ภายในงาน ไท(ย)ม์ แมชชีน : เมื่อเทรนด์โลกย้อนสู่ภูมิปัญญาไทย ที่จัดขึ้นโดยสำนักงานบริการและพัฒนาองค์ความรู้(องค์การมหาชน) okmd ร่วมกับสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ(NDMI) สำนักงานอุทยานการเรียนรู้(TK Park) และศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) ถือเป็นการจัดงานมหกรรมความรู้ (Knowledge Festival)ครั้งที่ 3 มีผู้มาร่วมงานจำนวนมาก ทั้งนักศึกษาและประชาชนทั่วไป โดยในงาน (18 มกราคม 2558) มีการเปิดประสบการณ์สัมมนาในรูปของ Therapy symposium ในประเด็นสุขภาพองค์รวม พร้อมการมีส่วนร่วมของผู้ฟังที่ได้รับการตรวจสุขภาพ มีการจัดผังที่นั่งแบ่งผู้เข้าร่วมงานตามกลุ่มเดือนเกิด (ธาตุเจ้าเรือน) ที่ช่วยกำหนดแนวทางการดูแลรักษาสุขภาพตัวเองให้สอดคล้องกับธาตุเจ้าเรือน พร้อมผ่อนคลายด้วยการนวดจากนักเรียนนวดแผนไทย ทั้งไทยและต่างชาติจากโรงเรียนแพทย์แผนโบราณ (วัดโพธิ์)
นายกรด โรจนเสถียร นายกสมาคมสปาไทยและผู้อำนวยการชีวาศรม อคาดิมี มองว่า ขณะนี้เรื่องที่ใกล้ตัวมากที่สุดคือเรื่องการรักษาสุขภาพ โดยเทรนด์โลกกำลังหันมาสนใจภูมิปัญญาของเอเชียซึ่งรวมทั้งไทยมากขึ้น การอยู่อย่างสุขภาพดี ถือเป็นเทรนด์โลกที่ผู้คนกำลังแสวงหา ทำให้เกิดกลุ่มคนที่เรียกว่า นักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว คนเหล่านี้ยินดีเสียเงินจำนวนมหาศาลเพื่อการดูแลรักษาสุขภาพตัวเอง ล่าสุดมีการคาดการณ์เทรนด์ในอนาคต ในรายงานการประชุมใหญ่ด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาวะโลก ปี 2013 มีสถิติที่แสดงว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาวะกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วมาก เพราะความต้องการของผู้บริโภคที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น จนคาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดสูงถึง 21.7 แสนล้านบาทหรือ 678.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ********เช็คตัวเลขใหม่เพราะconvert ค่าเงินแล้วไม่เท่ากัน ในปี 2017 จะมีการจ้างงานในธุรกิจนี้สูงถึง 11.7 ล้านตำแหน่งทั่วโลก มีมูลค่าสูงถึง 41.6 แสนล้านบาท คาดการณ์ว่า ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพในประเทศแถบเอเชีย ละตินอเมริกา และตะวันออกกลางจะเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 50%
นอกจากนี้นายกรดยังได้กล่าวถึงภูมิปัญญาไทย ด้านการแพทย์แผนไทย โดยเฉพาะศาสตร์การนวดฤาษีดัดตน ที่มีการบัทึกไว้ประมาณปี 2325 จากหลักฐานที่ปรากฎอยู่ที่วัดโพธิ์ จะเป็นอาวุธสำคัญที่จะสามารถดึงอัตลักษณ์เหล่านี้มาเป็นจุดขายได้ เพราะปัจจุบันนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว มักสนใจเมนูการทำสปาหรือการนวดแบบไทย จึงเป็นตัวบ่งชี้ว่าการแพทย์แผนไทย จะสามารถสร้างมูลค่าทางธุรกิจจำนวนมหาศาลจากองค์ความรู้ที่มีมาตั้งแต่อดีต ถือเป็นโอกาสของการนวดไทยและธุรกิจสปาไทย ซึ่งมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี
อย่างไรก็ตามถึงแม้แนวโน้มการท่องเที่ยวแบบ Wellness Tourism กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศแถบนี้ และประเทศไทยมีจำนวนทริปของนักท่องเที่ยวสูงถึง 5.8 ล้านทริป โดยไทยได้รับการจัดอันดับที่ 14 และมีแนวโน้มจะขึ้นเป็นอันดับที่ 11 ในอีก 2 ปีข้างหน้า แต่เมื่อมีการรวมตัวเป็นตลาดเออีซี จะมีบุคลาการกลุ่มนี้ไหลเข้ามาจากต่างประเทศด้วยเช่นกัน จึงต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ตามยุทธศาสตร์ของประเทศที่กำหนดไว้ว่า Think well-Being Hub, Think Thailand หรือ คิดถึงเรื่องสุขภาพ คิดถึงประเทศไทย ซึ่งนับเป็นการเดินมาอย่างถูกทางแล้ว แต่ในความเป็นจริงยังคงมีปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข ก็คือ ปัจจุบันยังมีร้านนวดสปาจำนวนมาก โดยเฉพาะDay spa ที่มีมากที่สุด ยังขาดบุคลากรที่มีคุณภาพและขาดมาตรฐานการบริการ เราอาจเห็นภาพสถานบริการสปาจำนวนมาก แต่ตัวเลขสถานประกอบการสปาที่มีการขึ้นทะเบียนตามมาตรฐานมีเพียง 1,600 แห่งเท่านั้น ที่สำคัญส่วนตัวอยากเห็น therapist หรือ ผู้นวดบำบัด/รักษาของไทย ที่มีศักยภาพสามารถมีอาชีพที่ดีในประเทศไทยมากกว่าการต้องออกไปทำงานในต่างประเทศเช่นทุกวันนี้
ด้านนายแพทย์ทีปทัศน์ ชุณหสวัสดิกุล แพทย์แผนปัจจุบันผู้นำองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยมาประยุกต์ใช้ เพราะค้นพบว่า แพทย์แผนไทยคือเรื่องเดียวกับการแพทย์แบบองค์รวมที่โลกกำลังตื่นตัว และเป็นเจ้าของร้านอาหารรูปแบบคลินิก(Clinic Restaurant) ได้กล่าวว่า ความสำคัญของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมนั้น ไม่ได้เน้นเฉพาะการรักษาร่างกาย แต่ยังรวมถึงการดูแลจิตใจตลอดจนจิตวิญญานประกอบด้วย ในสมัยโบราณ จากการสังเกตทำให้ค้นพบว่า มนุษย์เรามีความสัมพันธ์กับธรรมชาติและจักรวาล (จักรราศี) ในทฤษฎีการแพทย์แผนไทย มีแนวคิดแบบองค์รวม โดยก่อนที่จะวินิจฉัยหรือรักษาโรคจะต้องวิเคราะห์ธาตุเจ้าเรือน ซึ่งมีการแบ่งธาตุเจ้าเรือนออกเป็น 4 ประเภท คือ ธาตุดิน น้ำ ลม และไฟ และมี 2 ลักษณะ คือ ธาตุเจ้าเรือนเกิด (ตามวันเดือนปีที่ปฏิสนธิ) กับธาตุเจ้าเรือนปัจจุบัน ที่อาจเปลี่ยนแปลงไปตามพฤติกรรมของบุคคลหรือสภาพแวดล้อมรอบตัว
ในงานสัมมนาครั้งนี้ นายแพทย์ทีปทัศน์ยังได้นำเครื่องมือที่ช่วยตรวจสุขภาพให้กับผู้ฟังที่เกิดในธาตุเจ้าเรือนที่แตกต่างกันด้วย จากแนวทางการประยุกต์โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการตรวจสุขภาพร่างกายตามศาสตร์แพทย์แผนไทย ถือเป็นอีกเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้ไทยสามารถขยายองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยไปสู่การวิเคราะห์สุขภาพในเชิงวิทยาศาสตร์ ที่สามารถจับต้องและพิสูจน์ได้จริง เพื่อตอบโจทย์ความสามารถของประเทศ หากจะก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพองค์รวมนานาชาติ(Holistic Medical Hub) ที่ใช้ศาสตร์ดั้งเดิมของไทยมาเป็นจุดสำคัญ ในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมในอนาคต
ฟิโอนา ธาริณี เกรแฮม อดีตนางแบบสาว ที่กำลังทำโครงการ Free Birth เพื่อส่งเสริมการคลอดแบบธรรมชาติมานานกว่า 15 ปี ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ผู้ซึ่งเคยคลอดลูกโดยมีหมอตำแยมุสลิมในจังหวัดตรังเป็นผู้ทำคลอดให้นั้น กล่าวถึงประสบการณ์ในการนำภูมิปัญญาไทยด้านการดูแลคุณแม่ขณะตั้งครรภ์มาใช้ พบว่า ขณะนี้ในกลุ่มคุณแม่ในยุโรปต่างสนใจและเลือกการคลอดแบบธรรมชาติมากขึ้นโดยเฉพาะการคลอดแบบหมอตำแย ที่เธอได้รับการถ่ายทอดมาจากครูสว่าง หมอตำแยสายราชสำนักอยุธยา ซึ่งต่างจากที่ปรากฎในละครหรือภาพยนตร์ที่คุณแม่จะต้องทนเจ็บปวดและอาจเสียชีวิตในการคลอดลูก แต่การศึกษาอย่างจริงจังของเธอทำให้ค้นพบว่าการคลอดแบบหมอตำแย เป็นการคลายคลอด ไม่ใช่การเบ่งคลอดที่สร้างความเจ็บปวดจนคุณแม่จำนวนมากมีประสบการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับการคลอดลูก
ในแต่ละปีเธอสามารถดูแลคุณแม่ที่ต้องการคลอดด้วยวิธีนี้ประมาณ 3 คนเท่านั้น เนื่องจากการคลอดแบบของไทย หมอตำแยจะเปรียบเสมือนผู้ดูแลประตูชีวิต ซึ่งไม่ได้ทำเฉพาะจัดการช่วยเหลือการคลอดอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงการบำรุงสุขภาพ ด้วยการเลือกอาหารและสอนการปฏิบัติตัวขณะตั้งครรภ์ ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3เดือนก่อนคลอด ระหว่างนั้นยังมีการนวดร่วมด้วยในทุกๆ เช้า มีการสอนคุณแม่ในการกำหนดลมหายใจ มีการเตรียมความพร้อมไม่เพียงคุณแม่ แต่ยังแนะนำคุณพ่อและคนในครอบครัวที่จะช่วยกันดูแลคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ หมอตำแยจึงกลายเป็นการเติมช่องว่างของความสัมพันธ์ระหว่างหมอกับคุณแม่และกับครอบครัวได้เป็นอย่างดี
Ms. Maria Laso Fernandel นักเรียนนวดไทย ชาวสเปน จากโรงเรียนแพทย์แผนโบราณ(วัดโพธิ์) ซึ่งมาให้บริการนวดผู้เข้าร่วมสัมมนา เล่าว่า เธอเป็น Massage therapy ประจำโรงแรม Agvas de Ibiza Hotel ประเทศในยุโรป ได้มาเรียนนวดแผนไทย คอร์ส 135 ชั่วโมง การเรียนทำให้รู้ว่า การนวดไทยนับเป็นการนวดที่ช่วยเกี่ยวกับระบบการไหลเวียนของเหลวในร่างกาย ทั้งระบบเลือดและน้ำเหลืองให้ไหลเวียนดี ซึ่งถือเป็นการปรับสมดุลร่างกายที่สมบูรณ์แบบที่สุดเมื่อเทียบกับการนวดแบบอื่นๆ ซึ่งเธอจะกลับมาเรียนอีกครั้งในขั้นของการนวดรักษา เพื่อแก้อาการต่างๆ ในช่วงปลายปีนี้แน่นอน
สำหรับในจัดงานครั้งนี้ นอกจากจะมีการสัมมนาเพื่อค้นหาองค์ความรู้จากภูมิปัญญาไทย ที่จะสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดให้สอดรับกับ เทรนด์โลกแล้ว ยังมีการจัดแสดงองค์ความรู้ด้านต่างๆ ที่จะสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนยุคปัจจุบัน เช่น การนวดแผนออฟฟิศ เพื่อแก้ปัญหาออฟฟิศซินโดรม นวดแผนสมาร์ทโฟน การประยุกต์การนวดเพื่อรักษาอาการจากพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟน การนำเสนอผลงานการนำภูมิปัญญาไทยมาต่อยอดด้วยความคิดสร้างสรรค์ เพิ่มนวัตกรรม เพื่อให้ผู้เข้าชมงานสามารถนำองค์ความรู้ต่างๆ ไปพัฒนาสร้างสรรค์ต่อไป อนาคตอันใกล้นี้ สถานะของเราอาจเปลี่ยนไป ถ้าเข้าใจในสิ่งที่เรามีและสิ่งที่โลกกำลังต้องการ สมกับจุดประสงค์ของงานที่ต้องการสร้าง ไท(ย)ม์ แมชชีน เพื่อค้นหาภูมิปัญญาไทยที่จะกลายเป็นเทรนด์ของโลกต่อไปได้อย่างยั่งยืน
รับมอบงานออกแบบการจัดแสดงวังสวนบ้านแก้วจากมิวเซียมสยาม
OKMD ลงนามบันทึกข้อตกลง กสศ. พัฒนาศักยภาพ ลดความเลื่อมล้ำด้านการศึกษา
OKMD จับมือ กสศ. ผลักดัน Mobile learning นำการเรียนรู้ไปให้ถึงเด็กยากจน ด้อยโอกาส ในพื้นที่ห่างไกล
มิวเซียมสยาม ชวนย้อนรอยมรดกทางวัฒนธรรม ในงานเทศกาลศิลปะ เปิดเกาะรัตนโกสินทร์ Cultural District 2023 พระนคร ออน ดราม่า 19 - 28 พ.ค. นี้
มิวเซียมสยามมุ่งเชื่อมโยงศิลปวัฒนธรรม ไทย-ออสเตรีย เปิดนิทรรศการ "Walls, Interrupted กำแพง ถูกขัดจังหวะ" ถอดเรื่องราวสถานที่และสถาปัตยกรรมในประเทศไทย ผ่านศิลปินชาวออสเตรีย
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย จับมือมิวเซียมสยาม เปิดนิทรรศการพิพิธภัณฑ์ กทพ.
มิวเซียมสยาม ชวนรองผู้ว่าฯ กทม. และ The Cloud ร่วมแชร์มุมมอง ในงานเสวนาออนไลน์เรื่อง "108 เรื่องมิวเซียม กับ คนกรุงเทพ"
มิวเซียมสยาม ชวนเปิดมุมมองในงานเสวนาออนไลน์ Museum Meeting 2022 "ร่วมสร้างสรรค์ให้พิพิธภัณฑ์สนุกกว่าที่คิด" ผ่าน Museum Thailand Platform
มิวเซียมสยาม ชวนเสพงานศิลป์ในงานเทศกาลศิลปะเปิดเกาะรัตนโกสินทร์ Cultural District 2022: Arts in the Hotel วันที่ 9 - 15 กรกฎาคมนี้