ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน คาดการณ์ว่า ยอดขายรถในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 ในปีนี้ โดยมีปัจจัยหลักมาจากความต้องการภายในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น
          นายวิเวก ไวยา ผู้อำนวยการกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ บริษัทฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน องค์กรให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลก ได้คาดการณ์ ว่า GDP ของประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5% ในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นการเติบโตที่มีปัจจัยหลักมาจากความต้องการภายในประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การบริโภคของภาคเอกชน รวมไปถึงนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้จ่ายของภาครัฐซึ่งจะส่งผลให้เห็นเด่นชัดมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
          “การขยายตัวขึ้นของชนชั้นกลางในประเทศไทย ยังมีส่วนช่วยให้ยอดขายของยานพาหนะขนาด 4 ล้อ เพิ่มสูงขึ้นเนื่องมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ศักยภาพในการซื้อมีสูงขึ้น นอกจากนี้ ในครึ่งปีแรก ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเช่นกัน โดยยอดขายของรถกระบะและรถบรรทุกจะขยับสูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากผู้บริโภคมีการคาดการณ์ว่าราคาของรถประเภทดังกล่าวอาจเขยิบสูงขึ้นในปีหน้า”
          นอกจากนี้ นายวิเวก ยังได้ให้ความเห็นว่า การใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยมีความสำคัญในการเร่งการเติบโตของเศรษฐกิจ และรักษาอัตราการเติบโตในระยะยาวให้เกิดขึ้นได้ พร้อมทั้งยังตั้งข้อสังเกตว่า โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีอายุ 8 ปี ตั้งแต่ พศ. 2558- 2565 ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 3.3 พันพันล้านบาทและได้รับการอนุมัติโดยรัฐบาลแล้วนั้นมีแนวโน้มว่าจะช่วยเยียวยาการเติบโตของยอดการขายรถดังกล่าวได้
          “การเพิ่มขึ้นของการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยยังเป็นปัจจัยที่ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศไทยในการเป็นฐานการผลิตรถยนต์ของภูมิภาคอาเซียน และเป็นฐานการผลิตสำหรับรถยนต์ประหยัดน้ำมันของโลกอีกด้วย นอกจากนี้ ข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่จะทำให้อุปสรรคต่างๆลดลงและช่วยให้เกิดการบูรณาการที่ดีขึ้นในระบบซัพพลายเชนของทั้งโลก
          ปัจจุบัน ประเทศไทยได้เปิดตัว โครงการอีโคคาร์ เฟสที่ 2 ซึ่งมีการลงทุนรวมทั้งสิ้นถึง 139 พันล้านบาท และผู้ผลิตรถยนต์ 10 บริษัทจะผลิตอีโคคาร์ เพิ่มอีก 1.58 ล้านคัน เพิ่มจาก 5 แสนคันต่อปีในเฟสแรก”
          อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและการชะลอตัวของการบริโภคภายในประเทศ ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งในส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์นั้น มีแนวโน้มว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายอีกครั้งในปี พศ. 2558 นี้
“การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปลายปีนี้ก็จะทำให้มีการเข้าถึงตลาดอาเซียนมากขึ้น รวมถึงมีการเคลื่อนไหวของแรงงานภายในภูมิภาคนี้มากยิ่งขึ้นเช่นกัน” นายวิเวก กล่าวปิดท้าย
                    
                            บีโอไอ จับมือ Midea ผู้นำเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ เร่งใช้ชิ้นส่วนในประเทศ เชื่อมโยงซัพพลายเชนโลก
                        
                            TATG ประกาศผลงานครึ่งปีแรก 68 กวาดรายได้ 1,376 ลบ. กำไร 42.5 ลบ. มองครึ่งปีหลัง รับดีมานด์ในประเทศ นโยบายรัฐหนุนอุตฯ ยานยนต์
                        
                            'PIN' โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยม ผลงานปี 67 ทำ All Time High รายได้รวมทะยานสู่ 4,264 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,734 ล้านบาท
                        
                            "ไทยยามาฮ่า" และกลุ่มบริษัทในเครือยามาฮ่า ร่วมปลูกป่าลดสภาวะโลกร้อน สานแนวทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน