุมเห็นควรให้มีการใช้กองทุน AIF ช่วยค้ำประกันโครงการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public-Private Partnership: PPP) ด้วย ซึ่งในประเด็นนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทย ได้ให้ข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า ควรพิจารณาบทบาทของกองทุนเพิ่มเติมในการให้การสนับสนุนด้านเงินทุน (Equity) แก่โครงการเพิ่มเติมจากเป็นเงินกู้เพียงอย่างเดียว เพราะกองทุนสามารถได้รับผลตอบแทนในรูปรายได้ด้วย
          นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอรายงานเศรษฐกิจโดยสถาบันการเงินระหว่างประเทศ ได้แก่ ธนาคารโลก (World Bank) ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) และ สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 (ASEAN+3 Macroeconomic Research Office: AMRO) จากรายงานต่างๆ พบว่า เศรษฐกิจของอาเซียนยังมีความแข็งแกร่ง มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงจากการใช้จ่ายภาคเอกชน และการลงทุนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ประเทศสมาชิกอาเซียนยังคงต้องระมัดระวังต่อความเสี่ยงภายนอก เช่น ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจและค่าเงินของกลุ่มเศรษฐกิจที่สำคัญของโลกที่ไปคนละทิศทางกัน ในแง่ความเปราะบางหรือจุดอ่อนของกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งหลายสำนักชี้ว่าควรเฝ้าระวังในบางเรื่อง เช่น หนี้ครัวเรือนและการดำเนินนโยบายการเงินการคลังที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียนยืนยันที่จะดำเนินนโยบายการเงินการคลังของแต่ละประเทศสมาชิกอย่างรอบคอบ เพื่อให้เศรษฐกิจ เติบโตอย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพ รวมทั้งคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจของภูมิภาคในภาพรวมด้วย
          ในการประชุมครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ลงนามในพิธีสาร 2 ฉบับ ได้แก่
          (1) พิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ 6 ภายใต้กรอบการตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน ซึ่งพิธีสารฉบับนี้ มีสาระสำคัญ คือการรับรองให้มีการดำเนินการเปิดเสรีสาขาธนาคารพาณิชย์ภายใต้กรอบการรวมตัวภาคการธนาคารของอาเซียน (ASEAN Banking Integration Framework: ABIF) ซึ่งเป็นการให้สิทธิกับประเทศสมาชิกอาเซียนตั้งแต่สองประเทศขึ้นไปสามารถเจรจาเพื่อกำหนดคุณสมบัติมาตรฐานของธนาคารพาณิชย์ที่จะอนุญาตให้เปิดดำเนินกิจการในประเทศคู่เจรจาได้ (Qualified ASEAN Banks: QABs) บนพื้นฐานของความสมัครใจของ 2 ประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องมีทุกประเทศเข้าร่วมการเจรจา นอกจากนี้ ประเทศไทยได้ยกระดับข้อผูกพันผูกพันการเปิดเสรีในส่วนของสาขาประกันภัยและสาขาธนาคารพาณิชย์ให้เทียบเท่ากฎหมายที่บังคับใช้ในปัจจุบัน (2) พิธีสารว่าด้วยกรอบกฎหมายเพื่อดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน (Protocol on the Legal Framework to Implement the ASEAN Single Window) ซึ่งเป็นกรอบทางกฎหมายเพื่อให้การดำเนินการติดต่อสื่อสาร และการประมวลผลทางอิเล็กทรอนิกส์ของธุรกรรมระหว่างระบบ National Single Window ของแต่ละประเทศสมาชิก เป็นไปตามมาตรฐานสากลและแนวปฏิบัติที่ดีสอดคล้องกับข้อกำหนดในความตกลงระหว่างประเทศและอนุสัญญาเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกทางการค้า และการทำให้เทคนิคและการปฏิบัติทางศุลกากรมีความทันสมัย


ข่าวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง+ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนวันนี้

คณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์มีมติแต่งตั้ง "ดร.มหัทธนะ อัมพรพิสิฏฐ์" ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป

คณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) มีมติแต่งตั้ง ดร.มหัทธนะ อัมพรพิสิฏฐ์ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป นายอัครุตม์ สนธยานนท์ ประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการธนาคารในการประชุมวันนี้ (18 ธันวาคม 2568) มีมติแต่งตั้ง ดร.มหัทธนะ อัมพรพิสิฏฐ์ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (กรรมการผู้จัดการลำดับที่ 15 ของ ธอส.) โดยความ

ไมโครซอฟท์ ตอกย้ำพันธสัญญาสำคัญในการพัฒนา... ไมโครซอฟท์ ย้ำพันธสัญญา นำพลังแห่ง AI และนวัตกรรมล้ำหน้า เร่งขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศไทย — ไมโครซอฟท์ ตอกย้ำพันธสัญญาสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้...

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคา... SME D Bank ร่วมพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานกระทรวงการคลัง — นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ...