สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เวลา 9.00 น.

03 Feb 2015
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,278 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,271 เหรียญ/ออนซ์ (22.30น.) ค่าเงินบาทปิด 32.58 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19,750 บาท กับ 19,850 บาท และกลับมาปิดที่ 19,600 บาท กับ 19,700 บาท

ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 193 คู่สัญญา แบบ 10 บาทอยู่ที่ 2,996 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 0.04% แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 2.1% GFG15 ปิด 19,750 บาท และ GFJ14 ปิด 19,800 บาท GF10G14 ปิดที่ 19,750 บาท GF10J14 ปิดที่ 19,800 บาท

สัญญา Comex ลดลง 2.3 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,276.9 ดอลลาร์/ออนซ์ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.3 เซนต์ ปิดตลาดที่ระดับ 49.57 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR ถือครองทองคำอยู่ที่ระดับ 766.73 ตัน (ซื้อเข้า 8.36 ตัน)

ข่าวที่สำคัญ

-ทองคำได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯในฐานะ Safe Heaven หลังจากตัวเลขการใช้ของผู้บริโภคประจำเดือนธันวาคม ปรับตัวลดลงสู่ระดับ -0.3% ขณะที่ดัชนีภาคการผลิต ISM ประจำเดือนมกราคม ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 53.5 จึงส่งผลให้นักลงทุนในตลาดต่างๆวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

-อย่างไรก็ดี ทองคำยังไม่สามารถไม่ผ่านแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,285 เหรียญ จึงปิดปรับตัวลดลงจากแรงเทขายทำกำไรของกลุ่มนักลงทุนบางส่วน

-นักวิเคราะห์จากรอยเตอร์ ระบุว่า กลุ่มโลหะมีค่าในเดือนที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุดในรอบ 3 ปี ซึ่งภาพรวมในเดือนมกราคมราคาทองคำสามารถปรับตัวได้กว่า 8%

-เมื่อวานนี้ SPDR สำรองทองคำเพิ่มขึ้น 8.36 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 766.73 ตัน

-นักวิเคราะห์จาก Saxo Bank ระบุว่า แรงกดดันในผลตอบแทนพันธบัตรและผลตอบแทนที่เป็นลบมีผลทำให้เราต้องกลับมาพิจารณาทองคำใหม่ ซึ่งแม้ตลาดทองคำกำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะหลุดบริเวณ 1,250 เหรียญ/ออนซ์ เรายังคาดว่าจะได้เห็นแรงซื้อที่เพิ่มขึ้น

-นักวิเคราะห์จาก HSBC ระบุว่า ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าดึงดูดใจ หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัวลงในเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ปริมาณความต้องการทองคำยังคงเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะจากจีนที่ใกล้เข้าสู่เทศกาลตรุษจีน

-ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ หลังจากข้อมูลสหรัฐฯออกมาน่าผิดหวัง แต่ค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินฟรังก์สวิส

-โดยเช้านี้ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.1347 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1293 ยูโร/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินเยนเช้านี้แข็งค่าสู่ระดับ 117.32 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 117.52 เยน/ดอลลาร์ และดัชนีดอลลาร์เช้านี้อยู่ที่ระดับ 94.54 จากระดับ 94.80

-ค่าเงินฟรังก์สวิสปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรและดอลลาร์ หลังมีกระแสข่าวว่าธนาคารกลางสวิสเซอร์แลนด์ (SNB) กำลังเข้าแทรกแซงค่าเงินในประเทศ เพื่อพยายามให้ค่าเงินฟรังก์สวิสอ่อนค่า และมีเป้าหมายอย่างไม่เป็นทางการสำหรับการกำหนดค่าเงินฟรังก์สวิสในช่วง 1.05-1.10 เมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร

-ดัชนีภาคการผลิต (PMI) ของยูโรโซนในเดือนมกราคมขยายตัวสู่ระดับ 51.0 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน เพราะได้รับแรงหนุนจากภาคธุรกิจที่ฟื้นตัวขึ้นของเยอรมนี สเปน และเนเธอร์แลนด์

-นายจอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอังกฤษ กล่าวเตือนว่า ภาวะชะงักงันในการเจรจาข้อตกลงการช่วยเหลือทางการเงินระหว่างกรีซและกลุ่มเจ้าหนี้ที่ยังไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ อาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลก

-กระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจรัสเซีย ปรับทบทวนการคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2015 โดยคาดการณ์ว่า GDP ในปีนี้จะหดตัวลง 3% หลังจากที่ราคาน้ำมันลดลงมาแตะที่ระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล พร้อมคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 12%

-ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด +2.76% ที่ระดับ 49.57 เหรียญ/บาร์เรล เพราะได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯจะปรับตัวลดลง หลังจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯลดลงกว่า 7% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มสหภาพแรงงานในโรงกลั่นน้ำมันและเคมีภัณฑ์ 9 แห่งในสหรัฐฯ ยังคงทำการประท้วงเป็นวันที่ 2 โดยมีเป้าหมายต้องการทำสัญญาฉบับใหม่ทั่วประเทศกับบริษัทน้ำมันที่ครอบคลุมกับพนักงานโรงงานน้ำมันกว่า 63 แห่ง

-เหตุการณ์ความไม่สงบทางตะวันออกของยูเครนทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากการเจรจาสันติภาพล้มเหลว โดยเมื่อวานนี้กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนในยูเครนยังมีคงการยิงจรวดและเข้าปะทะอย่างหนักกับกองกำลังรัฐบาลบริเวณโดเนสก์

-เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด +1.14% และเช้านี้ดัชนีนิกเกอิเปิด +0.55% เพราะได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น จากระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปี จึงสกัดปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯ

-นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.50 - 32.65 บาท/ดอลลาร์ โดยต้องติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในช่วงปลายสัปดาห์ เช่น ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมกราคม

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อคืน

  • Core PCE Price Index ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.0% ตัวเลขจริงที่ออกมาอยู่ที่ระดับ 0.0%
  • Personal Spending ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.5% ตัวเลขจริงที่ออกมาอยู่ที่ระดับ -0.3%
  • ISM Manufacturing PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 55.5 ตัวเลขจริงที่ออกมาอยู่ที่ระดับ 53.5

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้

  • Factory Orders m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.7% ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ -1.8%

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำมีแรงเทขายทำกำไรกลับเข้ามาหลังปรับตัวสูงขึ้นในคืนวันศุกร์ โดยปรับตัวลดลงไปทำจุดต่ำสุดบริเวณ 1,265 เหรียญ/ออนซ์ และดีดกลับขึ้นมาเมื่อตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาออกมาไม่ดีนักหลังจากตัวเลขการใช้ของผู้บริโภคประจำเดือนธันวาคม ปรับตัวลดลงสู่ระดับ -0.3% ขณะที่ดัชนีภาคการผลิต ISM ประจำเดือนมกราคม ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 53.5 และเมื่อคืนราคาทองคำสามารถดีดขึ้นมาบริเวณ 1,280 เหรียญ/ออนซ์อีกครั้ง และในเช้านี้เปิดตลาดเอเชียที่ระดับประมาณ 1,274 เหรียญ/ออนซ์ ขณะที่ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นโดยเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.50 บาท/ดอลลาร์ โดยจะเห็นได้ว่าเมื่อข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาไม่ดีจึงส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรที่ระดับ 1.1349ยูโร/ดอลลาร์ และเมื่อวานนี้ SPDR มีการเข้าซื้อทองคำเพิ่ม 8.36 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ766.73 ตัน สำหรับคืนนี้ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯที่ต้องติดตาม ได้แก่ Factory Orders ที่คราดว่าจะปรับตัวลง

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ในเชิงเทคนิคจะเห็นความผันผวนของราคาทองคำในระยะสั้น ในกรอบ 1,265-1,280 เหรียญโดยในระยะสั้นจะเห็นถึงความผันผวนค่อนข้างมาก ซึ่งการที่ราคายังยืนเหนือ 1,260 เหรียญขึ้นไปได้ยังถือว่าภาพในระยะกลางยังคงเป็นขาขึ้น จึงแนะนำให้นักลงทุนพยายามบริหาร Portfolio ของท่านให้ดี โดยไม่ใช้Leverage และ Margin สูงนัก เพื่อป้องกันความผันผวนของตัวเลข ที่จะกระทบต่อ portfolio ได้

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

เก็งกำไร Sideways ในกรอบระยะสั้น 1,265-1,280 เหรียญ

  • นักลงทุนที่ถือ Long Position และนักลงทุนที่ถือ Short Position

เก็งกำไรระยะสั้นในกรอบ ตามการแกว่งตัวของตลาด เข้า-ออกไว

กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading

บริหารพอร์ตสมดุล โดยไม่ใช้ Leverage และ Margin สูงนัก เพื่อป้องกันความผันผวนของตัวเลข ที่จะกระทบต่อ portfolio ได้

Gold Futures G15 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,730 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,930 บาท

Gold Futures J15 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,780 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,980 บาท

บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

ประชาสัมพันธ์:

1. MTS Gold เชิญลูกค้าสมาชิกเข้าร่วมงานสัมมนา “ทำกำไรในทองคำโดยใช้กราฟทางเทคนิค 2 ระดับ” ร่วมบรรยายโดย นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ โดยระดับที่ 2 จัดขึ้นในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น 17 และ วันที่ 2 มีนาคม 2558 ณ สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 12 เวลา15.00-17.00น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 02-770-7777

2. นักลงทุนสามารถติดตามการวิเคราะห์ตลาดทองคำและตลาดอนุพันธ์ (ช่วงเช้า) กับ MTS Gold ได้ในรายการ “Look Forward” ทางช่อง TNN24 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.10-10.15น.

3. รายการ Gold Tonight by MTS Gold ปรับเปลี่ยนเวลาใหม่ให้เร็วขึ้น ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 21.00-21.05น. ทางช่อง Money Channel ตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.58 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม: 02 770 7777

MTS Research

MTS Gold Group

Phone: 02-770-7777

Fax: 02-623-9366

Email: [email protected]

Website: http://www.mtsgold.co.th