ในวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕8 เวลา 1๕.00 น. ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แถลงว่า ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ไต่สวน กรณีกล่าวหานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) และนายปกรณ์ พันธุ ในฐานะอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมจำนวน 36 ราย ว่าปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือโดยทุจริต กรณีการจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง (พ.ศ.2548-2553) โดยไม่มีอำนาจ เนื่องจากไม่มีกฎหมายรองรับ และเพื่อช่วยเหลือพวกพ้องของตนเอง คณะอนุกรรมการไต่สวนได้พิจารณาแล้ว มีมติ ดังนี้
๑. กรณีกล่าวหานายปกรณ์ พันธุ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะเป็นหน่วยเบิกจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง พ.ศ. 2548 - 2553 โดยมิชอบด้วยกฎหมาย คณะอนุกรรมการไต่สวน พิจารณาแล้ว เห็นว่านายปกรณ์ พันธุ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการในขณะนั้นและในฐานะประธานคณะทำงานช่วยเหลือเยียวยาด้านเงินตามหลักมนุษยธรรม มีหน้าที่ในดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง ตามมติคณะรัฐมนตรีมีมติวันที่ 6 มีนาคม 2555 เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่เช่นเดียวกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง ที่ต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีซึ่งถือเป็นคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่ต้องปฏิบัติตาม นอกจากนี้ยังมีคณะอนุกรรมการด้านการเยียวยาทางแพ่งและการฟื้นฟูด้วยวิธีการอื่น โดยมีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นายธงทอง จันทรางศุ) เป็นประธาน ที่พิจารณากรณีเกิดปัญหาการพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาอีกชั้นหนึ่ง ดังนั้น ในชั้นนี้จึงเห็นว่าการกระทำของนายปกรณ์ พันธุ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ให้จ่ายเงินเยียวยาเท่านั้น ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานเพียงพอตามข้อกล่าวหา จึงเห็นควรให้ข้อกล่าวหา ตกไป
๒. กรณีกล่าวหานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติและจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง พ.ศ. 2548-2553 โดยไม่มีอำนาจ และไม่มีกฎหมายรองรับ คณะอนุกรรมการไต่สวน พิจารณาแล้วเห็นว่าการที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2555 และเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2555 เห็นชอบให้มีการเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง พ.ศ. 2548 - 2553 และให้ใช้งบประมาณจากเงินงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 2,000 ล้านบาท มาใช้ในการดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง พ.ศ. 2548 - 2553 โดยออกหลักเกณฑ์และอัตราการเยียวยาขึ้นใหม่และไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีกฎหมายใดมารองรับการจ่ายเงินเยียวยาดังกล่าว ซึ่งตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติวิธีงบประมาณ พ.ศ. 2502
กำหนดว่าการจ่ายเงินแผ่นดินหรือเงินงบประมาณเพื่อใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินดังกล่าว จะกระทำได้แต่เฉพาะที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม หรือตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ตามกฎหมาย ซึ่งจะต้องเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐ เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดแก่ทางราชการ
การที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และคณะรัฐมนตรี ร่วมกันมีมติ เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2555 และวันที่ 6 มีนาคม 2555 ให้จ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ทางการเมือง และให้ใช้งบประมาณจากเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 2,000,000,000 บาท (สองพันล้านบาท) มาใช้ในการดำเนินการดังกล่าวนั้น โดยออกหลักเกณฑ์และอัตราการเยียวยาขึ้นใหม่ และไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีกฎหมายใดมารองรับการจ่ายเงินเยียวยาดังกล่าว ทั้งที่มิใช่เป็นการจ่ายเงินเกี่ยวกับปฏิบัติราชการตามอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน หรือเป็นไปเพื่อบริการสาธารณะแห่งรัฐ หรือเป็นกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่หากไม่ดำเนินการจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ตามพระราชบัญญัติวิธีงบประมาณ พ.