โดย พญ. อุษณีย์ รัตนทรงชัย
อายุรแพทย์ระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลปิยะเวท
จากกระแสข่าวครึกโครมเกี่ยวกับการพบเชื้ออหิวาต์เทียม (Vibrio parahaemolyticus) ที่ปนเปื้อนมาในเลือดไก่ในข้าวมันไก่นั้น ทำให้หลายคนวิตกกังวลและตื่นตระหนกมากจนไม่กล้ารับประทานข้าวมันไก่ ทำให้หลายร้านค้าได้รับผลกระทบอยู่ไม่น้อย วันนี้แพทย์จากโรงพยาบาลปิยะเวทมีคำตอบให้เราค่ะ
พญ.อุษณีย์ รัตนทรงชัย อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลปิยะเวท ให้ความรู้กับเราว่า เชื้อ Vibrio parahaemolyticus เป็นแบคทีเรียแกรมลบรูปแท่ง อยู่ในตระกูลเดียวกับอหิวาตกโรค แต่เป็นคนละสายพันธุ์ ชอบอาศัยอยู่ในน้ำทะเลและน้ำกร่อย พบได้ในกุ้ง หอย ปู ปลาและปูหลายชนิด และอย่างที่บอกว่าเชื้ออหิวาต์เทียมมักพบในอาหารทะเล ดังนั้นการพบเชื้อนี้ในเลือดไก่จึงถือเป็นครั้งแรกของโลก จึงสร้างความฉงนให้วงการแพทย์มากทีเดียว และต้องตรวจสอบต่อไปว่า เชื้ออหิวาต์เทียมไปปนเปื้อนในเลือดไก่ได้อย่างไร คาดว่าต้นตอการปนเปื้อนมาจากโรงงานเชือดไก่ในพื้นที่ที่ระบาด
รายงานจากประทศญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน อินเดียและหลายประเทศทางเอเชียพบว่าโรคอาหารเป็นพิษมีสาเหตุจากเชื้อ V. parahaemolyticus ได้บ่อย การติดเชื้อส่วนมากเกิดจากการรับประทานอาหารทะเลดิบหรือไม่ได้ปรุงสุก มีส่วนน้อยที่ได้รับเชื้อเข้าทางบาดแผลเมื่อลงน้ำทะเล ซึ่งทำให้เกิดการติดเชื้อทางผิวหนังร้อยละ34 นอกจากนี้ยังพบการติดเชื้อในกระแสโลหิต ร้อยละ 5 เมื่อคนรับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อนของเชื้อนี้เข้าไปจะทำให้เกิดอาการท้องเสีย ถ่ายเป็นน้ำ คลื่นไส้อาเจียน มีไข้หนาวสั่น มักพบอาการปวดบริเวณลำตัวร่วมด้วย โดยทั่วไปจะแสดงอาการภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากได้รับเชื้อ โดยปกติอาการต่างๆจะหายได้เองภายใน 3 วันโดยไม่ต้องรักษา บางรายอาจเกิดอาการเฉียบพลันและรุนแรงจนเกิดภาวะช็อก อัตราเสียชีวิตน้อยกว่า 1 ต่อ 1,000 เมื่อเกิดอาการท้องเสียสามารถดูแลตัวเองเบื้องต้นได้โดยการรับประทานเกลือแร่เพื่อป้องกันการขาดน้ำ และรับประทานอาหารอ่อนๆที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊กหรือแกงจืด เป็นต้น แต่ถ้าใน 1-2 วันอาการไม่ดีขึ้นควรรีบมาพบแพทย์ทันที ไม่ควรซื้อยาหยุดถ่ายมาทานเองเพราะจะทำให้เชื้อโรคค้างอยู่ในร่างกายซึ่งอาจจะเป็นอันตรายได้ ควรมาโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจดูอาการ และสั่งยาที่เหมาะสมกับอาการ
การป้องกันควรรับประทานอาหารทะเลที่ทำให้สุกและยังร้อนๆอยู่ สำหรับผู้ที่ชอบรับประทานข้าวมันไก่ ยังสามารถรับประทานได้ตามปกติควรเลือกทาน ข้าวมันไก่ที่สุก ทำใหม่ๆ ทานทันที เลี่ยงการทานข้าวมันไก่บรรจุกล่อง เลือดไก่ไม่ควรรับประทาน หรือถ้าอยากรับประทานจริงๆควรต้มให้สุกก่อน ด้วยอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 75 องศาเซลเซียส ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 15 นาที ซึ่งสามารถฆ่าเชื้ออหิวาต์เทียมได้ 100% ส่วนผู้ประกอบการร้านค้า ก่อนนำเลือดไก่ออกมาจำหน่ายหรือเสิร์ฟให้ลูกค้ารับประทานก็ควรเอามาปรุงสุกอีกครั้งก่อนจำหน่าย เพราะส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าเลือดไก่ที่ขายตามท้องตลาดนั้นสุกอยู่แล้ว จึงไม่นิยมนำมาต้มซ้ำอีกครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิด เพราะเลือดไก่จะไม่ผ่านการฆ่าเชื้อโรคที่ถูกวิธี ดังนั้นควรต้มก่อนจำหน่ายอีกครั้ง ควรแยกอาหารสุกและดิบออกจากกัน รวมทั้งแยกอุปกรณ์ในการประกอบอาหาร เช่น แยกเขียงและมีดสำหรับหั่นเลือดไก่และเนื้อไก่ออกจากกัน หากมือเป็นแผลก็ไม่ควรมาสับไก่ขาย ไม่ทิ้งวัตถุดิบให้ค้างมื้อ และควรสวมถุงมือพลาสติกทุกครั้งที่สับไก่สำหรับเสิร์ฟให้แก่ลูกค้า
ฝากไว้สุดท้ายสำหรับประชาชนทั่วไป เพื่อหลีกเลี่ยงโรคอาหารเป็นพิษ ท้องร่วง ท้องเสียนั้น แนะนำให้ “ทานร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” และควรรับประทานอาหารและน้ำดื่มที่สะอาดถูกสุขอนามัย ไม่รับประทานอาหารที่มีแมลงวันตอม หากปรุงอาหารสุกแล้วแต่ยังไม่รับประทานทันที ควรมีฝาชีครอบและนำมาทำให้ร้อนอีกครั้งก่อนจะรับประทาน ใช้ช้อนกลางในการรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น ล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยจากโรคอาหารเป็นพิษ อุจจาระร่วง และอหิวาตกโรคได้
ธ.ทิสโก้จับมือพันธมิตร ลุยให้ความรู้แผนการเงิน - สุขภาพ " เจาะลึกโรคมะเร็งตับ ป้องกัน - รักษา อย่างไร? " @จ.ขอนแก่น
รพ.เมดพาร์ค ชูแคมเปญใหม่ ชวนประชาชน ตรวจคัดกรองมะเร็งระบบทางอาหาร
"มะเร็งลำไส้ใหญ่" ภัยร้ายที่มักพบเมื่อสาย…แพทย์ รพ.วิมุต ชี้ "ส่องกล้องลำไส้ใหญ่" จำเป็น ย้ำอายุ 45 ปีขึ้นไปควรตรวจคัดกรองแม้ไม่มีอาการ
กลืนบอลลูนในกระเพาะอาหารนวัตกรรมใหม่ ลดอ้วน ลดโรค โดย นพ. ธนชัย ปัญจชัยพรพล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ รพ.จุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต"
'SKR' แกร่ง กำไรปี 65 ทะลุ 1,000 ล้าน แม้ไร้โควิด ควัก 330 ล. เคาะจ่ายปันผล 0.16 บาท พร้อมลุยเปิด 3 สถาบันการแพทย์เพิ่ม
รพ.ธนบุรี บำรุงเมือง จัดสัมมนาให้ความรู้ "ภัยร้ายของโรคตับ"
Happy Life by ชีวจิต Season 10 คอมมูนิตี้คนรักสุขภาพ ออนทัวร์ @โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ 23 มิ.ย. 65
ดูแลตับอย่างไรให้สุขภาพดี