นายบวร วงศ์สินอุดม รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานคลัสเตอร์ปิโตรเคมี ส.อ.ท. เปิดเผยถึงวิสัยทัศน์ 2020 (Vision 2020) ของกลุ่มคลัสเตอร์ปิโตรเคมี ว่ามีความมุ่งมั่นให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีของไทย เป็นผู้นำในภูมิภาค โดยมีเป้าหมายให้กลุ่มโรงกลั่นปิโตรเลียม พัฒนาเทคโนโลยีการผลิต และบริหารการจัดการ เพื่อสร้างความมั่นคงในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิง สนับสนุนให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความเป็นธรรมในการใช้พลังงาน เพื่อให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่น และเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศอีกทางหนึ่งด้วย ด้านปิโตรเคมี จะสร้างความมั่นคงด้านการผลิตทั้ง Petro-based และพัฒนา bio-based พร้อมขยายขีดความสามารถในการผลิตผลิตภัณฑ์พิเศษ (Specialty products) ด้วยเทคโนโลยี เพื่อก้าวสู่ผู้นำในเขตเศรษฐกิจประชาคมอาเซียน (AEC) ควบคู่กับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างความสุขที่ยั่งยืนให้กับชุมชน สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก มุ่งเน้นการผลิตทดแทนการนำเข้า เพื่อลดการขาดดุลการค้าและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้มีการขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี เพื่อสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับประชาชน รวมทั้งจะขยายตลาดไปยังสินค้า Hi value-added product และผลิตสินค้าจาก bio-plastic ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สำหรับกลุ่มเคมี มีเป้าหมายพัฒนาระบบและมาตรฐานการจัดการสารเคมีอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถตอบสนองต่อพันธกรณีและข้อตกลงระหว่างประเทศและรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ
“คลัสเตอร์ปิโตรเคมี มียุทธศาสตร์มุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อสร้างมูลค่าให้สินค้า ยกระดับการผลิตให้เป็น High–value ทดแทนการนำเข้า ส่งเสริมให้มีการทำวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อให้ธุรกิจในคลัสเตอร์ปิโตรเคมีเติบโตอย่างยั่งยืน มีคุณค่าต่อระบบเศรษฐกิจ การใช้ชีวิตของสังคมยุคใหม่โดยดูแลสิ่งแวดล้อม ชุมชน ให้อยู่ร่วมกันกับอุตสาหกรรมอย่างมีความสุข และลงทุนด้านเทคโนโลยี พัฒนาความสามารถด้าน Eco-process & Eco-products สร้างกลไกในการป้องกัน และบริหารจัดการผลิตภัณฑ์สารเคมี พร้อมสร้างโอกาสทางการลงทุนจากการเปิดเสรีจากกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจต่างๆ โดยเราจะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้นำของอาเซียนในการผลิต Specialty, Bio-plastics และ Bio-Refinery พร้อมกับส่งเสริมอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมให้มีการเติบโตผลิตสินค้าและบริการ เพื่อสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น เป็นกลไกสนับสนุนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ให้มีการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล ผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภคในประเทศ และขยายตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศ รวมถึงมีการพัฒนาระบบการขนส่งและจัดส่งเพื่อลดต้นทุนให้สามารถแข่งขันได้อีกด้วย” นายบวร กล่าว
นายบวร ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เพื่อให้คลัสเตอร์ปิโตรเคมี มีการเติบโตอย่างยั่งยืน และเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจ ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนในสังคม ทางคลัสเตอร์ฯ จะมีการส่งเสริม Eco-industry สร้างมาตรฐานผลิตภัณฑ์ และมีศูนย์ทดสอบคุณภาพ นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมศักยภาพในการปลูกพืชพลังงานให้กับเกษตรกรไทย ทางคลัสเตอร์ฯ พร้อมให้การสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน อันจะยังประโยชน์ด้านต่างๆ ให้กับประเทศ และที่สำคัญต้องมีแผนในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรระยะยาวเพื่อรองรับการขยายตัวทางด้านอุตสาหกรรม มีการสร้าง Center of Excellence ร่วมกับภาคการศึกษาให้ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม สร้างความเชื่อมโยงของเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยี
สำหรับมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อผลักดันคลัสเตอร์ปิโตรเคมีสู่การเป็นผู้นำในภูมิภาค รัฐจะต้องมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาขีดความสามารถเพื่อผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมชีวภาพ (Bio-Industry) ปรับโครงสร้างราคาพลังงานในประเทศไทยให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกภาคส่วนและสะท้อนต้นทุนพลังงานที่แท้จริงของประเทศ (LPG) มีมาตรการเชิงรุกส่งเสริมการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า อาทิ การส่งเสริมการลงทุน มาตรการด้านการตลาด เทคโนโลยีและข้อมูลการค้าเชิงลึก และให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อประชาชนเพื่อให้เห็นว่าคลัสเตอร์อุตสาหกรรมปิโตรเคมี มีส่วนสำคัญต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของคนในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม คลัสเตอร์ปิโตรเคมีประกอบด้วยกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก 4 กลุ่ม ได้แก่ โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ปิโตรเคมี พลาสติก และเคมี ซึ่งขณะนี้ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปิโตรเคมีเติบโตอย่างมาก ด้วยผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีมีลักษณะพิเศษ สามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะทางได้ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจึงเป็นผลิตภัณฑ์เพื่ออนาคต สิ่งเหล่านี้ได้มาจากทรัพยากรภายในประเทศ เช่น ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยซึ่งสามารถนำมาแปรสภาพให้เป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่มีมูลค่าเพิ่ม และยังเป็นการช่วยลดการใช้พลังงานอีกด้วย
อนึ่ง ทิศทางการพัฒนาธุรกิจกลุ่มปิโตรเคมี จะต้องมีการปรับรูปแบบการดำเนินการและการบริการต่างๆ (Business Model) ที่เหมาะสม และส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดความร่วมมือประสานงานความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรม กับส่วนงานราชการ ผู้จำหน่าย เพื่อ ให้คลัสเตอร์ปิโตรเคมีเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
TCMA ชูศักยภาพ "Co-Processing" หนุนเป้าหมาย NDC 3.0
กลุ่ม ปตท. และกลุ่มฯ โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ส.อ.ท. เดินหน้าขับเคลื่อนประเทศไทย ด้วยพลังงานที่ยั่งยืน และคาดการณ์ราคาน้ำมันปี 69
PTG ร่วมกับ กรมการขนส่งทางบก เดินหน้าลดฝุ่น PM2.5 ในโครงการ "ร่วมทาง ร่วมใจ ลดฝุ่น PM2.5" เพื่อยกระดับมาตรการปล่อยมลพิษจากภาคการขนส่ง
กรมทรัพย์สินทางปัญญา จับมือ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ฯ เสริมแกร่งผู้ประกอบการ SME ในเครือข่าย ติวเข้มการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญา ผ่านการให้คำปรึกษาเชิงลึกแบบตัวต่อตัว
การดำเนินงานและแผนขับเคลื่อน "คณะทำงาน Zero Corruption: กกร. และเพื่อน ไม่ทน"
ดีป้า หารือเครือข่ายพันธมิตรอุตสาหกรรมดิจิทัล รวบรวมความคิดเห็นเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ
อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ผนึกกำลังภาคอุตสาหกรรมไทย จัดงาน "JGAB 2026" ผลักดันกรุงเทพฯ สู่ศูนย์กลางการค้าอัญมณีแห่งอาเซียน
ปตท.สผ. คว้ารางวัลสูงสุดจากเวที Climate Action Awards 2025 สะท้อนความโดดเด่นในการดำเนินงานด้าน Decarbonization