ศ. 2502 แต่เป็นการจ่ายในลักษณะเงินสงเคราะห์ให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง ซึ่งจะต้องมีกฎหมายมารองรับเพื่อใช้บังคับกับกรณีนี้โดยเฉพาะ ซึ่งในอดีตรัฐบาลที่ผ่านมาได้เคยจ่ายเงินในลักษณะเดียวกันนี้ โดยอาศัยพระราชบัญญัติสงเคราะห์ผู้ประสบภัยเนื่องจากการช่วยเหลือราชการการปฏิบัติงานของชาติ หรือการปฏิบัติตามหน้าที่มนุษยธรรม พ.ศ. 2543 เป็นกฎหมายรองรับเพื่อก่อให้เกิดสิทธิในการจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง กรณีจึงเป็นการจ่ายเงินแผ่นดินหรือเงินงบประมาณโดยไม่มีกฎหมายให้อำนาจ ประกอบกับกรอบอัตราการเยียวยาตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวเป็นวงเงินงบประมาณจำนวนสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับมาตรฐานการเยียวยาความเสียหายต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีอื่น ๆ อาทิ การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความ ไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น อีกทั้งมีการกำหนดการชดเชยเยียวยาความสูญเสียทางด้านจิตใจ เป็นจำนวน 3,000,000 บาท โดยไม่มีขั้นตอนพิสูจน์ความเสียหายหรือความสูญเสียแต่อย่างใด อันก่อให้ผลกระทบต่องบประมาณในการบริหารราชการแผ่นดินของประเทศ เป็นการนำงบประมาณแผ่นดินไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมือง โดยไม่คำนึงถึงวินัยทางการเงินการคลัง
ดังนั้น การกระทำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และคณะรัฐมนตรี ผู้ถูกกล่าวหา จึงเป็นการหลีกเลี่ยงละเว้นไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ทำให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของประเทศที่ต้องจ่ายเงินเพื่อการดำเนินการดังกล่าวเป็นจำนวน 1,921,061,629.46 บาท (หนึ่งพันเก้าร้อยยี่สิบเอ็ดล้านหกหมื่นหนึ่งพันหกร้อยยี่สิบเก้าบาทสี่สิบหกสตางค์)
คณะอนุกรรมการไต่สวน จึงมีมติให้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคณะรัฐมนตรี รวมจำนวน 34 ราย เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาได้มีโอกาสชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อไป ตามมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542
สำหรับผู้ถูกกล่าวหา ราย นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2556
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ลงพื้นที่จังหวัดพังงา ที่หาดบางสัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา เป็นประธานเปิด "โครงการชมวิถีชาวเล ยลเสน่ห์มานิ Charming of the Sea Let's see the Mountain 2025" ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 18 พฤษภาคม 2568 โดยมี นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) นายบุญธรรม ถาวรทัศนกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พร้อมคณะผู้บริหาร
พม. จัดแถลงข่าวเตรียมจัดงาน "Charming of the Sea - Let's see the Mountain 2025" ชมวิถีชาวเล ยลเสน่ห์มานิ ณ ณ หาดบางสัก จ.พังงา
—
นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธ...
พม. ชวนเที่ยวงาน Charming of the Sea - Let's see the Mountain 2025 ชมวิถีชาวเล ยลเสน่ห์มานิ ณ หาดบางสัก เริ่ม 16 พ.ค.นี้
—
กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทร...
กทม. เข้มกวดขันจัดระเบียบคนไร้บ้านย่านหัวลำโพง ริมคลองผดุงกรุงเกษม เพิ่มความปลอดภัยให้คนกรุงฯ
—
นายอิทธิพล อิงประสาร ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน กทม. กล่าวกรณีม...
พม. ชวนเที่ยวงาน "Rice of life ประเพณีกินข้าวใหม่ วิถีแห่งความยั่งยืน" สัมผัสวิถีชีวิตราษฎรบนพื้นที่สูง จ.เชียงใหม่ 17-19 ม.ค.นี้
—
กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิ...
ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) รับรางวัลองค์กรส่งเสริม CSR ดีเด่น ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างยั่งยืน
—
ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลองค์...
ปตท. คว้ารางวัลประชาบดี ประจำปี 2566
—
นายนิสิต พงษ์วุฒิประพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่เลขานุการบริษัทและองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ...
"แว่นท็อปเจริญ" รับรางวัล "ประชาบดี" ประจำปี 2566 สาขาองค์กรที่ทำคุณประโยชน์ จากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการฯ กระทรวง พม.
—
แว่นท็อปเจริญ นำโดย นายนพศักดิ์ ต...
กทม.บูรณาการความร่วมมือจัดระเบียบแก้ปัญหาคนเร่ร่อน - ขอทานในพื้นที่สาธารณะ
—
นางสาวสุขวิชญาณ์ นสมทรง ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน กทม.กล่าวกรณีประชาชนร้องเรียนปั...